วันอาทิตย์ที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2562

เราต้องรับใช้พระเจ้าตามสถานะภาพของเรา


บทเทศน์ของนักบุญปีเตอร์ จูเลียน เอมาร์ด
ในการฟื้นฟูจิตใจซิสเตอร์คณะBlessed Sacrament Paris
 
วันศุกร์ 7 ต.ค. 1859
 
1 ซิสเตอร์ทั้งหลาย พ่อขอให้เราทุกคนได้เรียนรู้ความจริงที่สำคัญเรื่องหนึ่ง พ่อมีความหวังว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงส่องสว่างแก่ซิสเตอร์ให้ได้รับรู้และเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ นั่นคือ เราต้องรับใช้พระเจ้าตามสถานภาพทั้งภายในและภายนอกของเรา สิ่งนี้มีความจำเป็นเพราะเป็นสิ่งที่ทำให้เรารู้ถึงพระประสงค์ของพระเจ้าเมื่อเราอยู่ในช่วงของการเปลี่ยนแปลงสถานภาพ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพระองค์ประสงค์ให้เราดำรงอยู่ในสถานภาพนั้นอย่างถาวร [หมายถึงสถานภาพของวิญญาณ] เราตระหนักว่าพระองค์ประสงค์ให้เราอยู่ในสถานะนั้นและจะมีผลต่อเราอย่างไร ความปรารถนาที่จะรับใช้พระเจ้านอกเหนือจากสถานภาพปัจจุบันของบุคคลหนึ่ง  เป็นความต้องการที่จะทำในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ เพราะนั่นหมายถึงการละทิ้งแหล่งกำเนิดแห่งพระหรรษทานตามธรรมชาติของบุคคลนั้น
 
2 ขอยกตัวอย่างเพื่อจะช่วยให้ซิสเตอร์ได้เข้าใจ ถ้าพ่อล้มป่วยพ่อก็ต้องรับใช้พระเจ้าในฐานะผู้ป่วย – ถ้าหากพ่อพยายามรับใช้พระองค์เหมือนคนที่มีพละกำลังและแข็งแรง นั่นเป็นความต้องการในบางสิ่งที่ไม่สามารถทำได้ ถ้าหากพ่อมีพละกำลังแข็งแรงและมีความสามารถ พ่อก็ต้องรับใช้พระองค์ด้วยความสง่างามตามพระพรที่พระองค์ทรงประทานให้แก่พ่อ ถ้าหากพ่อเป็นอิสระ พ่อก็ต้องรับใช้พระองค์ด้วยเสรีภาพของพ่อ ถ้าหากพ่ออยู่ภายใต้อำนาจของใครบางคน, ด้วยบัญญัติแห่งการนบนอบเชื่อฟัง, พ่อก็ต้องรับใช้พระองค์ด้วยคุณธรรมแห่งสถานภาพของพ่อในเวลานั้น สิ่งที่กล่าวมานี้คือสถานภาพภายนอก
 
3 ให้มาพิจารณากันถึงสถานภาพภายใน ถ้าหากพ่ออยู่ในสภาพที่มีความสุข พ่อก็ไม่ควรร้องไห้และเศร้าสร้อย ถ้าพ่อมีจิตใจที่แห้งแล้งและอ้างว้าง พ่อก็ไม่ควรปรารถนาความรักและการปลอบประโลมใจมากมาย ถ้าหากพ่อมีจิตใจที่ยากจน พ่อจะต้องไม่พยายามทำสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ เพราะจะเป็นการทำสิ่งที่เกินกำลังของพ่อและเป็นสิ่งที่ตรงข้ามกับสถานภาพของพ่อ การรับใช้พระเจ้าตามสภานภาพหมายถึงการรับใช้พระองค์ตามพระประสงค์อันศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น? โดยการรับใช้พระองค์ตามสถานภาพของเรา จะทำให้การรับใช้นั้นกระทำได้ง่ายขึ้นและเป็นธรรมชาติ เราไม่จำเป็นต้องบังคับตัวเองให้มากมาย เราเพียงแต่ต้องทำสิ่งนั้นอย่างเหนือธรรมชาติโดยมอบถวายสิ่งที่เราทำแด่พระเจ้า ถ้าซิสเตอร์ต้องการอยู่ในสถานภาพอื่น ซิสเตอร์จะพบว่ามันเป็นการยากลำบาก และซิสเตอร์จะพูดว่าเป็นการยากหรือไปไม่ได้ที่จะรับใช้พระเจ้า
 
4 เมื่อคนหนึ่งเศร้าโศก และความโศกเศร้านี้ทำให้เธอยอมจำนนต่อพระเจ้า มันจะนำเธอไปสู่การแยกตัวออกจากโลก และนั่นกลายเป็นหนทางแห่งความรอดที่แท้จริง เธอไม่ต้องใช้ความพยายามพิเศษใดๆ จงส่งเสริมเธอให้อยู่ในคุณธรรมที่เสริมสร้างสถานภาพนี้, จงปลอบใจเธอ, เสริมกำลังของเธอ เธอจะพบองค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงพระทัยดีในที่ซึ่งเธอประสบแต่เพียงกางเขน ส่วนบางคนที่อยู่ในความแห้งแล้งของจิตใจ และความแห้งแล้งทำให้ไม่สามารถที่จะรักได้อีก จำเป็นที่จะต้องรู้ว่าเธอสามารถใช้ประโยชน์จากสถานภาพนี้ได้โดยการมอบถวายความแห้งแล้วของจิตใจนี้แด่พระเจ้า สรรเสริญและถวายเกียรติแด่พระองค์ในความทุกข์ยากลำบากและความยากจนของเธอ ด้วยวิธีนี้การรับใช้พระเจ้าตามสถานภาพของเธอ จึงทำให้การรับใช้พระเจ้าง่ายขึ้น เพราะเธอจะได้รับพระหรรษทานที่เป็นธรรมชาติและเหนือธรรมชาติภายในสภาพที่แท้จริงของเธอในเวลานั้น
 
5 พระเจ้าไม่ทรงทำให้เราอยู่ในสถานภาพใดโดยที่ไม่ประทานพระหรรษทานที่จำเป็นแก่เรา,,, บ่อยครั้งความเศร้าที่เราประสบในการรับใช้พระเจ้านั้น สืบเนื่องมาจากการที่เราปฏิเสธที่จะรับใช้พระองค์ตามสถานภาพที่เฉพาะอย่างใดอย่างหนึ่ง หากเราป่วยและปฏิเสธที่จะยอมรับความเจ็บป่วย โดยอยากที่จะมีสุขภาพที่ดีมากกว่า หากเรามีสุขภาพที่ดีและยังต้องการสิ่งอื่นอีก เราก็จะเกิดความไม่พอใจ ทั้งนี้เพราะน้ำใจของตัวเองเป็นต้นเหตุของความทุกข์ หากเราทำเช่นนี้ต่อไปเราจะกลายเป็นคนไร้ประโยชน์ เป็นการง่ายกว่าและสมบูรณ์กว่าในการรับใช้พระเจ้าตามสถานภาพของเรา มากกว่าการรับใช้ในสถานภาพอื่น เพราะน้ำพระทัยของพระเจ้าเป็นบรรทัดฐานแห่งความสมบูรณ์แบบสำหรับเรา พระประสงฆ์อันศักดิ์สิทธิ์นี้มีค่ายิ่งกว่าความสมบูรณ์แบบ การมีชีวิตผู้แพร่ธรรมนั้นเป็นสิ่งมหัศจรรย์ แต่ถ้าพระเจ้าต้องการให้เราอยู่บนเตียงแห่งความเจ็บปวด แม้ว่าชีวิตแบบนี้จะดูไม่สมบูรณ์แบบสำหรับเรา แต่ในความเป็นจริงแล้วมันสมบูรณ์แบบยิ่งกว่า สถานภาพแห่งมรณะสักขีเป็นสถานภาพที่สมบูรณ์แบบที่สุด แต่ถ้าพระเจ้าไม่ต้องการให้เราเป็นเช่นนั้น แต่ให้เราเป็นมรณะสักขีในชีวิตประจำวัน เราก็จะต้องละทิ้งความสมบูรณ์แบบที่พระองค์ไม่ทรงเรียกร้องจากเรา เพื่อที่จะมีชีวิตตามที่พระองค์ทรงประสงค์ให้ เราเป็น
 
6 เป็นการสมบูรณ์ยิ่งกว่าที่จะรับใช้พระเจ้าตามสถานภาพที่เป็นจริงของเรา เหตุผลก็คือพระเจ้าทรงประทานพระหรรษทานแก่เราสำหรับสถานภาพนั้น หากเราพยายามที่จะออกไปจากสถานภาพนั้น เราจะได้รับพระหรรษทานน้อยลง และจะไม่ได้รับพระหรรษทานพิเศษเพื่อที่จะกระทำตามพระประสงค์ของพระเจ้าให้สำเร็จลุล่างไป หากเราต้องการมีชีวิตในครอบครัวของบิดา เราก็ต้องนั่งลงที่โต๊ะอาหารและรับอาหาร ถ้าหากเราจากไป, เราจะได้รับแต่ขนมปังสำหรับคนขอทานเท่านั้น นี่คือเหตุผลที่เพียงพอ น้ำพระทัยและพระหรรษทานของพระเจ้าคือทุกสิ่ง ทำไมเราจึงไม่พอใจในสถานภาพของเราล่ะ? บ่อยครั้งมันมาจากจิตใจที่ไม่มั่นคงของมนุษย์ เราไม่เคยพอใจ เมื่อเราเห็นสถานภาพของคนอื่นๆ เราก็รู้สึกอยากจะอยู่ในสถานภาพนั้นบ้าง นั่นคือการประจญทดลองและมันน่าอัปยศอดสู บ่อยครั้งที่เราบังคับให้พระเจ้าทรงปล่อยให้เราอยู่ในสภาพเช่นนั้นเป็นเวลานาน ตัวอย่างเช่นถ้าพระองค์ทรงทำให้เราอยู่ในสถานภาพของความยากจนทางจิตวิญญาณและเราพยายามที่จะทำตรงกันข้ามกับสถานภาพนั้น แทนที่เราจะอยู่ในสภาพนั้นเพียงหนึ่งวันเราอาจจะอยู่ในสภาพนั้นเป็นเวลาหลายสัปดาห์ สิ่งที่พระเจ้าทรงประสงค์ สิ่งนั้นก็จะต้องบังเกิดขึ้นหรือมิฉะนั้นพระองค์ก็จะทรงยืดระยะเวลาแห่งการทดลอง, การชำระล้างจิตใจให้บริสุทธิ์ให้ยาวนานออกไปอีก
 
7 การยอมรับน้ำพระทัยของพระเจ้าเป็นความสมบูรณ์ที่สุด เมื่อได้อยู่ในสถานภาพแห่งคุณธรรมสักระยะหนึ่ง หลังจากนั้นไม่นานเราก็ไปสู่ความสมบูรณ์แบบอย่างอื่นที่ดีกว่าและใหญ่กว่า เมล็ดข้าวสาลีเมล็ดเดียวให้ผลิตผลเป็นเมล็ดข้าวสาลีอีกหลายเมล็ด เราต้องระวังความไม่มั่นคงของจิตใจและหัวใจของเราที่ไม่ยอมดำรงอยู่ในสถานภาพเดิม: เราต้องยอมให้พระเจ้าทรงทำงานในตัวของเรา ปกติเรามักไม่ยอมอยู่ในสถานภาพภายในแบบเดิมตลอดเวลา แต่พระเจ้าผู้ทรงพระทัยดีทรงประทานพระหรรษทานใหม่แก่เราเสมอ อย่างไรก็ตามพระหรรษทานเหล่านั้นบางอย่างเป็นพระหรรษทานพื้นฐานและบางอย่างก็เป็นพระหรรษทานชั่วคราวที่จะมาแล้วผ่านไป เราจึงต้องให้ความสำคัญกับพระหรรษทานพื้นฐานมากกว่า ในทุกสถานภาพจะมีพระหรรษทานพื้นฐานและพระหรรษทานชั่วคราวเสมอ พระหรรษทานชั่วคราวเป็นพระพรแห่งการปลอบประโลมใจและให้กำลังใจที่ไม่คงอยู่ตลอดเวลา ส่วนพระหรรษทานอื่นๆนั้นเป็นพระหรรษทานที่เหมาะสำหรับสถานภาพนั้นๆ เมื่อสิ่งนี้เป็นที่เข้าใจกันดีแล้ว ทุกคนจึงต้องพึ่งพาพระเจ้าและพระหรรษทานของพระองค์เป็นอย่างมาก สิ่งนี้จะทำให้เราเป็นอิสระจากภาพลวงตาทั้งหลายในโลก ภาพลวงตาที่ลวงคนเราให้ความสำคัญกับความสมบูรณ์แบบและการกระทำที่สมบูรณ์แบบ แต่ความจริงมันหาเป็นเช่นนั้นไม่! ความสมบูรณ์แบบไม่ได้อยู่ที่การกระทำ – ความสมบูรณ์แบบเป็นบางสิ่งที่เป็นส่วนตัวมากๆ , เป็นปัจเจกและเป็นองค์ประกอบของพระหรรษทาน, ความรักและน้ำพระทัยของพระเจ้าที่มีในตัวของเรา: พระเยซูเจ้าทรงหล่อหลอมเราด้วยพระหรรษทานของพระองค์โดยอาศัยความร่วมมือของเรา ความสมบูรณ์แบบเป็นอุดมคติเป็นนามธรรม และเป็นเรื่องส่วนตัวมากๆ ความสมบูรณ์แบบของพระแม่มารีย์และบรรดานักบุญนั้นไม่ใช่เป็นความสมบูรณ์แบบของเรา ในสวรรค์ไม่มีนักบุญแม้สักสององค์ที่เหมือนกันเลย เราต้องเป็นตามที่พระเจ้าทรงประสงค์ให้เราเป็น และดังนั้นสถานภาพ,ในตัวมันเองแล้วก็ไม่ได้เป็นสิ่งที่ศักดิ์สิทธิ์มากกว่าหรือน้อยกว่ากัน นักบุญทั้งหลายศักดิ์สิทธิ์ตามที่พระเจ้าทรงประสงค์และเรียกพวกท่านมา เรารับใช้พระองค์อย่างดีได้ในสถานภาพของเราเท่านั้น สถานภาพอื่นๆ ไม่ใช่สิ่งที่เราต้องใส่ใจ ถ้าพระเจ้าต้องการให้เราทุกข์ทรมาน ความสมบูรณ์แบบของเราก็จะต้องไม่ไปอิจฉาต่อถานภาพอื่น เพื่อใฝ่หาภารกิจที่สูงขึ้น ความสมบูรณ์แบบสูงสุดจึงเป็นการทำตามพระประสงค์ของพระเจ้าเท่านั้น ความจริงนี้ให้ความสว่างอย่างมากแก่ชีวิตและช่วยกำจัดการประจญล่อลวงมากมาย จงพูดกับตัวเองเถิดว่า: ขอให้พระประสงค์ของพระองค์จงสำเร็จไปและพระนามของพระองค์จงเป็นที่สักการะ (ม ธ . 6: 9-10) และขอให้ข้าพเจ้าซื่อสัตย์เสมอไป
 
8 พระเจ้าทรงทำงานอยู่ตลอดเวลาโดยผ่านทางคุณงามความดีทุกอย่าง แต่พระองค์ทรงมอบความรักในใจเราเสมอ หากสถานภาพบางอย่างมีข้อยกเว้นและมีสิทธิพิเศษ, มันก็จะเป็นเรื่องน่าเศร้ามาก – แต่ไม่หรอก , พระเจ้าทรงรักเรา และไม่มีสถานภาพใดที่มีเกียรติน้อยกว่า: ทุกสถานภาพมีความสมบูรณ์ ทั้งสถานภาพฝ่ายร่างกายและวิญญาณของเรา พระเจ้าผู้ทรงพระทัยดีจะทรงแสดงให้เรารู้ว่าเราต้องรับใช้พระองค์และทำให้ตัวเราเองศักดิ์สิทธิ์ในสถานภาพเช่นนั้น 

*******************************************

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น