วันพฤหัสบดีที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2563

เหตุใดแม่พระจึงทรงร้องไห้?



วันที่ 19 กันยายน 1846 แม่พระทรงประจักษ์แก่เด็กสองคนที่ลาซาแล็ต, หมู่บ้านเล็กๆในฝรั่งเศส ในการประจักษ์ที่อื่นๆนั้น, แม่พระไม่ค่อยได้แสดงอารมณ์มากนัก แต่ที่นี่แม่พระทรงร้องไห้
 
เหตุใดแม่พระจึงทรงร้องไห้?
 
ตามที่เด็กทั้งสองบอก, เหตุผลหลักประการหนึ่งที่แม่พระทรงร้องไห้นั้นก็คือการที่ชาวบ้านบริเวณนั้นไม่ไปร่วมพิธีมิสซาในวันอาทิตย์ แต่กลับไปทำงานแทน ชาวบ้านไม่เห็นความแตกต่างระหว่างวันธรรมดากับวันอาทิตย์ แม่พระตรัสกับเด็กว่า
 
“แม่จะต้องทนทรมานเพื่อพวกลูกทุกคนเป็นเวลานานมาก! ถ้าทำให้องค์พระบุตรของแม่ไม่ทรงลงโทษพวกลูก,แม่ก็ต้องสวดภาวนาอย่างไม่หยุดหย่อน แต่พวกลูกกลับไม่สังเกตเห็นสิ่งนี้เลยแม้แต่น้อย ไม่ว่าลูกจะสวดภาวนาอย่างดีสักเท่าไรในอนาคต ไม่ว่าลูกจะทำดีอย่างไรก็ตาม ลูกจะไม่สามารถชดเชยความยากลำบากทั้งหมดที่แม่ได้ทนรับเพื่อพวกลูก”
 
"แม่ให้เวลาพวกลูก 6 วันเพื่อใช้ในการทำงาน แม่ขอวันที่ 7 เพียงวันเดียวสำหรับแม่ และไม่มีใครที่จะมอบให้แม่ นี่เป็นสาเหตุที่ถ่วงพระหัตถ์ขององค์พระบุตรของแม่ให้ลงโทษ"
 
“มีเพียงผู้หญิงชราไม่กี่คนที่ไปร่วมพิธีมิสซาในช่วงฤดูร้อน ส่วนคนอื่นๆทั้งหมดทำงานในวันอาทิตย์ตลอดฤดูร้อน”
 
ฝรั่งเศสในปี 1789 เป็นปีที่เกิดการปฏิวัติในฝรั่งเศส คณะปฏิวัติได้ยกเลิกการให้วันอาทิตย์เป็นวันหยุด มีความวุ่นวายทางการเมืองต่อมาเป็นเวลานาน จนกระทั่งถึงปี 1904 จึงได้มีการกำหนดให้วันอาทิตย์เป็นวันหยุดสำหรับคนงานอีกครั้งหนึ่งอย่างเป็นทางการ ในเวลาที่แม่พระทรงประจักษ์ที่ลาซาแล็ต คนงานส่วนมากในฝรั่งเศสไม่เห็นความแตกต่างระหว่างวันอาทิตย์กับวันทำงาน
 
เราอาจคิดว่าการทำงานในวันอาทิตย์ไม่น่าจะเป็นเรื่องใหญ่โตจนทำให้แม่พระทรงร้องไห้ได้เลย แต่พระศาสนจักรพยายามย้ำเตือนอยู่เสมอว่า มนุษย์จำเป็นต้องพักผ่อน และการพักผ่อนหมายถึงการพักผ่อนทั้งฝ่ายร่างกายและจิตใจ ในพระธรรมเดิมพระเจ้าทรงกำหนดให้ชาวยิวต้องหยุดการทำงานในวันสัปบาโต และในวันนี้, ชาวยิวจะไปรวมกันที่ศาลาธรรมเพื่อฟังพระวาจาของพระเจ้า จากการอ่านพระคัมภีร์โดยผู้นำ พวกเขาจะได้พิจารณาไตร่ตรองพระวาจา, ได้รับคำอธิบายจากธรรมาจารย์ พวกเขาเกิดความรู้สึกร่วมกันในความใกล้ชิดกันและกัน และใกล้ชิดพระเจ้า สิ่งนี้เป็นหลักในการดำเนินชีวิตของชาวยิวทุกคน
 
ในพระธรรมใหม่, พระศาสนจักรกำหนดให้คริสตชนมาร่วมชุมนุมกันในพิธีมิสซาในวันอาทิตย์ และเหมือนกับชาวยิว, คริสตชนจะเกิดความรู้สึกร่วมกันในความใกล้ชิดซึ่งกันและกัน ใกล้ชิดกับพระเจ้า ได้ฟังพระวาจาจากการอ่านพระคัมภีร์ ได้รับการอธิบายจากพระสงฆ์ และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือได้รับศีลมหาสนิทซึ่งเป็นอาหารฝ่ายวิญญาณของคริสตชน
 
ในปี 1998 พระสันตะปาปายอห์นปอลที่ 2 ทรงออกสมณลิขิต “วันของพระเจ้า” พระองค์เขียนว่า
 
“ในการมารู้จักพระศาสนจักร, ซึ่งทุกวันอาทิตย์จะมีการเฉลิมฉลองความลึกลับที่มีอยู่ในพระศาสนจักร ขอให้ชายหญิงแห่งสหัสวรรษที่สามมารู้จักพระคริสต์ผู้ทรงฟื้นคืนพระชนม์ และฟื้นฟูจิตใจของตนให้มีชีวิตชีวาอย่างต่อเนื่องโดยการฉลองอีสเตอร์ทุกสัปดาห์, ขอให้ศิษย์ของพระคริสต์ออกไปประกาศข่าวดีแห่งความรอด และมีประสิทธิภาพมากขึ้นในการสร้างอารยธรรมแห่งความรัก”
 
ในยุคสมัยนี้ที่มีความวิตกกังวลและความวุ่นวายในชีวิตประจำวัน จากสภาพการทำงานที่ต้องดิ้นรน จากสภาพสังคมที่มีการแก่งแย่งชิงดีกัน จากความสนุกเพลิดเพลินที่ไร้ขอบเขต และอื่นๆ ทำไมเราไม่ทำตามคำแนะนำของแม่พระที่ให้เราพักผ่อน? ด้วยการไปร่วมพิธีมิสซาเพื่อแสวงหาพระเจ้าและสันติสุขของพระองค์เล่า? นี่ไม่ใช่วิธีที่ยากเกินไปสำหรับเราไม่ใช่หรือ?

สถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 ทำให้เราต้องล็อคดาวน์อยู่ที่บ้าน เราถูกบังคับไม่ให้ไปร่วมพิธีมิสซาที่โบสถ์ บางคนไม่ได้ร่วมพิธีมิสซาแม้แต่ทางออนไลน์จนอาจเคยชินไป แต่วันอาทิตย์ที่ 24 พ.ค. นี้ เราได้รับอนุญาติให้ไปร่วมพิธีมิสซาที่โบสถ์ได้แล้วโดยปฏิบัติตามวิธีที่กำหนดไว้  ดังนั้นขอให้เราไปโบสถ์ร่วมพิธีมิสซากันเถิด  การประจักษ์ที่ลาซาแล็ต, แม่พระทรงร้องไห้เพราะชาวฝรั่งเศสส่วนใหญ่ไม่ไปโบสถ์ในวันอาทิตย์ ขออย่าให้ยุคสมัยของเรานี้เป็นเหมือนชาวฝรั่งเศสในสมัยนั้นเลย  

***************************

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น