อัศจรรย์แห่งศีลมหาสนิท และพระธาตุของพระคริสต์ ได้ให้หลักฐานของกรุ๊ปเลือดชนิดเดียวกันคือเลือดกรุ๊ป AB + เป็นผลลัพท์ของการตรวจวิเคราะห์กรุ๊ปเลือดทางห้องแล็ปโดยตัวอย่างที่มาจากพระธาตุของพระเยซูเจ้าและอัศจรรย์ศีลมหาสนิทเหล่านั้น ซึ่งพบว่าตัวอย่างจากทุกแห่งมีผลลัพท์ออกมาตรงกัน (ข้อความจาก UCatholic.com - 7 กุมภาพันธ์)
การตรวจสอบกรุ๊ปเลือดกระทำจากหลายแหล่ง อาทิเช่น จากแผ่นศีลของอัศจรรย์ศีลมหาสนิทที่แลนซีอาโน, ผ้าห่อพระศพแห่งตูริน, และผืนผ้าแห่งโอวิเอโด, อัศจรรย์ศีลมหาสนิทในปี 1996 ที่บูเอโนส ไอเรส, ซึ่งได้รับการตรวจสอบโดยพระอัครสังฆราชเบอร์กอร์กลิโอ (พระสันตปาปาฟรังซิส)
การสำรวจทั่วโลกพบว่า 5.88% ของมนุษยชาติมีกรุ๊ปเลือดนี้ ส่วนใหญ่อยู่ในบังกลาเทศ (17%) , ในเกาหลี (11%) และในญี่ปุ่น (10%)
ในการถ่ายเลือด, กรุ๊ปเลือด AB + สามารถรับเลือดกรุ๊ปอื่นได้ทุกกรุ๊ป
จึงอาจกล่าวได้ว่า “พระคริสต์จะทรงรับทุกคนไว้ในดวงพระหฤทัยของพระองค์ด้วยความเต็มพระทัย”
-------------------
เรารู้ได้อย่างไรว่าพระโลหิตของพระเยซูเจ้าเป็นเลือกกรุ๊ป AB?
ดูเหมือนว่าพระเจ้าทรงพอพระทัยที่จะประทานหลักฐานจำนวนมากซึ่งแสดงให้เห็นว่ากรุ๊ปเลือดของพระเยซูเป็นแบบ AB (เป็น AB +) อาทิเช่น ผ้าห่อพระศพแห่งตูริน, ผ้าแห่งโอวิเอโด ( Sudarium of Oveido) , และอัศจรรย์ศีลมหาสนิทที่สำคัญๆที่เกิดขึ้นทั้งในอดีตและเมื่อไม่นานมานี้ซึ่งผลการตรวจเลือดยืนยันว่าเป็นกรุ๊ปเลือด AB ในความเป็นจริง, มีการวิเคราะห์ทางวิทยาศาสตร์ทางเลือดเมื่อเร็วๆ นี้ได้ยืนยันกรุ๊ปเลือด AB อีกครั้งทั้งในผ้าห่อศพแห่งตูรินและใน Sudarium - สองพระธาตุศักดิ์สิทธิ์ซึ่งเชื่อกันว่าได้สัมผัสพระกายของพระเยซูเจ้าและมีพระโลหิตอันทรงคุณค่าของพระองค์ประทับเป็นรอยอยู่
ด้านล่างนี้เป็นบางกรณีที่ได้รับการทดสอบทางวิทยาศาสตร์โดยห้องปฏิบัติการจากที่ต่างๆ ของโลกซึ่งทั้งหมดเปิดเผยว่าเป็นเลือดกรุ๊ป AB
- อัศจรรย์ศีลมหาสนิทแห่งโบลเซนา (ศตวรรษที่ 13 ตรวจสอบหมู่เลือดในปี 1995)
- ผ้าห่อพระศพแห่งตูริน
- ผืนผ้าแห่งโอวิเอโด Sudarium
- อัศจรรย์ศีลมหาสนิทแห่งแลนซีอาโน (ศตวรรษที่ 8)
และสำหรับผู้ที่สนใจในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ เหตุการณ์ทั้งสามด้านล่างได้เกิดขึ้นในช่วง 25 ปีที่ผ่านมาและผลการตรวจเลือดนั้นเป็นแบบ AB + ทั้งหมด
- ศีลมหาสนิทที่อาสนวิหารแม่พระแห่ง Finca Betania ในCúa, เวเนซุเอลา (1991)
- ศีลมหาสนิท ที่บัวโนสไอเรส, อาร์เจนตินา (1996) ที่น่าสนใจคืออาร์คบิชอปที่รับหน้าที่ตรวจสอบคืออาร์คบิชอป Bergoglio – พระสันตะปาปาฟรังซิส!
- ศีลมหาสนิทที่โบสถ์ Saint Martin แห่ง Tours ใน Tixtla, Mexico, (2006)
แต่ละแหล่งที่มาของอัศจรรย์ด้านบนยืนยันผลการทดสอบกรุ๊ปเลือด AB และจากบทความข้อเขียนต่างๆระบุว่ามีอัศจรรย์เกิดขึ้นมากมาย เหตุการณ์อัศจรรย์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดซึ่งส่งผลให้เกิดข้อสรุปเดียวกันนี้
การหาได้ยากของกรุ๊ปเลือด AB ในหมู่มนุษย์
กรุ๊ปเลือด AB (ทั้งบวกและลบ) เป็นหนึ่งในกรุ๊ปเลือดที่หายากที่สุดของโลกโดยมีเพียงประมาณ 3.4% ของประชากรโลกที่มี AB + และเพียง 0.6 เปอร์เซ็นต์ของประชากรที่มี AB-
กรุ๊ปเลือด AB และการยอมรับเลือดอื่นได้ทุกกรุ๊ป
สิ่งที่ทำให้กรุ๊ปเลือด AB มีความพิเศษมากขึ้นคือผู้ที่มีเลือด AB สามารถรับเลือดจากใครก็ได้และเป็นที่รู้จักกันในนาม "ผู้รับทั่วไป" ซึ่งแตกต่างจากกรุ๊ปเลือดอื่นๆ ดังนั้นกรุ๊ปเลือด AB จึงเรียกว่ากรุ๊ปเลือด "Universal Receiver"
ดังนั้นอะไรที่ทำให้พระโลหิตของพระเยซูเจ้าเป็นกรุ๊ป “ผู้รับทั่วไป” ?
สิ่งนี้จึงเป็นคำถาม ทำไมพระโลหิตของพระเยซูเจ้าจึงเปิดกว้างที่จะรับเลือดทุกกรุ๊ปของมนุษยชาติ สิ่งนี้มีความหมายว่าอะไร? นี่คือที่ที่วิทยาศาสตร์และความเชื่ออาจรวมกันได้เป็นอย่างดี
ในการรับศีลมหาสนิท, เรามักจะพูดถึงการไป “รับ” พระเยซูเจ้าในศีลมหาสนิท เมื่อเรารับศีลมหาสนิทไว้ในตัวของเรา, พระเยซูเจ้าจะรวมเป็นหนึ่งเดียวกับเราอย่างแท้จริง ทั้งร่างกาย, โลหิต, วิญญาณและความศักดิ์สิทธิ์
ศีลมหาสนิท "Koinonia"
อย่างไรก็ตาม, พระศาสนจักรได้สอนเสมอมาว่า การมีส่วนร่วมของศีลมหาสนิทจะมีผลในสองทิศทาง คือพระเยซูเป็นหนึ่งเดียวกับเราและเราได้เข้าร่วมสนิทกับพระองค์ – เพราะเมื่อเราได้รับศีลมหาสนิท การที่พระเยซูเจ้าทรงมาเป็นส่วนหนึ่งของเราและเรากลายเป็นส่วนหนึ่งของพระองค์นั้น ได้แผ่ขยายไปยังพระกายของพระองค์คือพระศาสนจักรทั้งครบ
คำกรีกโบราณที่พระศาสนจักรใช้สำหรับเรื่องนี้ก็คือ "Koinonia" ซึ่งหมายความว่าศีลมหาสนิทเป็นศีลศักดิ์สิทธิ์แห่งการมีส่วนร่วมกับคนอื่นๆในพระกายของพระคริสต์ที่เป็นหนึ่งเดียว
“ถ้วยถวายพระพรซึ่งเราใช้ขอบพระคุณพระเจ้านั้น มิได้ทำให้เรามีส่วนร่วมในพระโลหิตของพระคริสตเจ้าหรือ" (1 โครินธ์ 10:16)
และนั่นคือสิ่งที่นักบุญเปาโลบอกกับเราใน 1 โครินธ์ 10:16 ว่าเราผู้เดียวไม่ได้รับพระเยซูเจ้าในศีลมหาสนิท แต่เราทุกคนร่วมเป็นหนึ่งเดียวกับพระองค์ในศีลมหาสนิทด้วยพระโลหิตของพระคริสตเจ้า -“ Nonne communicatio sanguinis?” ตามที่เขียนไว้ในศัพท์ละติน; κοινωνία หรือ Koinonia ในภาษากรีก
เช่นเดียวกัน, นักบุญโทมัส อไควนาส เขียนไว้ว่า “…ศีลมหาสนิทเป็นศีลศักดิ์สิทธิ์แห่งความเป็นหนึ่งเดียวกันของพระศาสนจักร ซึ่งเป็นผลมาจากความจริงที่ว่าหลายคนรวมกันเป็นหนึ่งในพระคริสต์” หรือตามคำสอนของพระศาสนจักรว่า “..โดยศีลศักดิ์สิทธิ์นี้เราได้รวมเป็นหนึ่งเดียวกันใน พระคริสต์ผู้ทรงทำให้เรามีส่วนร่วมในพระกายและพระโลหิตของพระองค์เพื่อรวมเป็นร่างกายเดียว” (คำสอนของพระศาสนจักรคาทอลิก ค.ศ. 1331)
ด้วยความคิดนี้, เราสามารถตระหนักได้ดีขึ้นในเหตุผลว่าทำไมพระเยซูเจ้าทรงเลือกที่จะมีกรุ๊ปเลือด AB: เพราะเป็นกรุ๊ปเลือดที่เปิดกว้างยอมรับเลือดของเราทุกคนโดยไม่คำนึงถึงกรุ๊ปเลือดของเราเองว่าจะสามารถรับได้หรือไม่ เพื่อไม่ให้คนบาปถูกกีดกันไม่ให้เข้ามาในชีวิตศักดิ์สิทธิ์สูงส่งของพระองค์! และด้วยการไตร่ตรองถึงพระโลหิตของพระเยซูเจ้าในกรุ๊ป AB นี้, ทำให้เรามีนัยสำคัญที่สวยงามที่ชี้ไปที่ความลึกลับของศีลมหาสนิทและความเป็นหนึ่งเดียวกันในพระกายและพระโลหิตของพระองค์!
AB + ยังเป็นกรุ๊ปเลือดที่สามารถให้พลาสม่าแก่ทุกกรุ๊ปเลือดได้อีกด้วย
เลือด AB นั้นเป็นเลือดที่ยอมรับกรุ๊ปเลือดอื่นได้ทุกกรุ๊ป แต่ยังเป็นที่รู้กันว่าเลือด AB + เป็นเลือดกรุ๊ปที่สามารถให้พลาสม่าแก่เลือดกรุ๊ปอื่นได้ทุกกรุ๊ป หมายความว่า พลาสมาของเลือดกรุ๊ป AB + สามารถถ่ายไปยังบุคคลใดก็ได้โดยไม่คำนึงถึงชนิดเลือดของพวกเขา
การถ่ายพลาสม่าจะให้ประโยชน์อะไรและทำไมผู้ป่วยถึงจำเป็นต้องมี? แอนติบอดีส่วนใหญ่ถูกหลั่งออกมาจากเซลล์พลาสมา (plasma cell) พลาสม่าจะผลิตโมเลกุลที่เรียกว่าแอนติบอดี้เพื่อช่วยต่อสู้กับการติดเชื้อและมีปัจจัยช่วยในการแข็งตัวของเลือดซึ่งป้องกันการเสียเลือดอย่างรุนแรง กล่าวคือ, พลาสมาต่อสู้กับการติดเชื้อและยังช่วยหยุดเลือด
ข้อสรุปในเชิงจิตวิญญาณและข้อสรุปเชิงสัญลักษณ์ที่เราได้รับจากการพิจารณาไตร่ตรองข้อมูลเหล่านี้ ขอให้ผู้อ่านพิจารณาไตร่ตรองหาข้อสรุปฝ่ายจิตวิญญาณด้วยตัวเองเถิด
เราดีใจที่ได้รู้ว่าพระโลหิตอันทรงคุณค่าของพระเยซูเจ้าเป็นความรอดพ้นของมนุษยชาติ โดยการรับพระกายและพระโลหิตของพระองค์, เราทุกคนได้มีส่วนร่วมเป็นเหนึ่งเดียวในชีวิตอันศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์
------------------
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น