นี่เป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจ มันเป็นเรื่องของนักจิตวิทยาผู้ไม่เชื่อเรื่องพระเจ้าที่ไปที่หมู่บ้านห่างไกลในยูโกสลาเวีย ในเวลานั้นยังอยู่ใต้การปกครองระบอบคอมมิวนิสต์ หมู่บ้านเมดจูกอเรจ์แห่ง เฮอร์เซโกวีนา(Hercegovinan) เธอไปเพื่อสอบสวนสิ่งที่เกิดขึ้นที่นั่น โดยมีเด็กหกคนที่อ้างว่าเมื่อห้าวันก่อน คือวันที่ 24 มิถุนายน 1981 พวกเขาเริ่มเห็น พระนางพรหมจารีย์มารีย์
ดร. ดารินกา กลามูซินา (Dr. Darinka Glamuzina) กุมารแพทย์ที่มีการฝึกอบรมด้านจิตเวช เธอมั่นใจว่าเหตุการณ์ที่นั่นเป็นสถานการณ์ทางจิตวิทยา มันต้องเป็นเกมส์ที่ยากเอาการของเด็กหนุ่มสาว ในการทำท่าคุกเข่าบนเนินหินทุกวันพร้อมกัน สายตาจับจ้องอยู่ที่บางสิ่งที่มองไม่เห็น
ดร. ดารินกา มาถึง Bijakovici – หมู่บ้านในเขตสังฆมณฑลเมดจูกอเรจ์ Medjugorje ในวันจันทร์ที่ 30 มิถุนายน- ตามคำสั่งของเจ้าหน้าที่คอมมิวนิสต์เพื่อประเมินสิ่งที่เกิดขึ้น
“ฉันได้รับการเลี้ยงดูแบบคาทอลิกตอนที่ฉันยังเด็กมาก แต่หลังจากนั้นฉันก็ไปโรงเรียนและอยู่ในคณะหนึ่งของวิทยาลัยแห่งหนึ่งในกรุงซาเกร็บ และฉันคิดว่าฉันรู้ทุกอย่างเพราะฉันอ่านหนังสือหลายเล่ม” เธอบอกกับทาง Spirit Daily “ตอนนั้นฉันอายุยี่สิบห้า ฉันมีการศึกษาด้านจิตวิทยาในเวลานั้นและฉันไม่เชื่อเรื่องพระเจ้า ฉันเป็นคนที่เชื่อยากมาก
“เมื่อฉันได้ยินเรื่องนี้ มันเป็นเรื่องตลกมากสำหรับฉันและฉันไม่เชื่อ ฉันรู้ว่าบริเวณแถบนั้นเป็นเขตสถานที่เก่าแก่ - เมดจูกอเรจ์ และฉันคิดว่ามันเป็นอาการหลอนหมู่เพราะคนที่นั่นยังมีความเชื่อโบราณ
เด็กๆถูกนำตัวไปที่คลินิกเพื่อรับการประเมินโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญคนหนึ่งคือ ดร. แอนเต วูจิวิค ซึ่งต่อมาจะประกาศว่าเขาไม่ใช่ผู้ไม่เชื่ออีกต่อไป แต่ ณ จุดนี้ยังน่าสงสัย ดร. ดารินกา ยังคงเคลือบแคลงในเรื่องนี้
“ฉันตื่นเต้นมาก” เธอกล่าว “ ผู้จัดการคลินิกบอกให้ฉันไปกับพวกเขาในวันพรุ่งนี้ที่เมดจูกอเรจ์ในฐานะแพทย์คนหนึ่ง ฉันเห็นด้วยและเดินทางไปที่เมดจูกอเรจ์
“ความปรารถนาของฉันคือการถามพวกเขา ฉันถามพวกเขาว่าพวกเขาอายุเท่าไหร่ พวกเขาศึกษาอยู่ในระดับอะไร พวกเขาเป็นนักเรียนแบบไหน
“ฉันถามเกี่ยวกับการประจักษ์ของพระแม่มารีย์ และคำตอบของพวกเขานั้นชัดเจนและเข้าใจได้ (แม้ว่าบางคนเป็นนักเรียนที่มีการเรียนต่ำกว่าค่าเฉลี่ย) ฉันประทับใจกับคำตอบสั้นๆและความเร็วที่พวกเขาตอบ และพวกเขาเชื่อมั่นมาก มันไม่น่าเชื่อเลยว่าพวกเขามั่นใจเช่นนี้ได้อย่างไร ฉันประทับใจมาก ฉันพบว่าสิ่งที่พวกเขารู้ เป็นสิ่งที่พวกเขารู้จริงๆ จาโคฟ โคโล (Jakov Colo) เด็กที่อายุน้อยที่สุด [ในเวลานั้นอายุเพียงสิบขวบ] กล่าวว่า “คุณอาจฆ่าผม แต่ผมเห็นเธอจริงๆ”
อันที่จริง, ในไม่ช้าพวกเขาจะถูกควบคุมตัวโดยตำรวจคอมมิวนิสต์และถูกสอบสวน – แต่พวกเขาไม่เคยกลับคำพูดแม้จะมีการข่มขู่ว่าจะติดคุกก็ตาม
เด็กเหล่านี้อยู่ในครอบครัวคาทอลิก และอาศัยอยู่ในบริเวณส่วนหนึ่งของยูโกสลาเวียที่มีความศรัทธาในพระเจ้า (วัฒนธรรมโครเอเชีย) ภายใต้ระบอบลัทธิคอมมิวนิสต์ที่ปิดบังข้อมูลของโลกภายนอก เด็กๆไม่เคยได้ยินสถานที่ต่างๆ เช่นลูร์ดและฟาติมา พวกเขารู้แต่เพียงว่าพวกเขาเห็นพระนางพรหมจารีย์มารีย์ที่ตรัสกับพวกเขาเมื่อพวกเขาสวดสายประคำ
“ทุกอย่างเกี่ยวกับที่นี้ช่างเหลือเชื่อ” ดร. ดารินกา กล่าว
“ผู้คนหลายพันคนมาอยู่บนถนน ผู้จัดการรู้จักครอบครัวของวิกก้า(ผู้เห็นแม่พระ) เราจึงไปที่บ้านของเธอ มีผู้คนมากมายและพวกเขาทั้งหมดสวดภาวนา เป็นเรื่องเหลือเชื่อสำหรับฉัน, บรรยากาศของสถานที่นั้นเต็มไปด้วยพลังอำนาจ ฉันไม่ต้องการที่จะดูแปลกแยกจากฝูงชนดังนั้นฉันจึงขอสายประคำมาสายหนึ่ง ถึงแม้ว่าฉันจะไม่รู้วิธีสวดก็ตาม“ ในช่วงเวลาหนึ่ง วิกก้า กล่าวว่า “ไปกันเถอะ” แล้วเธอก็เริ่มขึ้นไปบนเนินเขา ฉันไม่รู้ว่าเราปีนขึ้นเขาไปได้อย่างไร ฝูงชนกำลังขึ้นไป และเราก็เห็นผู้เห็นแม่พระคนอื่นๆอยู่ที่นั่นแล้ว - พวกเขาเพิ่งมาและยืนเรียงกันเป็นแถวมีทั้งหมดหกคน
“ฉันอยู่ถัดจาก วิคก้า ฉันต้องการทำการสังเกตและประเมินผลทางการแพทย์ตามวิธีของฉัน ฉันเชื่อว่าบางทีมันอาจเป็นการสมรู้ร่วมคิดหรือการสะกดจิต บางคนอาจใช้วิธีนี้และฉันจะสามารถเห็นสิ่งนั้น
“ความประหลาดใจอีกประการสำหรับฉันคือพวกเขาสวดภาวนาเป็นเวลานาน และเมื่อถึงเวลาหนึ่งเด็กทั้งหกคนพูดขึ้นพร้อมกัน – 'เธอมาแล้ว' ฉันเฝ้าดูพวกเขาและเห็นว่าทั้งหกคนกำลังเพ่งมองไปที่จุดเดียวกัน, ในเวลาเดียวกัน พวกเขากำลังพูดคุยและบอกกับเราในสิ่งที่ภาพประจักษ์นั้นกำลังบอกพวกเขา
“และในทันใดฉันก็มีความคิดที่จะเข้าไปรบกวนสิ่งที่เกิดขึ้น ฉันถามวิคก้าว่า 'ฉันขอถามภาพนิมิตนั้นได้ไหม' และนี่เป็นสิ่งที่น่าสนใจมากสำหรับฉัน – วิคก้าพูดว่า 'ฉันจะถามแม่พระค่ะ' ดังนั้นฉันจึงตระหนักว่ามีการสนทนากัน แล้วฉันก็ได้ยินวิคก้า พูดว่า "พระแม่คะ, ขอให้เธอถามได้ไหมคะ?" เธอรอคำตอบและพูดกับฉันว่า "ได้ค่ะ, คุณถามได้"
การสนทนาได้รับการบันทึกโดยพระสงฆ์ที่อยู่ที่นั่นซึ่งเป็นดังนี้:
“พระแม่สุดที่รัก! จะอนุญาติให้สตรีผู้นี้ [ดร. ดารินกา] สัมผัสพระแม่ได้ไหม?”
ตามบันทึกนี้ แม่พระตรัสว่า “ยังคงมียูดาสที่ไม่ซื่อสัตย์อยู่เสมอ ให้เธอมาเถอะ” บันทึกนั้นถูกต้องหรือไม่? หรือพระนางมารีย์จะตรัสว่ามีโทมัสอยู่เสมอ(เพราะโทมัสเป็นสาวกที่ช่างสงสัย)
- “ฉันอารมณ์เสียเล็กน้อย, รู้สึกยุ่งยากใจ” ดร. ดารินกา ซึ่งให้การในภายหลังต่อคณะกรรมาธิการจากวาติกันซึ่งให้การรับรองความจริงของเหตุการณ์สัปดาห์แรกของการประจักษ์
- “ฉันคิดในแง่ทางการแพทย์ วิคก้าพูดกับภาพนิมิตว่า “ผู้หญิงคนนี้ถามพระแม่ว่า พระแม่เป็นใคร” จากนั้นวิคก้า [อ้างคำพูดของแม่พระ] ตอบว่า “พระนางบอกว่า พระนางคือราชินีแห่งสันติภาพ”
“เราจะมีสันติภาพได้อย่างไรในเมื่อเรามีหลายศาสนา?, ฉันถาม ฉันเห็นริมฝีปากของวิคก้าขยับและเธอก็บอกฉันว่า 'พระแม่บอกว่า, มีเพียงความเชื่อเดียวเท่านั้น, มีพระเจ้าองค์เดียวและพระจิตเจ้าองค์เดียว' ฉันหวั่นไหวด้วยคำตอบนี้ เพราะฉันรู้ว่านี่ไม่ใช่คำตอบแบบเด็กและฉันเห็นว่า มีการสนทนาเกิดขึ้น
“ที่นี่เป็นพื้นที่ชนบท ฉันถามต่อไปว่า ‘ทำไมจึงเป็นที่นี่? ทำไมจึงไม่เป็นน้อตเตอร์ดามในปารีสล่ะ ทำไมจึงเป็นที่นี่ซึ่งไม่มีอะไรเลย' ฉันเห็นวิคก้าถามคำถามนั้นและคำตอบ [จากแม่พระ] คือ "เพราะมีความเชื่อที่มั่นคงที่นี่" ฉันรู้ว่ามันเป็นเรื่องจริงเพราะฉันไม่เคยเห็นผู้คนสวดภาวนามากมายเช่นนี้ ฉันรู้ว่าคำตอบนั้นถูกต้องจริง
“ฉันได้รับคำตอบแล้ว แต่คิดว่าฉันควรจะมีประสบการณ์ด้วย, ดังนั้นฉันจึงพูดกับวิคก้าว่า “ฉันขอสัมผัสพระนางได้ไหม?” และวิคก้าถามพระแม่มารีย์และคำตอบกลับมาว่า 'ได้ คุณทำได้' ดังนั้นวิคก้าจึงชี้ให้ฉันรู้ว่าจะคุกเข่าลงที่ไหน และฉันก็คุกเข่าลงแล้วยกมือของฉัน ทันใดนั้นฉันรู้ว่าสิ่งที่ฉันสัมผัสคือพระเจ้า ฉันรู้สึกถึงชีวิตที่ผ่านมาทั้งหมดของฉัน ฉันรู้. ฉันรู้ว่าฉันไม่คู่ควรกับสิ่งที่ฉันแตะต้องเลย” ดร. ดารินกา ให้การเป็นพยาน ด้วยการส่องสว่างนี้ทำให้เธออยู่ในสภาวะกำลังตกตะลึง
ทำไมการประจักษ์จึงเกิดขึ้นและทำไมแม่พระจึงประจักษ์ที่นั่นเป็นเวลานานเช่นนี้?
ดร. ดารินกา ตอบว่า “เพราะเราไม่มีความรู้เรื่องทางจิตวิญญาณอย่างสมบูรณ์”
“โลกกำลังอยู่ในช่วงเวลาที่วิกฤตด้านจิตวิญญาณ และแม่พระเสด็จมาในฐานะเป็นอาจารย์และเป็นผู้เยียวยารักษา”
นักข่าว BBC คนหนึ่งได้เขียนรายงานข่าวนี้ว่า กุมารแพทย์(ดร. ดารินกา) เมื่อได้รับคำแนะนำจากวิคก้า เธอได้สัมผัสแม่พระที่บนไหล่ซ้ายของพระนาง" และต่อมาเธอได้ยอมรับต่อสาธารณชนว่า เธอรู้สึกสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงตลอดช่วงแขนของเธอ และสุดท้ายเธอเดินโซเซลงจากเขา เธออยู่ในอาการตกตะลึง"
ดร. ดารินกา ไม่ได้พูดถึงความรู้สึกเช่นนี้ต่อ Spirit Daily แต่เป็นความรู้สึกที่ท่วมท้นในส่วนลึกของวิญญาณที่ไม่เชื่อเรื่องพระเจ้า “ฉันรู้ว่ามันเป็นบางสิ่งที่เกินความเข้าใจของเรา” เธอกล่าว
หลังจากการประจักษ์เสร็จสิ้น ดร. ดารินกา ได้พูดกับผู้เห็นแม่พระคนที่สอง มีรยานา ซอลโด(Mirjana Soldo) ซึ่งเธอเดินลงจากเขาไปด้วยกัน มีรยานาได้พูดคำพูดของแม่พระเช่นเดียวกับที่วิคก้าพูดอย่างถูกต้อง “ฉันถามมีรยาน ในคำถามเดียวกับที่ฉันถามพระแม่มารีย์และเธอก็ให้คำตอบแบบเดียวกัน” ดร. ดารินกา กล่าว “ฉันถามพวกเขาทีละคนและพวกเขาทั้งหมดได้ยินคำพูดเดียวกัน ฉันรู้ว่าพวกเขาเห็นแม่พระ”
ขอบคุณครับอ่านแล้ว อยากร้องไห้มนุษย์เราขาดจิตวิญญาณจริงๆ
ตอบลบขอบคุณครับอ่านแล้ว อยกร้องไห้มนุษย์เราขาดจิตวิญญาณจริงๆ
ตอบลบ