วันอาทิตย์ที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2563

ปีศาจลากโจเซฟา เมเนนเดสลงไปในนรก

 
“ปีศาจจะทำงานของมันอย่างหนักเพื่อทำให้ลูกล้มลง แต่พระหรรษทานของเรามีพลังแข็งแกร่งยิ่งกว่าความอาฆาตมาดร้ายของมัน” พระเยซูเจ้าตรัสแก่โจเซฟา เมเนนเดส , 6 กรกฏาคม 1921
 
หนึ่งในผู้ได้รับพระพรพิเศษที่ถูกปีศาจโจมตีอย่างน่ากลัวเป็นซิสเตอร์ชาวสเปน เธอคือ โจเซฟา เมเนนเดส (1890-1923) เมื่อเข้าคณะนักบวชเธอได้มาอยู่ที่ฝรั่งเศส ปีศาจมาปรากฏตัวต่อเธอหลายครั้งในรูปแบบของสุนัขสีดำที่น่ากลัว หรือในรูปแบบของงูสีดำ หรือเป็นเงาของผู้ชาย
 
วันที่ 4 ธันวาคม 1921 โจเซฟาถูกลากอย่างรุนแรงจากเตียงนอนของเธอ และถูกโยนลงไปที่พื้น และจากนั้นปีศาจก็ส่งเสียงตะโกนคำพูดดูหมิ่นเหยียดหยามพระเยซูเจ้าและพระแม่มารีย์ เหตุการณ์ใช้เวลานานนับชั่วโมง และการทรมานก็เพิ่มขึ้นในสองคืนต่อมา หลังจากประสบเหตุการณ์ที่เลวร้ายเช่นนี้ เธอได้เขียนบันทึกในเช้าวันอังคารที่ 6 ธันวาคม ว่า:
 
“ฉันไม่สามารถทนได้อีกแล้ว ฉันคุกเข่าลงข้างเตียง พยายามที่จะลืมเสียงตะโกนน่ากลัวที่ดูหมิ่นเหยียดหยามพระเยซูเจ้าและพระแม่มารีย์ ทันใดนั้น ฉันได้ยินเสียงขบเขี้ยวเคี้ยวฟันและเสียงร้องแสดงความโกรธแค้น แล้วทุกสิ่งก็หายไปและพระแม่มารีย์ทรงประทับยืนอยู่เบื้องหน้าฉัน”
 
“อย่ากลัว, ลูกสาวของแม่, แม่อยู่ที่นี่”
 
“ฉันทูลพระนางถึงความกลัวปีศาจของฉัน มันทำให้ฉันเป็นทุกข์มาก
 
“มันอาจจะทรมานลูก, แต่มันไม่มีอำนาจที่จะทำร้ายลูก ความโกรธของมันยิ่งใหญ่มากต่อวิญญาณที่หลุดพ้นไปจากมัน....วิญญาณมีค่าเป็นอย่างมาก...ถ้าเพียงแต่ลูกจะรู้ถึงคุณค่าของวิญญาณแม้เพียงหนึ่งดวงแล้วละก็....”
 
พระนางทรงอวยพรดิฉันโดยตรัสว่า “จงอย่ากลัว”
 
“ฉันจูบพระหัตถ์ของพระนางแล้วพระนางก็ทรงจากไป”
 
ต่อมาพระเยซูเจ้าทรงประจักษ์แก่โจเซฟา และเธอทูลพระองค์ทันทีถึงสิ่งที่เธอสงสัยเป็นอย่างมาก นั่นคือ ความกลัวของเธอที่อาจถูกทรมานในนรกเพราะทำบางสิ่งที่ไม่ถูกต้อง หรือการสูญเสียความไร้เดียงสาของวัยเด็ก “เพราะฉันไม่รู้อะไรเกี่ยวกับสิ่งต่างๆเหล่านั้นที่ทำให้ปีศาจทรมานฉัน”
 
พระเยซูตรัสกับเธอว่า “จงอย่ากลัวเลย วิญญาณของลูกอยู่ลึกในพระโลหิตของเรา และสิ่งเหล่านั้นไม่สามารถทำให้ลูกเป็นมลทินได้”
 
ต่อมาพระเยซูตรัสถึงเรื่องที่เฉพาะเจาะจงซึ่งตรัสมากกว่าหนึ่งครั้งในวันก่อนหน้านี้ และทำให้โจเซฟามีความมั่นใจมากขึ้น นั่นคือ: "แม่ของลูกได้พบคำว่า.."การถูกทอดทิ้ง" ปีศาจไม่มีอำนาจใดๆนอกเสียจากสิ่งที่มันได้รับจากพระผู้สูงสุดเท่านั้น จงบอกแม่ของลูกว่า เราคือผู้มีอำนาจสูงสุด”
[คำว่า "แม่" ที่พระเยซูตรัสถึงนั้นหมายถึงคุณแม่อธิการของคณะในคอนแวนต์ซึ่งเป็นผู้ดูแลโจเซฟาและซิสเตอร์คนอื่นๆในช่วงเวลานั้น -Editor]
 
อย่างไรก็ตาม ปีศาจพยายามทำให้โจเซฟาหมดกำลังใจที่จะปฏิบัติภารกิจในการถวายตนและถวายความทุกข์เพื่อช่วยหลือวิญญาณ มันทำทุกวิถีทางที่จะทำให้เธอสิ้นหวัง เธอได้ยินพวกมันพูดว่า
 
“แกจะเป็นหนึ่งในพวกเรา..เราจะทำให้แกเหนื่อยจนหมดแรง...เราจะชนะแก...อย่าไปจากเธอ จงเฝ้าเธอไว้ตลอดเวลาทำลายเธอด้วยวิธีใดก็ได้....เธอต้องไม่สามารถหลบหนีไปได้...เราต้องทำให้เธอสิ้นหวัง....
 
และโจเซฟาเคยประสบกับเหตุการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นกับนักบุญองค์อื่น พระเจ้าทรงอนุญาตให้ปีศาจนำตัวเธอลงไปนรก และที่นั่น, ในนรก, เธอต้องอยู่เป็นเวลานานหลายชั่วโมง บางครั้งอยู่ตลอดทั้งคืน เธอทุกข์ทรมานจนไม่อาจบรรยายได้ และถึงแม้เธอจะถูกลากลงไปอยู่ในนรกที่ต่ำที่สุดนับร้อยครั้งก็ตาม แต่ทุกครั้งก็เหมือนกับว่าเป็นครั้งแรกสำหรับเธอ และเหมือนกับจะไม่มีเวลาสิ้นสุดเลย
 
เธออดทนต่อความทุกข์ทรมานทุกอย่างในนรก ยกเว้นเพียงสิ่งเดียว นั่นคือ ความเกลียดชังพระเจ้า สำหรับโจเซฟา สิ่งที่เจ็บปวดทรมานมากที่สุดในนรกก็คือการได้ยินเสียงสาปแช่ง เสียงร้องด้วยความเกลียดชังของพวกที่อยู่ในนรกที่แสดงถึงความเจ็บปวดและความสิ้นหวัง
 
บรรดาซิสเตอร์ทั้งหลายที่อยู่ในคอนแวนต์มองไม่เห็นเธอในเวลานั้น โจเซฟาได้หายตัวไปทันที พวกเขาพยายามตามหาเธอเป็นเวลานาน และในที่สุดจะพบเธอถูกโยนไปในห้องบางแห่ง หรืออยู่ใต้เฟอร์นิเจอร์ที่หนัก หรือในจุดที่ไม่ค่อยมีคนอยู่ แต่จะไม่เห็นปีศาจ และที่นั่น เขาจะพบเธอมีสภาพที่ถูกไฟเผา เสื้อผ้าไหม้ และร่างกายมีบาดแผลซึ่งใช้เวลานานกว่าที่จะหาย ชิ้นส่วนของเสื้อผ้าที่มีรอยไหม้ยังถูกเก็บรักษาไว้จนปัจจุบันนี้
 
รอยบาดแผลยังคงอยู่บนร่างกายของเธอจนกระทั่งเสียชีวิต ปีศาจตนหนึ่งทำให้เธอเป็นทุกข์ทรมานด้วยการใส่ความคิดที่สิ้นหวังกับเธอ มันทรมานเธอตลอดทั้งวันทั้งคืน ในระหว่างนั้น พระเจ้าทรงซ่อนพระองค์ โจเซฟารู้สึกเหมือนถูกทอดทิ้ง
 
แต่ไม่นานเธอก็กลับมามีชีวิตอีกครั้ง ร่างกายของเธอทรุดโทรมจากความเจ็บปวด เธอไม่มองดูความทุกข์ทรมานเหล่านั้น ถึงแม้มันอาจจะรุนแรง แต่ก็พยายามอดทนให้มากที่สุด"... ด้วยสิ่งเหล่านี้ ฉันจะช่วยวิญญาณให้พ้นจากที่พำนักแห่งความทรมาน"
 
โจเซฟาเขียนบันทึกว่า “ในคืนวันที่ 16 มีนาคม ตอน 10.00 น....ดิฉันเริ่มรับรู้, เหมือนเมื่อวันก่อน, เสียงร้องสับสนและเสียงโซ่ ฉันลุกขึ้นทันทีและแต่งตัว คุกเข่าลงข้างเตียงด้วยความกลัวจนตัวสั่นเทา เสียงคำรามเข้ามาใกล้ และโดยไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี ฉันวิ่งออกจากห้องและไปที่ห้องของคุณแม่อธิการ ต่อมาฉันกลับมาที่ห้องอีก เสียงที่น่ากลัวเหมือนเดิมนั้นอยู่รอบๆตัวของฉัน และในทันใดนั้นฉันก็เห็นปีศาจอยู่ข้างหน้าฉัน”
 
“มัดขาและมือของเธอ” มันร้อง...
 
“ทันใดนั้น ฉันก็ไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ที่ไหน รู้สึกเหมือนถูกมัดอย่างแน่นหนาและถูกลากไป”
 
เสียงหนึ่งร้องว่า “ไม่ถูกต้องที่มัดขาของเธอ หัวใจของเธอต่างหากที่ต้องถูกมัด”
 
“มันไม่ได้เป็นของข้า” อีกเสียงหนึ่งตอบ
 
“ต่อมาฉันถูกลากไปตามทางที่มืดและยาว และทุกด้านจะมีเสียงร้องที่น่ากลัว ฝั่งตรงข้ามกับกำแพงของทางเดินแคบๆนี้เป็นบางอย่างที่ส่งควันออกมา ถึงแม้จะเป็นเพียงเปลวไฟที่น้อยมาก แต่ก็ส่งกลิ่นเหม็นจนทนไม่ไหว จากสิ่งเหล่านี้, มีเสียงหมิ่นประมาทออกมา, ถ้อยคำที่หยาบคาย, บางคนสาปแช่งร่างกายของพวกเขา, บางคนสาปแช่งพ่อแม่ของพวกเขา และอื่นๆ พวกเขาด่าว่าตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่าที่ปฏิเสธพระหรรษทานของพระเจ้าและไม่หลีกเลี่ยงสิ่งที่พวกเขารู้ว่าเป็นบาป มันเป็นเสียงกรีดร้องที่สับสนอลหม่านและสิ้นหวังอย่างต่อเนื่อง
 
ฉันถูกลากไปตามทางเดินเช่นนี้ ซึ่งดูเหมือนจะไม่จุดสิ้นสุด แล้วฉันก็ถูกชกอย่างรุนแรง ฉันรู้สึกเหมือนถูกกดทับอยู่ในระหว่างไม้กระดานที่ลุกเป็นไฟสองแผ่น และถูกแทงด้วยเข็มที่แหลมคน มีวิญญาณอยู่ตรงข้ามและอยู่ด้านข้างฉันที่กำลังพูดดูหมิ่นเหยียดหยามฉันและสาปแช่งฉัน...อะไรที่ทรมานฉันมากที่สุด...ที่ไม่มีอะไรมาเปรียบได้ ก็คือความทุกข์ทรมานในวิญญาณที่พบว่าตัวเองถูกแยกจากพระเป็นเจ้า
 
“ฉันรู้สึกเหมือนอยู่ในนรกเป็นเวลานานหลายปี ซึ่งที่จริงเป็นเวลาเพียงหกหรือเจ็ดชั่วโมงเท่านั้น ทันใดนั้นฉันก็ถูกบางอย่างดึงออกมาอย่างรุนแรง และฉันก็พบตัวเองมาอยู่ในที่มืดแห่งหนึ่ง ปีศาจ, หลังจากเฆี่ยนตีฉันอย่างหนักแล้ว, มันก็หายไปและปล่อยฉันให้เป็นอิสระ.....ฉันไม่อาจบรรยายได้ถึงความรู้สึกเมื่อรู้ตัวว่าฉันยังมีชีวิตอยู่และยังสามารถรักพระเจ้าได้”
 
“ฉันยินดีทนรับความทุกข์ทรมานทุกอย่างเพื่อที่จะหลีกเลี่ยงนรก ทั้งๆที่ฉันกลัวความเจ็บปวด ฉันเห็นอย่างชัดเจนว่าความทุกข์ทรมานทุกอย่างในโลกนี้เป็นเพียงสิ่งเล็กน้อยเท่านั้นเมื่อเปรียบเทียบกับความน่ากลัวของการสูญเสียความสามารถที่จะรักได้ เพราะในสถานที่นั้น, ทุกลมหายใจเป็นความเกลียดชังและความกระหายที่จะสาปแช่งวิญญาณอื่น”
 
(นำมาจาก "Josefa Menendez, The Way of Divine Love"; TAN Books and Publishers, Inc, 1981)

***************************
 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น