วันพฤหัสบดีที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2563

โรคระบาดในอิตาลีปี 1576


ปีค.ศ. 1576 เกิดโรคระบาดร้ายแรงในอิตาลี นักบุญ ชาร์ลส์ โบรโรเมโอ แน่ใจว่าโรคระบาดเป็น “ภัยพิบัติที่สวรรค์ส่งมา” เพื่อเป็นการลงโทษต่อบาปของมนุษย์ เพราะฉะนั้นจำเป็นต้องมีมาตรการฝ่ายจิตวิญญาณเพื่อต่อสู้กับภัยพิบัติเหล่านั้น อันได้แก่ การสวดภาวนาและการใช้โทษบาป

นักบุญ ชาร์ลส์ โบรโรเมโอกล่าวว่า “ไม่มีความผิดใดที่ต่อต้านพระเจ้าและทำให้พระเจ้าทรงขุ่นเคืองพระทัยได้มากเท่ากับความชั่วของการสอนที่ผิดต่อความเชื่อ และไม่มีอะไรที่ทำให้อาณาจักรถูกทำลายได้มากกว่าภัยพิบัติที่มาจากโรคระบาดที่น่ากลัว”
 
นักบุญ ชาร์ลส์ โบรโรเมโอ นำความช่วยเหลือด้านศาสนามาให้แก่ผู้ประสบภัยพิบัติในมิลาน

 
นักบุญ ชาร์ลส์ โบรโรเมโอ แจกศีลมหาสนิทให้แก่ผู้ติดเชื้อจากโรคระบาดในมิลาน ปี 1576
 
นักบุญ ชาร์ลส์ โบรโรเมโอ (1538-1584) เป็นพระคาร์ดินัลและอัครสังฆราชแห่งมิลานตั้งแต่ปี 1565 ถึง 1583 ท่านได้รับการยกย่องในวันสถาปนาท่านเป็นนักบุญว่าเป็น “บุรุษที่แม้ว่าโลกจะสรรเสริญเยินยอท่านสักเพียงไร ท่านก็ยังคงดำเนินชีวิตฝ่ายจิต ถูกตรึงกางเขนกับโลก ท่านเหยียบย่ำสิ่งของของโลก และแสวงหาแต่สิ่งของของสวรรค์ตลอดเวลา ด้วยการเลียนแบบชีวิตของทูตสวรรค์, ในความคิดและการกระทำของท่าน” (Paolo V, Bolla « Unigenitus » del 1 Nov. 1610).
 
Count Enrique de Guzmán ผู้เป็นทูตของกษัตริยฟิลิปที่ 2 ยกย่องท่าน ชาร์ลส์ โบรโรเมโอ ว่า “ท่านเป็นเทวดามากกว่าเป็นมนุษย์”
 
ในเดือนสิงหาคมของปี 1576 มิลานกำลังเฉลิมฉลองการมาถึงของ ดอนจอห์นแห่งออสเตรียด้วยความยินดี ระหว่างการเดินทางไปยังแฟลนเดอร์สซึ่งเขาจะได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าการรัฐ เจ้าหน้าที่ของเมืองมิลานเต็มไปด้วยความตื่นเต้นในความปรารถนาที่จะมอบรางวัลสูงสุดให้แก่เจ้าชายสเปนผู้นี้ แต่ท่านชาร์ลส์ซึ่งเป็นอัครสังฆราชแห่งสังฆมณฑลมิลาน มานานหกปีได้ติดตามข่าวที่มาจาก Trento, Verona และ Mantua สถานที่ซึ่งโรคระบาดเริ่มต้นขึ้น มีข่าวว่ามีผู้ติดเชื้อแล้ว ที่มิลานมีผู้ติดเชื้อคนแรกเมื่อวันที่ 11 สิงหาคม ซึ่งเป็นเวลาเดียวกับที่ดอนจอห์นแห่งออสเตรียมาถึง ท่านเป็นผู้ได้รับชัยชนะต่อกองทัพเรือของมุสลิมในยุทธสงครามแห่งเลปันโต(Lepanto) ผู้ติดตามท่านประกอบด้วย ผู้ว่าการรัฐอันโตนิโอ เดอ กัสแมน (Antonio de Guzmán y Zuñiga) ได้เดินทางออกจากเมืองมา ในขณะที่ท่านชาร์ลส์ซึ่งขณะนั้นอยู่ที่เมือง Lodi เพื่อร่วมในงานศพของท่านบิชอป, ได้กลับมาอย่างเร่งรีบ
 
ความสับสนและความหวาดกลัวปกคลุมทั่วเมืองมิลาน และท่านชาร์ลส์ก็อุทิศตนเพื่อช่วยเหลือผู้ป่วย ท่านสั่งให้มีการสวดภาวนาทั้งในที่สาธารณะและเป็นการส่วนตัว Dom Prosper Guéranger ได้เขียนบรรยายการทำงานของท่านชาร์ลส์ไว้ว่า “ในกรณีที่ไม่มีเจ้าหน้าที่ท้องถิ่น ท่านชาร์ลส์จัดระบบบริการสาธารณสุขขึ้น ท่านสร้างโรงพยาบาลขึ้นใหม่, หาเงินและเสบียง, กำหนดมาตรการป้องกัน และที่สำคัญที่สุดคือ ท่านพยายามให้ความช่วยเหลือทางจิตวิญญาณแก่ผู้ป่วยและทำการฝังศพคนตาย โดยไม่กลัวว่าจะติดเชื้อ ท่านจ่ายเงินด้วยตัวเอง, ไปเยี่ยมโรงพยาบาล, นำขบวนแห่เพื่อการใช้โทษบาป, ท่านเป็นทุกอย่างสำหรับทุกคน, ท่านเป็นเหมือนบิดาและนายชุมพาบาลที่แท้จริง” (L'anno liturgico - II Tempo Pasquale e dopo la Pentecoste, Paoline, Alba 1959, pp. 1245-1248)
 
โรคระบาดในมิลานปี 1576 เป็นการลงโทษ แต่ยังเป็นโอกาสสำหรับการชำระล้างให้สะอาดบริสุทธิ์และการสำนึกผิดกลับใจ ชาร์ลส์ โบร์โรเมโอ ได้เขียนบรรยายไว้ว่า :“นครแห่งมิลานเอ๋ย, ความยิ่งใหญ่ของเจ้าขึ้นไปถึงสวรรค์ ความมั่งคั่งของเจ้าแผ่ขยายไปถึงขอบเขตของจักรวาลโลก (…) แต่ในทันใด โรคระบาดก็ลงมาจากสวรรค์ นั่นเป็นพระหัตถ์ของพระเจ้าและในทันใดความเย่อหยิ่งของเจ้าก็ถูกบดขยี้” (Memoriale al suo diletto popolo della città e diocesi di Milano, Michele Tini, Roma 1579, pp. 28-29)   ท่านนักบุญเชื่อมั่นว่าทุกอย่างเกิดจากความเมตตาอันยิ่งใหญ่ของพระเจ้า “พระองค์ทรงทำให้บาดเจ็บและทรงทำให้หายดี พระองค์ทรงเฆี่ยนตีและทรงรักษาให้หาย พระองค์ทรงวางพระหัตถ์บนไม้เท้าแห่งการตีสอน และทรงประทานไม้เท้าแห่งการเกื้อหนุน”  (Memoriale, p. 81)
 
ในช่วงสิบแปดปีของการปกครองสังฆมณฑลมิลาน ชาร์ลส์ โบร์โรเมโอ ได้อุทิศตนเพื่อต่อสู้กับความเชื่อที่หลงผิดต่างๆซึ่งท่านถือว่าเป็นโรคระบาดฝ่ายจิตวิญญาณ ตามคำพูดของท่าน “ไม่มีบาปความผิดใดที่ต่อต้านพระเจ้าและทำให้พระเจ้าทรงขุ่นเคืองได้มากเท่ากับความชั่วของการสอนที่ผิดต่อความเชื่อ และไม่มีอะไรที่ทำให้อาณาจักรถูกทำลายได้มากกว่าภัยพิบัติที่มาจากโรคระบาดที่น่ากลัว” (Conc. Prov. V, Pars I) พระสันตะปาปาปีโอที่ 10 บรรยายถึงท่านชาร์ลส์ว่าท่านเป็น "แบบอย่างสำหรับนายชุมพาบาลในยุคปัจจุบัน เป็นผู้ให้การสนับสนุนและเป็นที่ปรึกษาสำหรับการปฏิรูปคาทอลิกที่แท้จริงซึ่งถูกต่อต้านจากบรรดาผู้มีความคิดใหม่ๆในเวลานั้น พวกเขาไม่ได้ต้องการสร้างสรรค์แต่ต้องการทำลายความเชื่อและธรรมประเพณี” (Encitaical Edita saepe del 26 May 1910)

***************************

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น