หนังสือ IN SINU JESU: When Heart Speaks to Heart, (เมื่อหัวใจพูดกับหัวใจ)
เป็นการบันทึกพระวาจาของพระเยซูและแม่พระที่ตรัสในใจของนักบวชเบเนดิกตินผู้หนึ่งซึ่งอยู่ในอารามที่ไอร์แลนด์
ท่านได้ยินเสียงในใจขณะที่กำลังเฝ้าศีลมหาสนิท พระเยซูตรัสกับท่านภายในใจซึ่งเรียกว่า interior locution เป็นพระหรรษทานการได้ยินเสียงเหนือธรรมชาติ
IN SINU JESU: ได้รับการอนุญาต Imprimatur จากท่านบิชอป Raymond Leo Cardinal Burke ซึ่งแสดงว่า ไม่มีสิ่งที่ขัดกับคำสอนของพระศาสนจักร
ตอนหนึ่งของหนังสือ พระเยซูตรัสถึงอำนาจของการปรากฏของพระองค์ในช่วงเวลาที่เคารพศีลกมหาสนิทว่า
“เวลาที่มาเฝ้าเราในศีลมหาสนิทนี้จะไม่เสียเปล่า มันจะให้การสนับสนุนต่อคำพูดทุกคำของพระสงฆ์ของเราในการปฏิบัติหน้าที่การอภิบาลของพวกเขา มันจะเป็นความลับแห่งความสำเร็จในกิจการของพระสงฆ์ที่จะให้ผลที่เหนือธรรมชาติ และให้ผลที่ไม่มีวันสิ้นสุด”
อีกตอนหนึ่ง พระเยซูทรงอธิบายว่า สำหรับกิจการทั้งหลายของเรานั้นไม่มีอะไรที่สำคัญยิ่งไปกว่าการที่เรายอมเสียสละเวลามาเฝ้าพระองค์ “ไม่มีอะไรในชีวิตของลูกที่จะสำคัญยิ่งไปกว่าเวลาที่ลูกใช้ในการมาเคารพเบื้องหน้าพระพักตร์แห่งศีลมหาสนิทของเรา พละกำลังของลูกและความสามารถของลูกที่จะทำสิ่งต่างๆอย่างมีประสิทธิภาพและเป็นระเบียบจะเพิ่มขึ้นเป็นอัตราส่วนกับเวลาที่ลูกถวายให้แก่เราเท่านั้น””
นอกจากการเฝ้าศีลมหาสนิทแล้ว พระเยซูทรงปรารถนาความเป็นมิตรที่สนิทสนมจากเราด้วย “เราปรารถนาจะได้ของขวัญแห่งความรักของลูกเป็นการตอบสนองต่อความรักของเรา และขอให้ลูกมาหาเราในศีลศักดิ์สิทธิ์ เราจะต้องขอร้องอีกลูกนานสักเท่าไรให้ลูกสละเวลา, มอบความรัก, และมอบความเป็นมิตรของลูกให้กับเรา? เราอยู่ที่นี่เพื่อลูก ขอให้ลูกอยู่ที่นี่เพื่อเราด้วย”
เราต้องให้พระเยซูเจ้าเป็นศูนย์กลางชีวิตของเรา พระองค์ผู้อยู่ในตู้ศีลอย่างโดดเดี่ยว, ถูกลืม พระองค์ทรงปรารถนาความรักของเรา ปรารถนาให้เรามาเยี่ยมพระองค์ แต่เรากลับไปอยู่กับสิ่งอื่นซึ่งกลายเป็นรูปเคารพ รูปเคารพแห่งเทคโนโลยี และความสะดวกสบายก็กลายเป็นตู้ศีลของเราแทน
ในหนังสือ พระเยซูทรงถามว่า “ลูกได้รับสิทธิพิเศษและมีความยินดีในชีวิต โดยได้อยู่กับเราภายใต้ชายคาเดียวกันกับเรา ลูกเข้าใจไหมว่านี่หมายความว่าอะไร?”
“จงแสดงให้เราเห็นถึงความกตัญญูของลูกสำหรับการที่เรามาอยู่ในศีลศักดิ์สิทธิ์นี้ ด้วยการมาหาเราบ่อยๆ โดยให้เราอยู่ในทุกกิจการประจำวันของลูก และโดยการปรึกษาเราในทุกเรื่อง อย่าปฏิบัติต่อเราเหมือนเราเป็นแขกแปลกหน้าคนหนึ่งในบ้านที่ไม่คุ้นเคยด้วยการปฏิบัติอย่างเป็นทางการเกินไป และเป็นผู้ที่ลูกไม่กล้าจะพูดคุยเล่าเรื่องราวชีวิตของลูกแก่เรา แทนที่จะเป็นเช่นนั้น จงให้เราผู้อยู่ในศีลมหาสนิทได้อยู่กับลูกตลอดเวลาในชีวิตประจำวันของลูก”
พระเยซูเจ้าทรงอธิบายถึงคุณประโยชน์ที่จะได้รับจากความศรัทธาต่อการเคารพศีลและการเฝ้าศีลมหาสนิท
- ขุมทรัพย์ถูกซ่อนไว้ที่นั่น
ในหนังสือยังเขียนไว้ว่า “มีเวลามากกว่าหนึ่งวันซึ่งถูกวัดด้วยชั่วโมงและนาที เราเป็นพระเจ้าของเวลาทั้งหมด และเวลาที่มอบให้แก่เรานั้นมีคุณค่ามากกว่าเวลาที่ถูกใช้ไปในการทำงานอย่างเหน็ดเหนื่อยเพื่อหาเงิน เราไม่ได้ขอให้ลูกหยุดการทำงานที่ลูกทำมาก่อน
แต่เราขอเพียงให้ลูกคิดถึงเราก่อนสิ่งอื่น ให้ลูกมอบเวลาที่ดีที่สุดของลูกและช่วงเวลาที่ดีที่สุดของลูกแก่เราเพียงผู้เดียว”
ชีวิตมีช่วงวิกฤตของความแห้งแล้งในจิตใจ
วิกฤตของความศรัทธาและวิกฤตในพระศาสนจักรอันเนื่องมาจากปัญหาต่างๆ
แต่พระเยซูเจ้าทรงเปิดเผยในหนังสือเล่มนี้ว่า
“เรากำลังจะฟื้นฟูพระสงฆ์ในพระศาสนจักรของเราให้มีความศักดิ์สิทธิ์ขึ้นมาใหม่”
พระเยซูเจ้าตรัสในใจของพระสงฆ์ท่านนี้ในคืนวันพฤหัส 20 มี.ค. 2008
“ใกล้เวลาที่เราจะทำการชำระล้างพระสงฆ์ของเราให้สะอาดบริสุทธิ์จากมลทินต่างๆที่ทำให้พวกเขาด่างพร้อย
ในไม่ช้า ในเร็วๆนี้
เราจะหลั่งพระหรรษทานแห่งการเยียวยาฝ่ายจิตลงมายังพระสงฆ์ทุกคนของเรา
เราจะทำการแยกพระสงฆ์ที่ยอมรับพระพรแห่งมิตรภาพอันศักดิ์สิทธิ์ของเราออกจากพระสงฆ์ที่มีใจแข็งกระด้างและต่อสู้กับเรา
สำหรับพวกแรกเราจะประทานรังสีแห่งความศักดิ์สิทธิ์เช่นเดียวกับยอห์นและบรรดาอัครสาวกของเราในยุคเริ่มต้น
ส่วนอีกพวกหนึ่ง เราจะยึดคืนแม้แต่สิ่งที่พวกเขาคิดว่าตนเองมีอยู่
มันจะต้องเป็นเช่นนี้
เราต้องการให้พระสงฆ์ของพระศาสนจักรของเรามีจิตใจที่สะอาดบริสุทธิ์และสัตย์ซื่อในการตอบสนองต่อความรักอันเหลือล้นของเราซึ่งทำให้เรารักพวกเขาแต่ละคนและเลือกพวกเขาแต่ละคนเพื่อตัวเราเองและเพื่อให้รับรู้ถึงดวงพระหฤทัยของเราในการออกแบบสิ่งทั้งหลาย”
ในปี 2001
พระเยซูเจ้าตรัสเป็นภาษาอิตาเลี่ยนในใจของคุณพ่อสเตฟาโน กอบบี้
ในลักษณะที่คล้ายๆกัน “การโจมตีต่อพระสงฆ์ของเราจะปรากฏขึ้นและแพร่กระจายขยายมากขึ้นไปจนถึงระยะสุดท้ายของมัน
กลุ่มลัทธิซาตานและกลุ่มต่อต้านจะโจมตีอย่างโหดเหี้ยมต่อพระศาสนจักรผู้เป็นเจ้าสาวของเราเพื่อทำลายพระศาสนจักรให้สิ้นซาก มันจะโจมตีพระสงฆ์ที่มีใจอ่อนแอ แต่เราจะไม่ยอมให้มันทำลายพระศาสนจักรได้
เราจะทำให้พระสงฆ์และพระศาสนจักรของเรากลับฟื้นขึ้นใหม่ในความศักดิ์สิทธิ์”
การฟื้นฟูพระสงฆ์ของพระองค์ขึ้นมาใหม่ตามการเปิดเผยของหนังสือเล่มนี้ได้กล่าวว่า
“จะเริ่มต้นจากเปลวไฟแห่งความรักที่พวยพุ่งมาจากศีลศักดิ์สิทธิ์แห่งพระกายและพระโลหิตของเรา
“พระสงฆ์ที่ได้รับการชำระให้บริสุทธิ์แล้วจะส่องแสงด้วยความรักต่อหน้าโลกที่ถูกทำให้มืดมนไปด้วยบาปอันเลวร้ายทางเนื้อหนังและบาปหนักมากมายเหลือล้น” เป็นการเปิดเผยเมื่อวันที่ 18 มิ.ย. 2009
“พระสงฆ์ที่ถ่อมตนและสุภาพจะทำให้โลกประหลาดใจด้วยพลังอำนาจที่พวกเขาได้รับ
และด้วยอิทธิพลและความช่วยเหลือของคนยากจน
พระสงฆ์ที่นบนอบเชื่อฟังจะยืนขึ้นโต้แย้งกับโลก
ท่านจะพูดเช่นเดียวกับพระอาจารย์ของพวกเขา กล่าวว่า “เราจะไม่รับใช้เจ้า”
และวันที่ 27 ม.ค. 2012
“บุคคลทั้งหลายผู้ที่อยู่เคียงข้างท่ามกลางพระสงฆ์ของเราจะฟื้นคืนชีพจากความทุกข์เวทนาที่กำลังจะมา
คนเหล่านั้นคือผู้ที่ฟังคำขอร้องวิงวอนของเราให้สวดภาวนาเพื่อบรรดาพระสงฆ์ที่ประกอบพิธีเคารพศีล เพื่อพระสงฆ์ที่ช่วยเหลือผู้อื่น เพื่อพระสงฆ์ผู้ยอมให้เราเป็นมิตรสหายของพวกเขา
และบุคคลทั้งหลายผู้ที่มอบเวลาของพวกเขาแก่เรา มอบจิตใจของพวกเขา
และมอบหัวใจของพวกเขาแก่เราในการเคารพศีลมหาสนิท”
“เราขอบอกว่าการกระทำนี้เป็นสิ่งจำเป็น
เพราะระเบียบของสิ่งต่างๆที่ถูกจัดไว้แล้วได้ถูกล้มเลิกไปและเพราะมีความไร้ระเบียบอย่างใหญ่หลวง
ความสับสนได้เข้าครอบครองหัวใจและจิตใจของพระสงฆ์ผู้เป็นสุดที่รักของเรา”
“การเคารพศีลมหาสนิทจะมีไว้สำหรับพวกเขาและสำหรับพวกท่านเพื่อรักษาความเป็นระเบียบที่ถูกต้องให้คงอยู่เท่านั้น
ความเป็นระเบียบแห่งความรักอันศักดิ์สิทธิ์ที่หลั่งลงในหัวใจของมนุษย์โดยพระจิตเจ้าผู้ทรงเป็นความรัก”
*************
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น