วันอาทิตย์ที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2563

ลักษณะของพระตรีเอกภาพปรากฏอยู่ในธรรมชาติ



พวกเราคงได้ยินเกี่ยวกับลักษณะของพระเจ้าผู้ทรงเป็นสามพระบุคคลแต่เป็นพระเจ้าเดียว ซึ่งเราเรียกว่า พระตรีเอกภาพ เป็นพระธรรมล้ำลึกที่เราไม่อาจเข้าใจได้อย่างครบถ้วน เป็นความพิเศษของพระเจ้าเหนือสิ่งใดๆทั้งสิ้น
 
แต่รู้หรือไม่ว่าพระธรรมชาติของพระตรีเอกภาพนั้นถูกจารึกอยู่สิ่งสร้างทั้งหลายด้วย ตามคำสอนของนักปราชญ์แห่งพระศาสนจัรกสองท่านที่อยู่ในศตวรรษที่ 12 คือ นักบุญโทมัส อไควนัส และนักบุญ โบนาเวนตูลา
 
ในหนังสือ Summa Theologica ของนักบุญโทมัส ได้กล่าวว่า สิ่งสร้างทั้งหมดที่พระเจ้าทรงสร้างนั้นได้สะท้อนถึงพระปรีชาญาณและพระลักษณะของพระตรีเอกภาพ
 
พระบุตรทรงอยู่ในฐานะพระวจนะแห่งปรีชาญาณ และพระจิตเจ้าทรงอยู่ในฐานะความรักแห่งน้ำพระทัยของพระเจ้า เพราะฉะนั้นสิ่งสร้างทั้งหลายจึงถูกสร้างด้วยพระปรีชาญาณและด้วยน้ำพระทัยของพระองค์ พระตรีเอกภาพถูกแสดงให้เห็นได้ด้วยภาพลักษณ์นี้ นั่นคือ พระวจนาตถ์ทรงมาบังเกิดเป็นมนุษย์ และความรักของพระเจ้าได้ปรากฏให้เห็น
 
ภาพลักษณ์ของพระตรีเอกภาพในสิ่งสร้างตามคำอธิบายของนักบุญโทมัส
 
นักบุญโทมัสได้ดำเนินรอยตามคำสอนของนักบุญออกัสตินผู้เขียนผลงานชื่อ De Trinitate ออกัสตินต้องการบอกว่าเราสามารถเข้าใจถึงพระตรีเอกภาพได้โดยการเปรียบเทียบกันตัวเราเอง เมื่อเรามองตัวเรา, เราก็จะเห็นภาพสะท้อนของพระเจ้า นี่เป็นวิธีที่เราจะรู้จักพระเจ้า น.ออกัสตินอธิบายว่า พระบุตรทรงมาจากพระบิดาในฐานะความเข้าใจในตนเองของพระเจ้า หรือก็คือ เป็นพระวจนะ ตามที่เขียนไว้ในพระคัมภีร์ พระจิตเจ้าเป็นความรักระหว่างพระบิดาและพระบุตร (ความรัก LOVE มีความเกี่ยวเนื่องกับน้ำพระทัย WILL- หรือความประสงค์- เพราะความรักคือความประสงค์ที่ดีต่อผู้อื่น) ในเมื่อมนุษย์มีลักษณะที่ มีสติปัญญา intellect และมีน้ำใจ-ความประสงค์ will เราก็เป็นภาพสะท้อนของพระตรีเอกภาพ
 
นักบุญโทมัสยังกล่าวว่า ลักษณะของพระตรีเอกภาพยังสะท้อนอยู่ในสิ่งสร้างอื่นๆอีกด้วย ท่านกล่าวว่า -
 
“แต่ในสิ่งสร้างทั้งหมด ยังมีร่องรอยของพระตรีเอกภาพปรากฏอยู่ สิ่งสร้างทุกสิ่งจะมีบางอย่างที่แสดงถึงพระบุคคลของพระเจ้า”
 
สิ่งสร้างแต่ละสิ่งดำรงอยู่ในตัวตนที่เป็นลักษณะเฉพาะของมัน นั่นเป็นดังภาพสะท้อนของพระบิดา - นักบุญโทมัสกล่าว, เช่นเดียวกัน สิ่งสร้างทั้งหลายเป็นตัวแทนของพระบุตร ผู้ทรงเป็นภาพลักษณ์ของความเข้าใจในตนเองของพระเจ้า สิ่งสร้างเหล่านั้นมีรูปแบบต่างๆของมันเอง หมีมีรูปแบบของหมีไม่ใช่แมว ต้นไม้มีรูปแบบของต้นไม้ไม่ใช่หญ้า เป็นต้น
 
ในที่สุด ความสัมพันธ์ของสิ่งสร้างแต่ละชนิดก็เป็นภาพสะท้อนของพระจิตเจ้า ภายในพระตรีเอกภาพ, พระจิตเจ้าทรงเป็นพระประสงค์หรือน้ำพระทัยของพระเจ้า God’s will เพื่อความดีของพระเจ้าเอง ทรงเป็นความรักระหว่างพระบิดาและพระบุตร สิ่งที่อยู่ภายนอกพระเจ้า, คือสิ่งสร้างทั้งหลาย ต่างมีความสัมพันธ์กันตามธรรมชาติ สิ่งนี้เป็นภาพสะท้อนของพระจิตเจ้า
 
คำอธิบายของนักบุญโบนาเวนตูลา- ปัจจัยสาเหตุสามประการ
 
นักบุญโบนาเวนตูลา ผู้มีชีวิตอยู่ร่วมสมัยกับนักบุญโทมัส คือจากปี 1220 ถึงปี 1270 จากหนังสือ Breviloquium ของท่าน ท่านมองว่าสิ่งสร้างต่างๆสะท้อนถึงพระตรีเอกภาพ นั่นคือ มีสิ่งที่เกิดต่อเนื่องกันสามอย่าง มีปัจจัยสาเหตุสามประการที่ทรงสร้างสิ่งสร้างทั้งหลาย นั่นคือ
 
ความสามารถ, ความรอบรู้ efficient,
 
ต้นแบบที่ดี exemplary,
 
และเป้าหมายสุดท้าย final cause
 
อธิบายอย่างง่ายๆก็คือ ความสามารถ, ความรอบรู้เป็นปัจจัยสาเหตุ อย่างเช่น ช่างไม้เป็นสาเหตุทำให้เกิดโต๊ะ นักเคมีเป็นสาเหตุทำให้เกิดระเบิด นักเขียนเป็นสาเหตุทำให้เกิดหนังสือ
 
ท่านนักบุญยังอธิบายให้กว้างขึ้นอีกว่า ความสามารถ, ความรอบรู้อาจบ่งชี้ถึงปัจจัยสาเหตุชนิดอื่นด้วย นั่นคือบ่งขึ้ถึงต้นแบบที่ดี ซึ่งอาจพูดได้ว่าเป็น ปัจจัยสาเหตุใหญ่ สาเหตุนี้ทำให้สิ่งสร้างเป็นขึ้นมาอย่างที่ควรเป็น เมื่อช่างไม้สร้างโต๊ะก็ต้องมีแบบพิมพ์เขียว blueprint นักเคมีสร้างระเบิดก็ต้องมีสูตรเคมี นักเขียนแต่งหนังสือก็จะต้องมีเค้าโครงเรื่องของความคิด
 
ในการเนรมิตสร้างของพระเจ้า เรามีพระเจ้าทรงเป็นปัจจัยสาเหตุแห่งความสามารถ, ความรอบรู้ ผู้ทรงสร้างสรรพสิ่ง แต่พระองค์ก็ทรงเป็นปัจจัยสาเหตุใหญ่ด้วย เพราะทรงสร้างสรรพสิ่งจากแบบพิมพ์เขียวหรือโครงร่างความคิดที่ล้ำเลิศสำหรับสิ่งสร้างทั้งหลาย
 
ปัจจัยสาเหตุที่สามคือ เป้าหมายสุดท้าย นั่นคือจุดประสงค์ที่สิ่งสร้างแต่ละอย่างถูกสร้างขึ้นมา โต๊ะถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นที่ทานอาหารในครอบครัว ระเบิดถูกสร้างเพื่อการเพลิดเพลิน(พลุไฟ,ดอกไม้ไฟ) หรือเพื่อการค้นพบสารประกอบอื่นๆ หนังสือถูกสร้างขึ้นเพื่อผู้อ่านจะได้อ่าน ในกรณีของการเนรมิตสร้างของพระเจ้า พระองค์ทรงมีเป้าหมายสุดท้ายเพื่อความดี ตามที่พระเจ้าตรัสไว้ในพระคัมภีร์ปฐมกาล “เมื่อพระเจ้าทรงทอดพระเนตรทุกสิ่งที่ทรงสร้างมา ทรงเห็นว่าดีมาก”
 
สรุป
 
น.โทมัสและน. โบนาเวนตูลามีความเห็นตรงกันคือ ลักษณะของพระตรีเอกภาพปรากฏสะท้อนอยู่ในทุกสิ่งและทุกแห่ง “สิ่งเหล่านี้ซึ่งเป็นร่องรอยของพระผู้สร้างนั้นพบได้ในสิ่งสร้างทั้งหมดทุกชนิดไม่ว่าจะเป็น ตัวตน, จิตวิญญาณหรือส่วนประกอบของทั้งสองอย่าง”
 
สำหรับ น.โบนาเวนตูลา, ร่องรอยเหล่านี้เป็นเหมือนเบาะแสที่นำไปพบกับผู้เป็นต้นกำเนิดที่มาของพวกเรา นั่นก็คือ พระเจ้า
 
นี่จึงเป็นเหตุผลสำหรับสิ่งที่เราพูดกันคือ มีความเป็นระเบียบแบบแผนและจุดประสงค์ในทุกสิ่ง สิ่งทั้งหลายทั้งปวงต้องนำเรากลับไปสู่ปัจจัยสาเหตุใหญ่หนึ่งเดียวที่เป็นเอกัตตะ(ความเป็นเอก เป็นเบื้องแรกของทุกสิ่ง) ซึ่งเป็นเบื้องต้นของสิ่งอื่นๆ และสิ่งนั้นต้องมีความสมบูรณ์แบบเพื่อที่จะทำให้สิ่งอื่นสมบูรณ์แบบด้วย
 
น.โทมัส สรุปว่า “เราสามารถมาถึงซึ่งความรู้ในพระตรีเอกภาพในพระบุคคลได้จากสิ่งสร้างทั้งหลาย” และน.ออกัสตินได้กล่าวว่า ภาพลักษณ์ของพระตรีเอกภาพอยู่ภายในตัวเราเอง ในความทรงจำของเรา, ในสติปัญญาความเข้าใจของเรา, และในความสามารถของน้ำใจที่มีเพื่อความรัก, สิ่งเหล่านี้แสดงให้เห็นหนทางไปสู่ความเข้าใจในพระเจ้า ตามคำพูดของ น. ออกัสติน ว่า เราจะพบหนทางไปสู่พระเจ้าได้ จาก ความทรงจำ, ความเข้าใจ และความรักต่อพระองค์
 
เพราะฉะนั้น, ตามคำอธิบายของ น.โทมัสและน. โบนาเวนตูล ฝีพระหัตถ์ของพระเจ้าปรากฏอยู่ในโครงสร้างสามอย่างของทุกสิ่งที่พระองค์ทรงสร้าง ในการเนรมิตสร้างมีสาเหตุจาก พระปรีชาญาณ และน้ำพระทัย ทำให้เกิด รูปแบบ, การดำรงอยู่, และความสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน สิ่งเหล่านี้เราพบอยู่ในทุกระดับของสิ่งสร้างทั้งมวล
 
ถึงแม้ว่าเราไม่อาจมองเห็นพระเจ้า แต่ผลงานของพระเจ้ามีให้เห็นอยู่ทุกแห่งหน

**************************************

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น