วันอังคารที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563

ชนเผ่าที่หายสาบสูญของอิสราเอล



ถ้าผมบอกคุณว่าชาวยิวทุกคนในปัจจุบันนี้ไม่ใช่ชาวอิสราเอลในพระคัมภีร์อย่างสมบูรณ์ คุณจะคิดอย่างไร? เรื่องนี้ฟังดูไม่น่าเป็นไปได้ใช่ไหม?
 
ตั้งแต่ปี 1948 ประเทศอิสราเอลได้กลายเป็นประเทศของชาวยิวจากทั่วโลก เป็นที่หลบภัยที่สร้างขึ้นจากการฆ่าล้างเผ่าพันธ์ของนาซีในสงครามโลกครั้งที่2 ประเทศอิสราเอลในปัจจุบันเป็นที่ซึ่งชาวยิวสามารถอยู่อาศัยได้อย่างปลอดภัยและรักษาเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมของพวกเขาที่ได้รับมาจากบรรพบุรุษ
 
แต่ถ้าจะบอกว่าพวกเขาไม่ใช่ชาวอิสราเอลในพระคัมภีร์ล่ะ? สิ่งนี้จะส่งผลกระทบต่อความเข้าใจของคุณเกี่ยวกับพระคัมภีร์และคำพยากรณ์สำหรับโลกของเราในวันนี้หรือไม่? 
 
ในวันนี้ให้เรามาศึกษาพระคัมภีร์ไบเบิลกัน เพื่อทำความเข้าใจตัวตนที่แท้จริงของชาวอิสราเอล และทำไมเรื่องนี้ถึงมีความสำคัญล่ะ? คุณอาจต้องทำความเข้าใจเรื่อง “ชนเผ่าที่หายสาปสูญของอิสราเอล และทำไมพวกเขาถึงสำคัญ” ผมขอเริ่มด้วยการอธิบายว่ารัฐยิวมีบทบาทสำคัญไม่เพียงแต่ในกิจการของโลกเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการทำให้คำพยากรณ์ในพระคัมภีร์ไบเบิลสำเร็จลงด้วย รัฐยิว(ประเทศอิสราเอล)ในปัจจุบันนี้นั้นไม่ใช่รัฐของชาวยิวเท่านั้น มีชนชาติสมัยใหม่อื่นๆที่สืบเชื้อสายมาจากอับราฮัมและมีส่วนร่วมในคำสัญญาของพระเจ้าที่ทรงประทานแก่อับราฮัมด้วย อันที่จริง “คุณจะแปลกใจที่จะรู้ว่ารัฐยิวในปัจจุบันนี้ไม่ได้เป็นอย่างที่พระคัมภีร์อธิบายไว้ว่าเป็นอิสราเอลของพระเจ้า”
 
และตอนนี้คุณอาจกำลังคิดว่าคำพูดเช่นนี้เป็นอะไรกันแน่? เป็นการบิดเบือนศาสนาหรือ? หรือเป็นความคิดแปลกแหวกแนวในเรื่องของพระคัมภีร์ไบเบิล?
 
ขอให้อ่านและตรวจสอบพระคัมภีร์ให้ละเอียด เพราะยังมีข้อมูลที่น่าแปลกใจที่อาจจะปลดล็อคปัญหาที่ซับซ้อนบางอย่างในโลกปัจจุบัน
 
จะพูดได้อย่างไรว่าอิสราเอลประกอบด้วยชนชาติอื่นนอกเหนือจากชาวยิวด้วย? ลองมาดูเรื่องราวในพระคัมภีร์กัน ชาวยิวทุกคนถูกเรียกว่า “ประชากรแห่งพระคัมภีร์” ดังนั้นเราจึงควรหาคำตอบจากพระคัมภีร์
 
หากคุณจะเข้าใจคำพยากรณ์ในคัมภีร์ไบเบิลอย่างแท้จริงคุณต้องเข้าใจกุญแจนี้ว่าใครคือชาวอิสราเอล และชาวยิวสมัยใหม่รวมถึงรัฐของอิสราเอลอยู่ที่ไหน เป็นหนึ่งในเรื่องราวที่น่าสนใจที่สุดในพระคัมภีร์และในประวัติศาสตร์ จากเถ้าถ่านแห่งความหายนะของสงครามโลกครั้งที่สองรัฐอิสราเอลของชาวยิวถือกำเนิดในปี 1948 วันหนึ่งในเดือนพฤษภาคมของปีนั้น,ในกรุงเยรูซาเล็ม, เดวิด เบ็น กูเรียนได้ประกาศตั้งรัฐอิสราเอลขึ้น และสหรัฐอเมริกาเป็นประเทศแรกที่ให้การรับรองอย่างเป็นทางการ ถือเป็นครั้งแรกตั้งแต่ค.ศ. 70 ที่มีประเทศของชาวยิวอยู่ในตะวันออกกลาง และในปี 1948 นั้นเอง, ผู้ศึกษาคำพยากรณ์ในพระคัมภีร์มองว่านี่เป็นเหตุการณ์สำคัญ เพราะสถานะของชาวยิวและการเป็นประเทศที่เป็นที่ยอมรับในตะวันออกกลางทำให้คำทำนายสำเร็จไป
 
หนึ่งในคำพยากรณ์นั้นพบได้ในหนังสือดาเนียลบทที่ 9 ที่ซึ่งเราเรียกว่าคำทำนายของ 70 สัปดาห์ ส่วนสำคัญของคำพยากรณ์นี้พูดถึง “นครศักดิ์สิทธิ์” - ซึ่งก็คือเยรูซาเล็ม มีการอ้างอิงในคำพยากรณ์ถึง “สถานที่ศักดิ์สิทธิ์” และ “ยัญบูชาและเครื่องเผาบูชา” ซึ่งบ่งบอกชัดเจนว่าเยรูซาเล็มเป็นเมืองที่สำคัญ เพราะเป็นสถานที่สำหรับนมัสการและการบูชาอย่างเป็นทางการ เป็นคำพยากรณ์ที่เกี่ยวกับวาระสุดท้ายซึ่งจะเริ่มขึ้นเฉพาะในกรุงเยรูซาเล็มเท่านั้นโดยมีรูปแบบการนมัสการตามที่อธิบายไว้ในหนังสือห้าเล่มแรกของพระคัมภีร์ ได้แก่: ปฐมกาล, อพยพ, เลวีนิติ, กันดารวิถีและเฉลยธรรมบัญญัติ
 
คำทำนาย 70 สัปดาห์ นี้กล่าวเป็นการเฉพาะเกี่ยวกับการเสด็จมาของพระเมสสิยาห์ที่จะมาสู่กรุงเยรูซาเล็ม ในการทำให้คำทำนายหลายอย่างในพระคัมภีร์สำเร็จ จะเป็นได้ก็ต้องมีรัฐยิวที่ประกอบด้วยกรุงเยรูซาเล็มและชาวอิสราเอล นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมปี 1948 ถึงเป็นปีที่สำคัญในความเห็นของผู้ศึกษาคำพยากรณ์ในพระคัมภีร์ แต่เงื่อนไขทั้งสองประการมีอยู่ครบถ้วนหรือไม่?
 
เนื่องจากมีชาวยิวอยู่นี้เอง, ผู้สอนศาสนานิกายอีแวนเจลิคัลของอเมริกันจึงได้ให้การสนับสนุนแก่อิสราเอลทั้งทางการเงินและศีลธรรมมานานหลายทศวรรษ การสนับสนุนทั้งหมดนี้เกิดจากความเชื่อในคำพยากรณ์เกี่ยวกับการเสด็จมาของพระเมสสิยาห์ คุณสามารถเห็นได้จากโทรทัศน์ว่ามีนักการศาสนาอเมริกันจำนวนมากที่เข้าไปในประเทศอิสราเอล มีการเชื่อมโยงของนักการศาสนาอเมริกันกับอิสราเอล เพียงเพราะมันเป็นดินแดนแห่งพระคัมภีร์ พวกเขารู้สึกว่าพวกเขากำลังช่วยทำให้คำพยากรณ์สำเร็จโดยสนับสนุนชาวยิวที่อยู่ในแผ่นดินนั้น
 
แต่มีเรื่องราวมากกว่านี้ มีคำถามว่า ใครคือชาวยิวที่อยู่ในเรื่องราวของชนชาติอิสราเอลล่ะ? คำพยากรณ์นี้อยู่ในหนังสือดาเนียล 9 - คำพยากรณ์ 70 สัปดาห์ - เป็นหนึ่งในคำทำนายของวาระสุดท้าย การที่มีชาวยิวอยู่ในดินแดนแห่งพระคัมภีร์เป็นข้อพิสูจน์ถึงความสัตย์ซื่อที่มั่นคงของพระเจ้าที่ทรงมีต่อทุกชนชาติ
 
ทีนี้มาทำความเข้าใจว่าใครเป็นคนอิสราเอลในพระคัมภีร์และชาวยิวจากที่ใดที่เข้ากับเรื่องนี้ ชนชาติอิสราเอลประกอบด้วย 12 เผ่าที่เดินทางออกจากอียิปต์ภายใต้การนำของโมเสสในเรื่องราวของการอพยพ ชาวยิว 12 กลุ่มเหล่านี้สืบเชื้อสายมาจากลูกชายทั้ง 12 ของยาโคบ คุณจำยาโคบได้ไหม - เขาคือคนที่ฝันถึงบันไดที่ทอดยาวจากแผ่นดินไปถึงสวรรค์ ยาโคบมีบุตร 12 คนที่ถูกเรียกว่าตระกูลทั้ง 12 ของอิสราเอล
 
ชื่อของยาโคบถูกเปลี่ยนเป็นอิสราเอลโดยพระเจ้าและลูกหลานของเขาที่มาจากลูกชายทั้ง 12 ของเขามีจำนวนเพิ่มมากขึ้นกลายประชากรที่เรียกว่าอิสราเอลในพระคัมภีร์
 
เมื่อถึงจุดนี้สิ่งที่คุณควรเข้าใจก็คือ ลูกชายคนหนึ่งชื่อยูดาห์ ลูกหลานของเขาเป็นที่รู้จักในฐานะชาวยิว ชาวยิวทุกวันนี้มาจากตระกูลยูดาห์ ยูดาห์เป็นหนึ่งในบรรดาบุตรชายของยาโคบ มีลูกชายอื่นๆของยาโคบคือ รูเบน, กาด, เบนจามินและแม้แต่โจเซฟผู้มีความสามารถในการทำนายฝันอย่างน่าอัศจรรย์ และคนอื่นๆอีก คนเหล่านี้ล้วนเป็นบุตรชายของยาโคบ
 
ชนเผ่าทั้ง 12 ตระกูลนี้ก่อตัวเป็นชนชาติอิสราเอลที่เราอ่านในพระคัมภีร์ไบเบิล ในภาคโยชูวา, ผู้วินิจฉัย, ซามูเอลและพงศ์กษัตริย์ กษัตริย์ดาวิดปกครองประเทศนี้จากกรุงเยรูซาเล็ม ลูกชายของพระองค์ – โซโลมอนได้สร้างพระวิหารอันงดงามในกรุงเยรูซาเล็ม และชาวยิวจากทั้ง 12 เผ่านั้นก็คือประชากรที่เรียกว่าอิสราเอลในพระคัมภีร์อย่างสมบูรณ์ในเวลานั้น
 
เผ่ายูดาห์เป็นเพียงส่วนหนึ่งของชนชาติอิสราเอลที่มีขนาดใหญ่ อย่างไรก็ตาม, คุณไม่จำเป็นต้องเป็นคนยิวเพื่อที่จะเป็นชาวอิสราเอล เพราะมีบางคนที่มาจากชนชาติอื่นแต่ได้มาอาศัยอยู่ร่วมกับชาวยิวและพวกเขาก็กลายเป็นชาวยิวไปด้วย ตัวอย่างเช่น นางรูธ เป็นต้น
 
แต่ทำไมชาวอิสราเอลถึงได้สำคัญและทำไมเราจึงเอ่ยถึงแต่เพียงเผ่ายูดาห์เท่านั้น – ซึ่งถือว่าเป็นชาวยิวในทุกวันนี้? นี่เป็นคำถามที่ดีและคัมภีร์ไบเบิลให้คำตอบแก่เรา
 
พระคัมภีร์บอกเราว่าหลังจากการสิ้นพระชนม์ของโซโลมอน, ประเทศประสบกับวิกฤตการณ์ความแตกแยกภายใต้การปกครองของกษัตริย์เรโหโบอัม,โอรสของกษัตริย์โซโลมอน ทำให้แผ่นดินแบ่งแยกจากหนึ่งประเทศกลายเป็นสองประเทศ สิบเผ่าที่อาศัยอยู่ทางตอนเหนือของเยรูซาเลมได้รวมตัวกันและเรียกตนเองว่าอิสราเอล ได้แต่งตั้งกษัตริย์ของตนเองขึ้นมาเพราะพวกเขาไม่พอใจกษัตริย์เรโหโบอัม ส่วนสองเผ่าทางทิศใต้ ได้แก่ ยูดาห์และเบนยามินยังคงเคารพในกษัตริย์เรโหโบอัมและได้รวมตัวกันเป็นชนชาติยูดาห์โดยมีเมืองหลวงอยู่ที่กรุงเยรูซาเล็ม อิสราเอลที่เกิดใหม่นี้ได้หันหลังให้กับพระเจ้าโดยสร้างรูปโคขึ้นนมัสการแทนพระเจ้า ส่วนยูดาห์ยังคงเชื่อในพระเจ้าและนมัสการพระเจ้าในพระวิหารที่กรุงเยรูซาเล็มต่อไป
 
ชนชาติอิสราเอลจากสิบเผ่าที่รวมตัวกัน ไม่เคยถูกถือว่าเป็นชาวยิว คำว่าชาวยิวจึงหมายถึงประเทศทางตอนใต้คือยูดาห์เท่านั้น ยูดาห์จึงเป็นที่รู้จักในฐานะชาวยิวตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นไป เมื่อเราอ่านข้ออ้างอิงในพระคัมภีร์เกี่ยวกับอิสราเอล ขอให้ระลึกว่า เรากำลังพูดถึงประเทศอิสราเอลที่เป็นการรวมตัวกันของเผ่าสิบเผ่าซึ่งอยู่ทางตอนเหนือ และยูดาห์หมายถึงรัฐยิวที่แยกต่างหากออกมา
 
เราได้มาถึงตอนที่น่าสนใจในพระคัมภีร์ที่กล่าวถึงเรื่องราวต่อไปนี้ มันอยู่ในหนังสือ 2 พงศ์กษัตริย์ 16: 6 ที่เล่าเรื่องราวของช่วงเวลาแห่งความขัดแย้งระหว่างสองประเทศนี้คืออิสราเอลและยูดาห์ - พวกเขากำลังทำสงครามกัน กษัตริย์ชื่ออาหัสทรงปกครองยูดาห์ ทางเหนือของชนชาติอิสราเอลมีชายชื่อเปคาห์เป็นกษัตริย์ กษัตริย์เปคาห์แห่งอิสราเอลได้ตกลงเป็นพันธมิตรกับกษัตริย์แห่งอาลัมที่มีพระนามว่าเรซิน และพันธมิตรทั้งสองยกกองทัพมาโจมตียูดาห์ ข้อที่ 6 กล่าวว่า “เวลาเดียวกันนั้นกษัตริย์เรซินแห่งอาลัมทรงยึดเมืองเอลัธกลับคืนมาอยู่ในการปกครองของอาลัม ทรงขับไล่ชาวยูดาห์ออกจากเมืองเอลัธ...”
 
พระคัมภีร์ตอนนี้เป็นที่แรกที่มีการเรียกชื่อชาวยูดาห์ – คำว่ายูดาห์(หรือยิว) - และเราพบว่าอิสราเอลทำสงครามกับชาวยิว พวกเขากลายเป็นชนชาติที่แตกต่างกัน ต่างก็เป็นเอกเทศไม่ขึ้นต่อกัน, ลูกหลานของอิสราเอลไม่มีชื่อประจำชาติ พวกเขาเรียกแผ่นดินของตนเองว่า บ้านของอิสราเอล (House of Israel)
 
ดังนั้นเราได้เห็นถึงความแตกต่างกันระหว่างคนสองพวกนี้ คำพยากรณ์ที่สำคัญในคัมภีร์ไบเบิลเรื่องหนึ่งเกี่ยวกับวาระสุดท้ายก็คือการแตกแยกระหว่างสองประเทศนี้ โดยเรียกประเทศทางตอนเหนือว่าเป็นบ้านของอิสราเอลหรือเอฟราอิม - เอฟราอิมเป็นชื่อของเผ่าที่เป็นผู้นำในกลุ่มประเทศทางตอนเหนือ ยูดาห์แยกตัวออกมาเป็นเอกเทศ ทั้งสองถูกถือว่าเป็นประเทศที่แยกจากกันและนี่เป็นสิ่งสำคัญที่ต้องรู้
 
ชนชาติอิสราเอลโบราณดำรงอยู่ประมาณ 200 ปีก่อนที่จะตกไปเป็นเชลยต่อชนชาติอัสซีเรีย ผู้คนชาวอิสราเอลถูกบังคับให้ย้ายออกไปจากแผ่นดินของตัวเอง กระจัดกระจายและสูญหายไป พวกเขาเป็นที่รู้จักในประวัติศาสตร์ในฐานะชนสิบเผ่าที่หายสาปสูญของอิสราเอล แต่พวกเขาจะไม่สูญหายไปอย่างแท้จริงเพราะเราอ่านในพระคัมภีร์วิวรณ์ว่าในเวลาก่อนการเสด็จมาของพระเยซูคริสต์ พระเจ้ายังทรงรักษาสัญญากับประชาชนจากประเทศเหล่านี้ พระสัญญาของพระเจ้าทรงมีต่อทุกเผ่าของอิสราเอล ตามหนังสือพระวิวรณ์ 7:4 กล่าวว่า “ผู้รับการประทับตราเหล่านี้มาจากทุกเผ่าของชาวอิสราเอล จากเผ่ายูดาห์ หนึ่งหมื่นสองพันคน จากเผ่ารูเบนหนึ่งหมื่นสองพันคน.....และเผ่าอื่นๆ.” ดังนั้นชาวอิสราเอลของพระเจ้า หรือชาวอิสราเอลในพระคัมภีร์ก็คือชาวอิสราเอล 12 ตระกูล พระเจ้าเท่านั้นที่ทรงรู้จักพวกเขาและลูกหลานของพวกเขาที่เป็นอยู่ในทุกวันนี้ พระองค์ทรงรู้ว่าพวกเขาอยู่ที่ไหนในท่ามกลางประเทศต่างๆของโลก
 
ส่วนชนชาติยูดาห์ทางใต้ยังคงอยู่รอดได้นานกว่าอิสราเอล แต่ในที่สุดก็ต้องพ่ายแพ้แก่อาณาจักรบาบิโลน บาบิโลนได้ทำลายพระวิหารที่กษัตริย์โซโลมอนสร้าง ชาวยิวส่วนใหญ่ถูกพาตัวไปเป็นทาสที่บาบิโลน เจ็ดสิบปีต่อมา, ชาวยิวก็ได้กลับคืนสู่กรุงเยรูซาเล็มตามคำพยากรณ์ของประกาศกเยเรมีย์ และพวกเขาได้สร้างเมืองและพระวิหารขึ้นใหม่เป็นหลังที่สอง ชนชาติยิวได้อาศัยอยู่ในกรุงเยรูซาเล็มพร้อมกับวัฒนธรรมที่โดดเด่นของพวกเขาจนกระทั่งล่มสลายอีกครั้งในปีค.ศ. 70 ด้วยฝีมือของทหารโรมัน พระวิหารที่กษัตริย์เฮรอดสร้างขึ้นแทนพระวิหารเดิมก็ถูกทำลายไปด้วย แต่ชาวยิวในบริเวณข้างเคียงเยรูซาเล็มยังคงอยู่ หลายปีต่อมาลูกหลานของชาวยิวที่รอดชีวิตได้ก่อตั้งรัฐอิสราเอลขึ้นในปัจจุบันในปี 1948
 
รัฐยิวสมัยใหม่นี้เรียกว่าประเทศอิสราเอล ใช้ชื่อโบราณ แต่ที่จริงประชาชนชาวยิวที่นี่เป็นตัวแทนเพียงส่วนเล็กๆส่วนหนึ่งของคนทั้งหมดที่เรียกว่าอิสราเอลในพระคัมภีร์ ที่ซึ่งครั้งหนึ่งเคยอาศัยอยู่ในดินแดนนี้และเคยมีคำพยากรณ์ในพระคัมภีร์มากมาย
 
เพราะอิสราเอล(ชนสิบเผ่า)ไม่ใส่ใจในคำเตือนของประกาศกที่บอกให้พวกเขาหันกลับมาหาพระเจ้า ดังนั้นในปี 723 ก่อนคริสตกาล อาณาจักรอัสซีเรียได้เข้ามาตีและยึดครองดินแดนของพวกเขา และขับไล่ผู้คนที่เป็นสมาชิกของสิบเผ่าออกไปจากถิ่นที่อยู่อาศัยของพวกเขา ชนเผ่าเหล่านี้แยกย้ายกระจายกันไปตามที่ต่างๆในอาณาจักรอัสซีเรีย รวมทั้งบริเวณที่เรียกว่านีนาเวห์, ฮาราม และบริเวณที่ปัจจุบันเป็นพรมแดนระหว่างอิรัก-อิหร่าน พวกเขารับเอาวัฒนธรรมของต่างศาสนาที่อยู่รอบๆ มีเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่ยังคงรักษาเอกลักษณ์ของชาวยิวเอาไว้ และหลายคนอพยพไปอยู่ทางใต้สู่อาณาจักรยูดาห์
 
ชาวอัสซีเรียได้มาอาศัยอยู่ในดินแดนที่เป็นของชนสิบเผ่าและได้แต่งงานกับชาวอิสราเอลที่ยังคงอยู่ที่นั่น ลูกหลานของพวกเขาถูกเรียกว่าชาวซามาเรียที่มีกล่าวถึงในพระคัมภีร์พระธรรมใหม่ (ยังคงมีลูกหลานของชาวซามาเรียอยู่ในปัจจุบันนี้แต่มีไม่มากนัก) ส่วนผู้คนสิบเผ่าที่ถูกขับไล่ให้ไปอยู่ที่อื่นก็ได้แต่งง่านกับชนท้องถิ่นที่พวกเขาไปอยู่และถูกดูดกลืนวัฒนธรรมจนสูญเสียเอกลักษณ์ของตนไป วัฒนธรรมดั้งเดิมของพวกเขาก็สูญหายไปในประวัติศาสตร์ นักประวัติศาสตร์บางคนจึงเรียกพวกเขาว่า “ชนเผ่าที่หายสาปสูญของอิสราเอล”

พระคัมภีร์ เอเสเคียล 37 : 15 พูดถึงพระสัญญาของพระเจ้าที่ทรงมีต่อชาวอิสราเอลทั้ง 12 ตระกูลไว้ว่า ในวาระสุดท้ายพระองค์จะนำพวกเขามารวมกันเป็นเหนึ่งเดียวอีกครั้ง

พระยาห์เวห์ตรัสกับข้าพเจ้าว่า “บัดนี้ บุตรแห่งมนุษย์เอ๋ย จงเอาไม้ท่อนหนึ่งมาเขียนลงว่า ‘ยูดาห์ และชาวอิสราเอล พันธมิตรของเขา’ จงนำไม้อีกท่อนหนึ่งมาเขียนลงว่า ‘โยเซฟ (ไม้ของเอฟราอิม) และพงศ์พันธุ์อิสราเอลพันธมิตรของเขา’ แล้วจงนำไม้ทั้งสองท่อนมารวมกัน ทำให้เป็นไม้ท่อนเดียวกันในมือของท่าน เมื่อเพื่อนร่วมชาติถามท่านว่า 'จงบอกเราเถิดว่าการกระทำเหล่านี้มีความหมายว่าอย่างไร?’ ท่านจงตอบพวกเขาว่า ‘พระยาห์เวห์องค์พระผู้เป็ฯเจ้าตรัสดังนี้ ดูซิ เรากำลังจะนำไม้ของโยเซฟ (ซึ่งอยู่ในมือของเอฟราอิม) และเผ่าอิสราเอลพันธมิตรของเขา มารวมกับไม้ของยูดาห์ทำให้เป็นไม้ท่อนเดียวกัน เขาจะเป็นสิ่งเดียวกันในมือของเรา” เมื่อไม้ทั้งสองท่อนที่ท่านเขียนชื่อไว้นั้นอยู่ในมือของท่านต่อหน้าเขา จงบอกเขาว่า ‘พระยาห์เวห์องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้ ดูซิ เราจะนำพงศ์พันธ์อิสราเอลมาจากนานาชาติซึ่งเขาไปอาศัยอยู่ด้วย เราจะรวบรวมเขามาจากทุกแห่ง แล้วจะนำเขามายังแผ่นดินของเขา เราจะทำให้พวกเขาเป็นประชาชาติเดียวในแผ่นดิน บนภูเขาทั้งหลายของอิสราเอล จะมีกษัตริย์พระองค์เดียวปกครองเขาทั้งหลาย เขาจะไม่เป็นชนสองชาติ และจะไม่แยกเป็นสองอาณาจักรอีกต่อไป เขาจะไม่ทำตัวให้เป็นมลทินกับรูปเคารพ โดยการกระทำที่น่าสะอิดสะเอียน และการล่วงละเมิดทุกหลายของเขาอีกต่อไป เราจะช่วยเขาให้พ้นจากการทรยศ ที่เขาได้ทำบาป เราจะชำระเขา แล้วเขาจะเป็นประชากรของเรา และเราจะเป็นพระเจ้าของเขา”



 
 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น