พระนามของพระแม่มารีย์ “มารดาแห่งพระศาสนจักร” ได้รับการประกาศอย่างเป็นทางการในสังคายนาวาติกันครั้งที่ 2 ในพระสมณลิขิต (Lumen Gentium) ปี 1964
ในปี 2018 พระสันตปาปาฟรังซิสทรงกำหนดให้มีการฉลองพระนามนี้ในวันจันทร์แรกหลังจากวันอาทิตย์พระจิตเสด็จลงมา Pentecost Sunday และเป็นวันที่ถูกกำหนดไว้ในปฏิทินพิธีกรรมอย่างเป็นทางการ เพื่อฉลองการที่แม่พระทรงเป็นคนกลางแห่งสวรรค์ และในทุกวันนี้พระนางทรงวอนขอพร้อมกับพวกเราให้พระจิตเจ้าเสด็จลงมาเหนือพระกายลึกลับขององค์พระบุตรของพระนาง
พระสันตะปาปาเปาโลที่ 6 ทรงอธิบายพระนาม “มารดาแห่งพระศาสนจักร” ว่า พระนางมารีย์ทรงเป็นมารดาฝ่ายวิญญาณของคริสตชนทุกคน สิ่งนี้ทำให้มีความเข้าใจลึกซึ้งมากขึ้นเกี่ยวกับจุดประสงค์ของการปฏิสนธินิรมลของแม่พระและพระนางทรงเป็นพรหมจรรย์เสมอ ดังนั้นพระนางจึงทรงถูกเรียกว่า ผู้โอบอุ้มพระเจ้า (God bearier), มารดาแห่งศีรษะของพระศาสนจักร และพระนางทรงเป็นมารดาของทุกคนที่ได้บังเกิดในครรภ์พรหมจรรย์ของพระศาสนจักรด้วยศีลล้างบาป
พระนางทรงเป็น “มารดาที่น่ารักยิ่งของชาวเรา” เมื่อพระนางมารีย์ทรงเลือกที่จะเป็น Theotokos (มารดาของพระเจ้า) ผู้โอบอุ้มพระเจ้า พระนางจึงได้ทรงเป็น Immaculata (ผู้ปฏิสนธินิรมล) เป็น “เอวาใหม่” ที่ปฏิสนธิโดยปราศจากบาปใดๆ เป็นสิทธิพิเศษของพระนางมารีย์
พระคาร์ดินัล รัธซิงเกอร์ (พระสันตะปาปเบเนดิกต์ที่ 16) อธิบายว่า “สิทธิพิเศษของพระนางมารีย์ ไม่ใช่เป็นเพียงพระพรเท่านั้น แต่ยังเป็นภารกิจ อีกด้วย พระนาม “มารดาแห่งพระศาสนจักร” ดำรงอยู่ในประวัติศาสตร์แห่งความรอดโดยความศรัทธาต่อดวงหทัยนิรมลของพระนางมารีย์ ตามที่ทรงถูกเรียกที่ฟาติมา”
แม่พระตรัสแก่เด็กสามคนที่ฟาติมาว่า “พระเยซูเจ้าทรงปรารถนาจะใช้พวกลูกเพื่อทำให้แม่เป็นที่รู้จักและเป็นที่รัก (เพื่อช่วยวิญญาณจำนวนมากให้รอด)”
พระศาสนจักรจึงเริ่มเข้าใจในพระนางพรหมจารีย์มารีย์ พระนางทรงเป็นพรหมจารีย์ผู้ให้กำเนิดพระคริสต์ในความถ่อมพระองค์ของพระคริสต์ ปราศจากการให้กำเนิดนี้ พระศาสนจักรก็ไม่สามารถให้กำเนิดบุตรของพระเจ้าโดยทางศีลล้างบาปได้ และไม่สามารถนำความรอดมาสู่มนุษย์โดยผ่านทางศีลล้างบาปได้
ปราศจากการให้กำเนิดในพรหมจรรย์ของพระนางมารีย์ ก็จะไม่มีพระกายและพระโลหิตที่จะถูกนำไปถวาย ณ.ที่เชิงกางเขน ที่นั่น “อาดัมคนหลัง” (1 คร 15:45) ได้เปิดเผยถึงพระนางมารีย์ในฐานะ “มารดา” ของคนทั้งหลายผู้มีชีวิตในพระคริสต์ “นี่คือแม่ของท่าน”
การประจักษ์ของพระนางมารีย์ที่ฟาติมา เป็นกิจการของพระจิตเจ้าที่เรียกร้องให้พระศาสนจักรไตร่ตรองอย่างลึกซึ้งอีกครั้งในความหมายของ “สตรีที่มีดวงอาทิตย์เป็นอาภรณ์” (วว. 12:1) พระนางมารีย์ทรงเป็นมารดาของพระคริสต์และโดยอาศัยการสิ้นพระชนม์บนกางเขนของพระองค์ พระนางมารีย์จึงทรงเป็นมารดาของพระศาสนจักรด้วย พระศาสนจักรบนโลกเป็นหนึ่งเดียวกับพระคริสต์และได้รับการปกป้องจากการโจมตีของปีศาจโดยอาศัยความศรัทธาอย่างแท้จริงต่อพระนางมารีย์ (วว. 12:16-17) พระนางทรงช่วยเหลือพวกเราในความถ่อมพระองค์ของพระนาง พระคริสต์ทรงปรารถนาที่จะเตือนเราไม่ให้ละเลยพระพรของพระองค์นี้ในการประทานพระแม่มารีย์ให้เป็นมารดาของพวกเราเพื่อช่วยพวกเราด้วยการเข้ามาแทรกแซงช่วยเหลือของพระนาง
เพื่อยืนยันสาส์นของพระนางมารีย์ที่ฟาติมา พระคริสต์ทรงปรากฏต่อซิสเตอร์ลูซีอาอีกครั้งในปลายปี 1920 พระองค์ทรงขอร้องเป็นพิเศษให้มีการกลับใจจากบาปที่ต่อต้านดวงหทัยนิรมลของพระนางมารีย์ โดยให้มีการทำวันอาทิตย์ต้นเดือน (โดยร่วมพิธีมิสซา, แก้บาป, รับศีล) ระบอบมาร์กซิสและกลุ่มเสรีนิยมของประเทศทางตะวันตก ที่โจมตีและปฏิเสธการปฏิสนธินิรมลและพรหมจารีย์เสมอของพระนางมารีย์ ไม่เป็นเพียงการดูหมิ่นความเป็นมารดาศักดิ์สิทธิ์แห่งสวรรค์ของพระนางมารีย์ในฐานะ Theotokos (มารดาของพระเจ้า) เท่านั้น แต่ยังเป็นการปฏิเสธการเป็นมารดาของคริสตชนของพระนางด้วย สิ่งนี้ทำให้ดวงหทัยแห่งมารดาของพระนางต้องเจ็บปวดและทำให้หัวใจของมนุษย์และบรรดาเด็กๆเหินห่างไปจากพระมารดา เป็นเหตุให้วิญญาณจำนวนมากต้องสูญเสียไป พระเจ้าจึงทรงปรารถนาที่จะรื้อฟื้นความศรัทธาต่อพระนางมารีย์ พระมารดาแห่งพระศาสนจักร ผู้ทรงปฏิสนธินิรมล ขึ้นอีกครั้ง
พระธรรมวิวรณ์ 12 ให้ภาพสัญลักษณ์ของ “สตรีที่กำลังร้องไห้คร่ำครวญ เพราะกำลังคลอดบุตร” ทำให้ระลึกถึงพระวาจาของพระคริสต์ที่ตรัสกับอัครสาวกว่า ความทุกข์ทรมานบนเขากาวารีก็เหมือนกับความเจ็บปวดของสตรีที่กำลังคลอดบุตร การให้กำเนิดพระคริสต์ที่เบทเลเฮ็มนั้นเป็นความเงียบสงบมีสันติไร้ซึ่งความเจ็บปวดหรือทุกข์ทรมาน แต่ที่เขากาวารี, พระนางทรงให้กำเนิดครั้งที่สอง, คือบรรดาบุตรทุกคนของพระศาสนจักร เป็นความเจ็บปวดทุกข์ทรมานเป็นอย่างยิ่ง เพราะพระนางทรงเชื่อมโยงกับพระคริสต์ในพระมหาทรมานเพราะความรักอันยิ่งใหญ่ของพระองค์ ในหุบเขาแห่งน้ำตานี้, พระนางไม่ได้รับสิทธิพิเศษที่จะหลีกเลี่ยงความทุกข์ทรมานอันแสนสาหัสก่อนที่จะได้รับเกียรติอันยิ่งใหญ่ ก่อนที่ Theotokos (มารดาของพระเจ้า) จะได้รับพระเกียรติรุ่งโรจน์อย่างเต็มเปี่ยม พระนางต้องทนทุกข์ทรมานพร้อมกับพระคริสต์บนไม้กางเขนและได้รับการปฏิเสธจากโลก
ยอห์น “ศิษย์ที่พระองค์ทรงรัก” พยายามที่จะแสดงให้เห็นว่าพระนางมารีย์คือสตรีที่ประกาศกอิสยาห์กล่าวถึง ในอิสยาห์ 54 “จงโห่ร้องเถิด เจ้าผู้ไม่เคยเจ็บครรภ์ จงโห่ร้องด้วยความยินดีเถิดเพราะบุตรของหญิงที่ถูกทอดทิ้ง(พระนางมารีย์ที่เชิงกางเขน) จะมีจำนวนมากกว่าบุตรของหญิงที่ยังมีสามี พระยาห์เวห์ตรัส” อิสยาห์ 54 อยู่ถัดมาจากอิสยาห์ 53 ซึ่งกล่าวถึงผู้รับใช้ที่ทนทุกข์ ความเป็นมารดาของพระนางมารีย์มาจากไม้กางเขนแห่งผู้รับใช้ที่ทนทุกข์พร้อมกับการถวายเป็นยัญบูชาของพระคริสต์ พระนางทรงให้กำเนิดพวกเราในการสวดภาวนาโดยไม่หยุดหย่อนของพระนาง
เนื่องด้วยพระนางมารีย์ไม่สามารถตรัสอะไรได้ ณ.เชิงกางเขน เพราะทรงอยู่ในความทุกข์โศกเศร้าเป็นอย่างยิ่ง เมื่อได้เห็นพระกายที่ถูกทรมานของบุตรของพระนาง
ดังนั้นให้เราช่วยพระแม่มารีย์ในวันนี้จากความเศร้าโศกที่คล้ายคลึงกัน อันเนื่องมาจากการมองเห็นคนบาปจำนวนมากที่กำลังฉีกทึ้งพระกายลึกลับของพระคริสต์บนโลก ให้เราเรียกหาพระนางมารีย์ในฐานะ “พระมารดาอันเป็นที่รักยิ่งของเรา” และ “มารดาแห่งพระศาสนจักร” พระนางทรงเป็นมารดาของเราแต่ละคน และมารดาของเราทุกคนในพระพรแห่งชีวิตศักดิ์สิทธิ์ของพระคริสต์
**********************
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น