โดย Father Ted Shipp
หลายคนคงรู้แล้วว่าใครที่เป็นสาเหตุของปัญหาซึ่งเรากำลังเผชิญหน้าในพระศาสนจักรทุกวันนี้ นั่นก็คือ ซาตานและพรรคพวกของมัน แต่จะมีใครรู้หรือไม่ว่ามันทำอย่างไรจึงนำเราไปสู่วิกฤตการณ์นี้?
ผมเชื่อว่ายุทธวิธีที่มันใช้ก็คือการทำให้เราหยุดสวดภาวนา ผมเชื่อว่ามันเริ่มต้นโจมตีพระศาสนจักรด้วยการยุยงพวกเราให้ลดเวลาในการสวดภาวนา
ผมได้รับการศึกษามาจากโรงเรียนของคณะเบเนดิกติน ผมรู้จักคำขวัญของนักบุญเบเนดิก “Ora et Labora” แปลว่า “สวดภาวนาและทำงาน” ทั้งการสวดภาวนาและการทำงานเป็นกิจปฏิบัติที่มีความสำคัญ แต่การสวดภาวนามีความสำคัญมากกว่า
หลังจากสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่ฝรั่งเศส, มีนักบวชของพวกเราหลายคนที่ไปทำงานในโรงงานอุตสาหกรรม พวกเขาไปอยู่ท่ามกลางพี่น้องชายหญิงที่เป็นฆราวาส ทำให้พวกเขาได้เข้าใจซาบซึ้งถึงการย้ำเตือนของนักบุญเบเนดิกนี้ สำหรับพวกเขาคำขวัญของนักบุญเบเนดิกกลายเป็น “Labora et Ora” -- “ทำงานและสวดภาวนา”
ในปี 1961 ผมได้รับการบวชเป็นพระสงฆ์ในสังฆมณฑลซานฟรานซิสโก ผมได้รับมอบหมายงานให้ดูแลโบสถ์ในซานฟรานซิสโก ในปี 1962 ผมได้รับมอบหมายให้สอนในโรงเรียนคาทอลิก ในระหว่างนั้น คำขวัญของนักบุญเบเนดิกก็มาเตือนผมสองครั้งและมันคือ “ทำงานและสวดภาวนา”
พระสงฆ์หลายท่าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งพระสงฆ์ที่ทำงานในโรงเรียนคาทอลิกของเราต่างก็ยอมรับในคำขวัญนี้ และผลลัพท์ก็คือมันลดเวลาในการสวดภาวนาของพวกเรา เพราะเราเชื่อว่าการทำงานในโรงเรียนก็เป็นการสวดภาวนาด้วย เราจึงไม่ต้องสวดภาวนามากนัก และพวกเราหลายคนก็ไม่ได้สวดบททำวัตรอีกต่อไป หลายคนหยุดสวดสายประคำด้วย ถึงแม้ว่าเราจะประกอบพิธีมิสซาทุกวันก็ตาม
เมื่อพระสันตะปาปาเปาโลที่ 6 ทรงออกสมณสาส์น “Humanae Vitae” ในปี 1968, พระสงฆ์สององค์จากสังฆมณฑลวอชิงตันดีซี กลับประกาศว่าพระสันตะปาปาทรงผิดพลาดในเรื่องเกี่ยวกับบาปของการคุมกำเนิด พระสงฆ์หลายองค์ปฏิเสธคำสอนของพระสันตปาปาในเรื่องความจริงนี้ และพระสงฆ์ส่วนใหญ่ในโรงเรียนที่ผมอยู่ก็รวมอยู่ในพระสงฆ์เหล่านั้นด้วย
ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น? ก็เพราะชีวิตในการสวดภาวนาของเราถูกลดทอนลงไปทำให้ชีวิตฝ่ายจิตของเราพลอยบอดมืดไปด้วย เราจึงไม่สามารถตระหนักรู้ถึงความจริงอีกต่อไป นั่นเป็นผลกระทบอย่างแรกของการลดทอนการสวดภาวนา –นั่นคือ การไม่สามารถตระหนักรู้ความจริง
ผลกระทบอย่างที่สองคือ การที่หลายคนไม่มีความเข้มแข็งในการต้านทานต่อการประจญล่อลวง ซาตานมันประจญล่อลวงเราในจุดอ่อนแอของเรา และนี่ส่งผลให้เรายอมทำบาป แต่ก็ยังมีหลายคนที่ไม่ยอมรับว่าสิ่งที่พวกเขาทำนั้นเป็นบาป
ผลกระทบอย่างที่สามของการลดทอนการสวดภาวนาก็คือทำให้เราต้องเผชิญกับความเฉื่อยชา, ความเบื่อหน่ายในพระศาสนจักรและเราถูกประจญให้ละทิ้งชีวิตพระสงฆ์ หลายคนทำเช่นนั้น เพื่อนพระสงฆ์ของผมหลายคนก็ทำด้วย
แต่ผมไม่ ทำไมหรือ? ก็เพราะมีฆราวาสพี่น้องชายหญิงหลายคนของผมกำลังสวดภาวนาให้ผม การสวดภาวนาของพวกเขาได้ช่วยผมไว้ได้
ผมไม่ยอมละทิ้งชีวิตพระสงฆ์
แทนที่จะเป็นเช่นนั้น, ผมได้รับพระหรรษทานให้มีประสบการณ์แห่งพระพรที่พระเจ้าทรงประทานแก่พระศาสนจักรโดยผ่านทางกลุ่มคาทอลิกคาริสเมติก รีนิววัล (Charismatic Renewal กลุ่มพระพรของพระจิต)
พระสงฆ์ส่วนใหญ่ที่ทำงานด้านการสอนพร้อมกับผมได้ละทิ้งชีวิตพระสงฆ์ แม้แต่เพื่อนร่วมห้องเรียนของผมที่บวชเป็นพระสงฆ์พร้อมกับผม
สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นเป็นผลมาจากการลดทอนการสวดภาวนาของเรา
.
สิ่งที่จะเกิดตามมานั้นเลวร้ายยิ่งกว่าอีก บางครั้งซาตานชักชวนให้พระสงฆ์บางคนคงอยู่ในชีวิตพระสงฆ์ต่อไปเพื่อสอนเยาวชนในสิ่งที่ผิด อย่างเช่น 1) ไม่จำเป็นที่ต้องไปนมัสการพระเจ้าในวันอาทิตย์โดยการไปร่วมพิธีมิสซา และ 2 ) การมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้แต่งงานเป็นสิ่งที่สามารถทำได้ ไม่ว่าจะเป็นเพศตรงข้ามหรือเพศเดียวกันก็ตาม
เยาวชนของเราทุกวันนี้กำลังถูกทำให้เติบโตก่อนวัยอันควร โดยผ่านทางรูปลามกในโทรศัพท์และไอแพด และผ่านทางเกมส์มากมาย, หรือวีดีโอลามกที่มีอยู่อย่างเกลื่อนกลาด
เยาวชนของเราทุกวันนี้ไม่ได้รับการสั่งสอนในเรื่องคุณธรรมความดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องความรักความเมตตา พวกเขาไม่ได้รับการสอนให้รู้ว่าจะสวดภาวนาอย่างไร พวกเขาไม่ได้รับการสอนให้รู้จักวิธีต่อสู้กับการประจญล่อลวง พวกเขาไม่กล้าไปสารภาพบาปบ่อยๆ สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นผลงานของปีศาจ
ท่านนักบุญอัครเทวดามีคาแอล ขอพระเจ้าทรงสั่งให้ท่านมาช่วยพวกเราในการประกาศข่าวดีเสมอ พร้อมทั้งช่วยดูแลพวกเราด้วยเทอญ
พี่น้องชายหญิงทั้งหลายในพระคริสต์, คุณพ่อเท็ด
*********************************
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น