วันศุกร์ที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2563

เฟรดดี้ ฟิกเกอร์


เมื่อคลอดได้เพียงไม่กี่วันทารกน้อยคนหนึ่งก็ถูกนำไปทิ้งไว้ข้างๆถังขยะในชนบทของฟลอริดา มีคนหนึ่งเดินผ่านมาและสังเกตเห็นทารกกำลังร้องไห้ด้วยความเจ็บปวด เขาจึงเรียกตำรวจ ทารกน้อยถูกส่งไปที่โรงพยาบาลซึ่งให้เขาพักอยู่ 2 วันเพื่อให้ฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บเล็กน้อย
 
เมื่อสภาพร่างกายคงที่ดีแล้ว ทารกน้อยก็ถูกนำไปยังสถานสงเคราะห์เด็กที่มีระบบการดูแลที่เหมาะสม ต่อมา,นายนาธานและนางเบ็ตตี้ ฟิกเกอร์ซึ่งอาศัยอยู่ที่ตำบลควินซี ในฟลอริดา ได้มาขอรับทารกคนนี้ไปเลี้ยงเป็นลูกบุญธรรม ทั้งสองมีลูกสาวของตัวเองอยู่แล้ว และทั้งสองตั้งชื่อทารกน้อยผู้น่าสงสารนี้ว่า เฟรดดี้
 
เมื่อเฟรดดี้เติบโตขึ้น เขาถูกรังแกจากเด็กคนอื่นๆในโรงเรียนประถม เขาถูกเพื่อนร่วมห้องเรียนล้อว่า "เด็กถังขยะ"
 
เฟรดดี้พูดถึงอดีตของเขาว่า “มันเป็นพื้นที่ชนบทดังนั้นหลังจากที่เกิดเรื่องนี้, ทุกคนก็ได้รับรู้” ขณะที่พูดนี้เขามีอายุ 30 ปีแล้ว “พ่อแม่ของผมได้บอกความจริงเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นให้ผมได้รู้ เมื่อผมโตพอสมควรแล้ว ผมคิดมากเกี่ยวกับเรื่องนี้และรู้สึกว่ามันน่าอายมากในเวลาที่ยังเด็กอยู่”
 
อย่างไรก็ตาม, ในช่วงที่เรียนในโรงเรียนประถมศึกษา เฟรดดี้พบว่าตัวเองมีความหลงใหลในคอมพิวเตอร์ นาธานพ่อของเขาได้ซื้อคอมพิวเตอร์แมคอินทอชรุ่นเก่าปี 1989 จากร้านค้าในราคา 25 ดอลลาร์เพื่อเป็นเครื่องเล่นให้แก่เฟรดดี้
 
“เขาคิดว่าคอมพิวเตอร์อาจช่วยให้ผมไม่คิดมากและหลุดพ้นจากปัญหา” เฟรดดี้กล่าว
 
และมันก็ได้ผล ด้วยวัยเพียง 9 ปี เฟรดดี้ก็ถอดและประกอบชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์ขึ้นใหม่หลายต่อหลายครั้ง ต่อไปเขาหาวิธีที่จะใช้ชิ้นส่วนจากวิทยุเก่าๆนำมาซ่อมแซมเครื่อง Macintosh เพื่อที่จะทำให้มันทำงานได้
 
“ผมยังเก็บเครื่องนั้นไว้” เฟรดดี้พูดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์เครื่องแรก “เพราะมันเป็นสิ่งที่ทำให้ผมสนใจในเทคโนโลยี”
 
เมื่อายุได้ 13 ปี เฟรดดี้ก็ซ่อมคอมพิวเตอร์ได้อย่างแคล่วคล่อง ชาวเมืองควินซีเริ่มจ้างเขาให้ซ่อมคอมพิวเตอร์ เมื่ออายุ 15 เขาก็เริ่มก่อตั้งบริษัทแรกที่ชื่อว่า Figgers Computersโดยใช้ห้องนั่งเล่นของพ่อแม่ เขาเชี่ยวชาญในการซ่อมคอมพิวเตอร์และช่วยลูกค้าจัดเก็บข้อมูลบนเซิร์ฟเวอร์ที่เขาสร้างขึ้น
 
“ผมไม่ขอแนะนำให้ทุกคนทำตามอย่างผมหรอกนะครับ” เฟรดดี้พูดถึงการที่เขาลาออกจากวิทยาลัย “แต่มันก็ได้ผลสำหรับผม เมื่อผมอายุ 17 ปี, ผมมีลูกค้า 150 รายที่ต้องการมีเว็บไซต์และมีที่เก็บข้อมูลสำหรับไฟล์ต่างๆของพวกเขา ผมเริ่มต้นสร้างตัวจากที่นั่น”
 
เมื่ออายุ 20 ปีต้นๆ เฟรดดี้ได้พัฒนาเครื่องมือเกี่ยวกับผู้ป่วยอัลไซเมอร์ ก่อนที่นาธานบิดาของเฟรดดี้จะเสียชีวิตในปี 2014 เขามีอาการหลงๆลืมๆเนื่องมาจากโรคอัลไซเมอร์ เฟรดดี้ได้คิดค้นเครื่องติดตามตัวด้วย GPS ขึ้นมา มันเป็นอุปกรณ์สื่อสารสองทางเพื่อช่วยค้นหาและติดตามพ่อของเขาเมื่อมีอาการหลงลืมสับสนอันเนื่องมาจากโรคอัลไซเมอร์
 
“ผมประดิษฐ์อุปกรณ์ที่สามารถใส่ในรองเท้าของพ่อที่จะทำให้ผมติดตามท่านและพูดคุยกับท่านได้ผ่านทางรองเท้าของท่าน” เฟรดดี้กล่าว “มันยากที่จะเห็นท่านเสื่อมโทรมลง - เป็นสิ่งที่คุณไม่เคยลืม ผมรู้สึกในบุญคุณของท่านและแม่ของผมเสมอ พวกท่านสอนผมว่า อย่าให้สถานการณ์มากำหนดว่าผมเป็นใคร”
 
ทั้งๆที่มีอุปสรรค์หลายอย่าง, เฟรดดี้ก็สามารถขายสิ่งประดิษฐ์เครื่องติดตามจีพีเอสของเขาให้กับ บริษัทที่ไม่เปิดเผยในราคา $ 2.2 ล้านในปี 2012 ตอนอายุ 23
 
บริษัท Figgers Wireless ซึ่งเป็น บริษัทของเฟรดดี้ที่ขายสมาร์ทโฟนและ data plans ได้รับการประเมินในปี 2017 ด้วยมูลค่ามากกว่า 62 ล้านดอลลาร์ เฟรดดี้ภูมิใจในธุรกิจของเขา แต่เขาบอกว่าเขายังคงหลงใหลในการผสมผสานเทคโนโลยีเข้ากับการดูแลสุขภาพและความปลอดภัย
 
เขาขายเครื่องวัดระดับน้ำตาลในเลือดแบบไร้สายสำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวานที่ช่วยให้ผู้ป่วยสามารถดาวน์โหลดและแชร์ระดับน้ำตาลผ่านเทคโนโลยีบลูทูธ และเขากำลังทำงานในโครงการที่คล้ายกับเทคโนโลยี "รองเท้าอัจฉริยะ" ของเขาเพื่อช่วยครอบครัวในการติดต่อกับคนที่รักซึ่งกำลังเป็นคนไร้บ้าน
 
“มันอาจจะเป็นผมก็ได้ที่เดินอยู่บนท้องถนน – ผมอาจไม่มีที่อยู่อาศัยหรือตายได้ ถ้าหากไม่มีคนมาพบผมที่ถูกทิ้งอยู่ในถังขยะหลังจากที่ผมเพิ่งเกิด” เขากล่าว
 
เฟรดดี้เรียนรู้เมื่อเขาโตขึ้นว่าแม่ที่ให้กำเนิดเขาเป็นโสเภณีที่ติดยาเสพติด เขาไม่ได้สืบหาเพื่อพบเธอและบอกว่าเขาไม่สนใจที่จะทำเช่นนั้น
 
“พ่อแม่ของผมยอมรับผมและให้ความรักและอนาคตแก่ผม พวกเขาพยายามอย่างเต็มที่เพื่อทำให้โลกนี้เป็นสถานที่ที่ดีขึ้นและนั่นคือทั้งหมดที่ผมต้องการเช่นกัน”เขากล่าว

**********************

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น