อาแลน เอเมส (Alan Ames) เป็นชาวออสเตรเลีย เป็นที่รู้จักกันดีสำหรับคาทอลิกในสหรัฐในฐานะผู้บำบัดรักษาของพระเจ้า และเขาทำเช่นเดียวกันนี้ในประเทศอื่นอีกมากกว่า 40 ประเทศ
ย้อนเวลาไปในปี 1993 อาแลนมีชีวิตที่สุขสบาย แต่เขาดื่มเหล้าอย่างหนัก จนกลายเป็นคนติดสุรา เขาอาศัยอยู่ในโรงแรมในเมืองอาเดเลด (ออสเตรเลีย) มีอาชีพเป็นเซลส์แมนขายยา ครั้งหนึ่งในระหว่างการเดินทางไปยังที่ต่างๆเพื่อทำงานทางธุรกิจ ทันทีทันใดเขามีประสบการณ์ที่น่ากลัว เขาเห็นภาพหนึ่งเป็นสีดำ (วิญญาณ) “มันมาจับผมไว้และเริ่มบีบคอผม”
“ผมคิดว่า ผมกำลังจะตาย”
“ภาพนั้นดูเหมือนผู้ชายที่ดำมืด มันมีมือและฟันที่ใหญ่มาก ตาของมันเป็นเปลวไฟลุกโชนที่เต็มไปด้วยความเกลียดชัง แล้วทันใดผมก็ได้ยินเสียงหนึ่งดังขึ้นในหัว ‘จงสวดบทข้าแต่พระบิดา’ ด้วยความสิ้นหวัง ผมเริ่มสวดทันที”
“ผมไม่เคยไปโบสถ์เลย ถึงแม้ผมจะได้รับศีลล้างบาปเป็นคาทอลิก แต่ตอนนั้นผมเริ่มสวดภาวนาแล้วเจ้าสิ่งนั้นก็หยุด ต่อมามันก็โจมตีผมอีก ผมสวดภาวนาอีกและมันก็หยุด เป็นอย่างนี้ไปตลอดทั้งคืน ผมกลัวมากจริงๆ มันเต็มไปด้วยความเกลียดชังต่อผม ผมไม่เคยรู้สึกกลัวอะไรมากเช่นนี้มาก่อน ผมคิดว่าผมกำลังจะตาย แล้วตัวของผมก็ถูกยกขึ้นเหนือพื้นและถูกผลักไปที่กำแพง ในตอนเช้าวันรุ่งขึ้นมีรอยช้ำรอบคอของผม”
มันเป็นประสบการณ์ของ “การโจมตีของปีศาจ” และอาแลนเริ่มที่จะเรียนรู้การต่อสู้ฝ่ายจิต “ผมได้เห็นพระอานุภาพของบทภาวนาข้าแต่พระบิดา” เขากล่าว “เมื่อผมเริ่มสวดภาวนา การโจมตีก็หยุดลงทันที” ประสบการณ์เช่นนี้ยังคงมีอยู่ทั่วไปในทุกวันนี้
ไม่กี่สัปดาห์หลังจากถูกโจมตีจากปีศาจ นักบุญเทเรซาแห่งอาวิลาได้เริ่มพูดกับเขา ท่านแนะนำให้เขาสวดสายประคำ (แม่ของอาแลนสวดสายประคำเสมอเพื่อขอให้ลูกชายกลับใจ และครั้งหนึ่งเธอยังได้พูดแนะนำนักบุญเทเรซาแห่งอาวิลาให้อาแลนรู้จักด้วย)
ครั้งนี้นักบุญเทเรซาได้มาเองและกระตุ้นให้เซลส์แมนคนนี้สวดสายประคำ
ตอนแรก, อาแลนกล่าว, ท่านนักบุญพูดกับเขาในลักษณะ locutions (ได้ยินเสียงในจิตใจ) แต่ในไม่ช้าท่านก็ปรากฏให้ผมเห็นอย่างชัดเจน แม้แต่สุนัขของเขาก็เห็นท่านนักบุญด้วย มันชะงักและวิ่งออกไปนอกห้อง
“ท่านดูเคร่งขรึมและนั่งลงที่เก้าอี้”
“ท่านพูดว่า ถ้าผมไม่เปลี่ยนแปลงชีวิตแล้ว ผมจะต้องไปนรก ผมจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงชีวิตอย่างสมบูรณ์ ผมเป็นคนที่ก้าวร้าวมาก ผมเคยทำร้ายคนอื่น ท่านบอกว่าผมต้องรับศีลศักดิ์สิทธิ์ นี่เป็นเรื่องใหญ่ที่สุดที่ท่านขอให้ผมทำ”
แต่อาแลนก็ยอมทำตามคำว่ากล่าวตักเตือนนี้ ต่อมา พระเยซูเจ้าและแม่พระก็ได้พูดกับเขาในลักษณะของ locutions ซึ่งดำเนินมาจนถึงทุกวันนี้
สาส์นสำคัญที่แม่พระตรัสกับอาแลนคือ ความนบนอบเชื่อฟัง “พระนางบอกผมว่า ผมต้องเป็นคาทอลิกและต้องนบนอบเชื่อฟังพระศาสนจักร”
“เป็นเรื่องสำคัญมากที่จะต้องรับศีลมหาสนิท และนบนอบเชื่อฟัง เขาอีกผู้หนึ่ง(ซาตาน)เป็น ‘เจ้าแห่งความไม่นบนอบเชื่อฟัง’” อาแลนเล่า
“พระเยซูเจ้าสั่งผมให้ไปพบกับพระสังฆราชและเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้ท่านฟัง ถ้าพระสังฆราชสั่งให้ผมหยุด ผมก็ต้องหยุดในทันที ผมต้องนบนอบเชื่อฟัง”
และนั่นหมายถึงพระอัครสังฆราชแบรี่ เจมส์ ฮิคกี้ ทางออสเตรเลียตะวันตก(Archbishop Barry James Hickey in western Australia) อาแลนจึงไปหาท่าน “ผมใช้เวลานานมากกับท่านสังฆราช และเล่าเรื่องทั้งหมดให้ท่านฟัง ท่านให้การสนับสนุนผมและส่งเสริมผมให้ออกไปพูดเล่าประสบการณ์ในชีวิตของผมแก่ผู้คน”
“ท่านได้แต่งตั้งพระสงฆ์ผู้แนะนำจิตวิญญาณให้แก่ผม ในตอนแรกพระสงฆ์ท่านนั้นไม่เชื่อเรื่องที่เกิดขึ้นกับผม แต่ภายในเวลาสามเดือนพระสงฆ์ท่านี้ก็กลายเป็นผู้สนับสนุนผมอย่างเต็มที่”
เรื่องราวได้ดำเนินต่อไปเป็นความลึกลับที่เริ่มขึ้นแทบทุกวัน ปัจจุบันนี้อาแลนได้รับพระวาจาในลักษณะ locutions มากกว่าการเห็นประจักษ์(Vision) เขาได้เห็นการประจักษ์สามถึงสี่ครั้งต่อสัปดาห์ แต่ locutions จะมีทุกวัน สิ่งที่อาแลนได้ยินและได้เห็นทุกอย่างจะถูกรายงานไปยังอัครสังฆมณฑลของเขา และทางสังฆมณฑลได้ออกจดหมายอนุญาติให้เขาไปปรากฏตัวในโบสถ์ทั่วโลกได้
อาแลนบอกว่า ครึ่งหนึ่งของสาส์นที่เขาได้รับจะเป็นการให้คำแนะนำฝ่ายจิตสำหรับบางคน และสาส์นอีกครึ่งหนึ่งถูกบันทึกในหนังสือ ทุกวันนี้อาแลนจะสวดภาวนาเพื่อผู้คนทั่วไป และบางทีก็มีผลลัพท์ที่น่าประหลาดใจ เช่นชายตาบอดหายจากตาบอด แต่อาแลนจะไม่รู้ว่าใครที่ได้รับการรักษาหรือใครไม่ได้รับการรักษา
หลังจากแปดเดือนที่พระเยซูเจ้าทรงมาหาอาแลนครั้งแรก พระองค์ตรัสกับเขาว่า “เราต้องการให้ลูกสวดภาวนาเพื่อการบำบัดรักษา”
“ผมเริ่มสวดภาวนาและระยะเวลา 6-7 เดือนก็ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น” อาแลนเล่า
“พระเยซูเจ้าบอกให้ผมสวดภาวนาต่อไป แล้ววันหนึ่งผมไปที่โบสถ์และสวดภาวนาเพื่อผู้คน และการบำบัดรักษาก็เริ่มต้นขึ้น ผมถามพระเยซูเจ้าว่าทำไมจึงมีการบำบัดรักษาในเวลานี้ พระองค์ตรัสว่า เป็นเพราะความเพียร , ความเชื่อและความวางใจของผม – ‘นั่นเป็นเพราะความเพียรที่ได้เปิดให้พระหรรษทานออกมา’”
อาแลนได้รับสาส์นที่เป็นคำทำนายด้วยเช่นกันแต่เขาเก็บไว้เป็นส่วนตัว ในเรื่องสถานการณ์ของโลก เขาเห็นว่าทางฝั่งตะวันตก “อ่อนแอมาก” อันเนื่องมาจากฆราวาสนิยม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สหรัฐ, ฝรั่งเศส, คานาดา, และเยอรมนี “สหรัฐแย่ที่สุด” ในส่วนของพระศาสนจักร อาแลนกล่าวว่า “ผมคิดว่าคำทำนายของพระสันตะปาปาเบเนดิกส์(พระศาสนจักรจะเล็กลงและบริสุทธิ์ขึ้น) กำลังจะเป็นจริง” “มีการโจมตีพระศาสนจักรจากภายนอกมากเพียงพอแล้ว โดยไม่จำเป็นต้องมาจากภายในอีก พระเยซูเจ้าและแม่พระทรงเตือนผมบ่อยๆว่าให้มีความนบนอบเชื่อฟัง เราไม่เข้าใจในแผนการของพระเจ้าสำหรับพระศาสนจักร เราไม่รู้ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างครบถ้วน เราจะต้องไปในที่ที่พระสันตะปาปาทรงนำเราไป นอกเสียจากว่าพระองค์จะทรงนำเราไปในสิ่งที่ผิดต่อความเชื่อและศีลธรรม สิ่งที่บรรดานักบุญมีโดยทั่วไปก็คือความนบนอบเชื่อฟัง”
ในอัฟริกา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเคนยาและกานา อาแลนสังเกตเห็นว่ามีความเชื่อที่แข็งแรงมาก และในโปแลนด์ก็เช่นเดียวกัน ในอัฟริกาเขาได้เห็นชาวเมืองนับพันคนไปร่วมพิธีมิสซาเพื่อการบำบัดรักษาตั้งแต่เช้าตรู่ บางคนเดินจากบ้านถึงสามวันเพื่อมาที่นั่น “พวกเขาเป็นแสงสว่างในความมืดอย่างแท้จริง” เขาเล่าต่อไปว่า “และในบางรัฐ มีประชาชนที่น่าทึ่งมาก พวกเขาเป็นกลุ่มคนที่ดีและศักดิ์สิทธิ์มาก เป็นพระสงฆ์ และพระสังฆราช ในช่วงเวลาที่มีการสู้รบอย่างหนักหนาสาหัส แต่คุณต้องรู้และระลึกเสมอว่าในที่สุดพระศาสนจักรจะแข็งแกร่งขึ้น จะมีความดี, มีประชาชนที่ศักดิ์สิทธิ์ ถึงแม้จะมีการเบียดเบียน แต่ไม่มีอะไรที่ต้องกลัว นั่นเป็นส่วนหนึ่งของความเชื่อของเรา”
พระเยซูเจ้าตรัสกับเขาว่า “อย่าวิตกกังวลถึงวันพรุ่งนี้ และไม่มีใครรู้เกี่ยวกับวาระสุดท้าย”
ปีศาจยังตามรังควาญอยู่หรือไม่? อาแลนตอบว่า “มันยังคงโจมตีผม เมื่อมันโจมตีผมจะทูลพระเยซูเจ้าว่า ‘หากมีพระหรรษทานใดในการถูกโจมตีเหล่านี้ ขอให้เป็นการช่วยเหลือวิญญาณด้วยเทอญ ‘ ผมถวายพระหรรษทานจากการสวดภาวนาในระหว่างที่ถูกโจมตี”
อาแลนพูดว่า “ไม่ว่าใครก็สามารถสวดภาวนาเพื่อการบำบัดรักษาได้”
“ผมส่งเสริมให้ทุกคนทำเช่นนี้ เพราะพระเจ้าจะทรงยื่นพระหัตถ์มาสัมผัสเขา”
สาส์นที่อาแลนได้รับก็เป็นเหมือนเดิมเสมอ คือ รักพระเจ้าและให้พระองค์ทรงมาเป็นอันดับแรกในชีวิตของเรา มองดูพระองค์ในทุกสิ่งด้วยความเชื่อเสมอ รับศีลมหาสนิทบ่อยๆ และเป็นภาชนะรองรับพระหรรษทาน อาแลนบอกว่า “คุณต้องแบ่งปันพระองค์ให้ผู้อื่นด้วย พระองค์ทรงเติมเต็มคุณและสามารถหลั่งจากตัวคุณให้แก่ผู้อื่นได้ ถ้าคาทอลิกทุกคนทำเช่นนี้ โลกจะแตกต่างไปอย่างสิ้นเชิง”
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น