วันพุธที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2563

ความอดทนในยามวิกฤต



ตอนต้นของหนังสือ “นครของพระเจ้า” เล่มแรก (The City of God) นักบุญออกัสตินได้ สังเกตว่า ทั้งคนดีและคนชั่วต่างก็ได้รับประสบการณ์ที่หลากหลายในชีวิตของแต่ละคน ชีวิตมีทั้งขึ้นๆ ลงๆ, ความไม่สะดวกสบายและความรำคาญ, ความสุข, ความโชคร้าย, ความขมขื่นและความเศร้า ..
 
ความแตกต่างไม่ได้อยู่ที่ คนดีมีคุณธรรมได้รับการปกป้องจากความทุกข์ทั้งหลาย หรือคนชั่วกลับถูกทิ้งให้รับความทุกข์เหล่านั้น ความแตกต่างอยู่ที่แต่ละคนตอบสนองอย่างไรกับประสบการณ์เหล่านั้น: “คนดีมีคุณธรรมอาจยินดีกับสิ่งดีดีในชีวิต, แต่พวกเขาไม่ได้บ่นว่าหรือตกต่ำลงจากความทุกข์ที่ได้รับ แต่คนชั่วร้าย, เพราะเหตุที่เขาถูกหลอกลวงจากความสุขของโลกนี้, เขาจึงรู้สึกว่าตัวเองถูกลงโทษด้วยความทุกข์ที่ได้รับ "
 
น.ออกัสตินพูดถึงความหมายที่แท้จริงของชีวิตและจุดหมายปลายทางซึ่งอยู่เหนือสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในชึวิตปัจจุบันของแต่ละคน คริสตชนที่กำลังมีชีวิตอยู่ในเวลานี้ พวกเขาไม่ได้มีชีวิตอยู่เพื่อเวลาปัจจุบัน ผู้ที่มีชีวิตตกระกำลำบากรู้สึกเศร้าเสียใจกับชีวิตของพวกเขา (พวกเขารู้สึกว่าโลกนี้เต็มไปด้วยความโศกเศร้าและความทุกข์ทรมาน) เป็นความเข้าใจผิดในการคิดว่าสภาวะการณ์ของโลกได้มอบชะตากรรมเหล่านั้นให้กับพวกเขาและไม่อาจคาดหวังสิ่งอื่นได้ "คนดีมีคุณธรรมจะได้รับประโยชน์แม้ชีวิตจะอยู่ในความไม่สะดวกและความโชคร้ายของชีวิต การเจริญเติบโตฝ่ายจิต, ความหวัง และความเมตตา, ขึ้นอยู่กับความอดทนของผู้ได้รับชะตากรรม ส่วนคนชั่วจะเติบโตในความขมขื่น, ความไม่พอใจ, ความสงสัยและความไม่สบายใจโดยประสบการณ์เดียวกัน .. ”

แบบอย่างจากพระเยซูเจ้า

พระเยซูเจ้าทรงตอบสนองอย่างไรเมื่อต้องทรงเผชิญกับความทุกข์
 

เมื่อพระองค์ถูกจับกุม ถูกทรมานด้วยการเฆี่ยนตีอย่างทารุณ ถูกเยาะเย้ย ถูกตรึงกางเขน? โลกบีบบังคับพระองค์อย่างโหดร้ายที่สุด ซึ่งทำให้เราได้เห็นภาพที่หลากหลาย มีน้ำตา, เลือดและน้ำ แต่ก็มีความเข้มแข็ง, ความกล้าหาญ, ความเห็นอกเห็นใจ, ความเศร้า, ความเมตตาสงสาร, ความรักและการให้อภัย เราสามารถเรียนรู้จากพระองค์ในการตอบสนองต่อความท้าทายที่เราเผชิญอยู่ เราสามารถเรียนรู้จากพระเยซูเจ้าในช่วงเวลาที่รุนแรงที่สุดในชีวิตของพระองค์
 
ในพระมหาทรมาน, พระเยซูเจ้าไม่ต่อต้านผู้ที่ทำร้ายพระองค์เลยแม้แต่น้อย พระองค์ทรงยอมรับและให้อภัยพวกเขา พระองค์ยังแก้ตัวแทนคนที่ทำร้ายพระองค์ด้วย “เพราะเขาไม่รู้ว่ากำลังทำอะไร” (ลูกา 23:34) เราสามารถเห็นวิธีที่พระเยซูเจ้าตอบสนองต่อความทุกข์ที่ทรงได้รับจากข้อความในพระคัมภีร์ดังตัวอย่างต่อไปนี้:
 
พระเยซูอยู่ในสวนเกทเสเมนี – พระองค์สวดภาวนา
พระเยซูถูกสาปแช่งโดยสภาซันเฮดดริน – พระองค์ทรงมั่นคงแน่วแน่
เปโตรปฏิเสธพระเยซูเจ้า - พระองค์ทรงยอมรับความอ่อนแอของเขา
พระเยซูพบสตรีชาวเยรูซาเล็ม – พระองค์ตรัสบรรเทาใจพวกเขา, ทรงห่วงใยผู้อื่น
พระเยซูทรงสัญญาประทานอาณาจักรของพระองค์แก่โจรกลับใจ – พระองค์ทรงอภัยบาปของเขา
พระเยซูตรัสกับพระมารดาและบรรดาศิษย์ของพระองค์ – พระองค์ทรงดูแลครอบครัวของพระองค์
 
เมื่อพระเยซูตอบสนองต่อความทุกข์, ทรงแสดงให้เราเห็นถึงความดีที่สุดที่มนุษย์สามารถกระทำได้ ไม่มีการแสดงอัศจรรย์ ไม่มีการรักษาอย่างทันที ไม่มีการขับไล่ปีศาจ ไม่มีคำอุปมา พระองค์เป็นเช่นเดียวกับพวกเรา เป็นมนุษย์ธรรมดาคนหนึ่ง, ไม่ต่างจากพวกเราคนใดเลย
 
แต่มีสิ่งที่พิเศษที่สุด, นั่นคือการตอบสนองต่อความทุกข์ของพระองค์ พระองค์ไม่ได้ร้องไห้โวยวาย, ไม่ได้ประหลาดใจ, ไม่ได้ตกใจกลัว พระองค์ทรงเผชิญหน้ากับความทุกข์อย่างกล้าหาญ ด้วยความสง่างาม ด้วยความรักและการให้อภัย
 
พระองค์ทรงแสดงให้เราเห็นว่าการเป็นมนุษย์ที่แท้จริงเป็นอย่างไร
 
******************

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น