วันเสาร์ที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2563

การจัดการกับสิ่งที่ทำให้ขุ่นเคืองใจ



"จงผ่อนหนักผ่อนเบากัน หากมีเรื่องผิดใจกันก็จงยกโทษกัน องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงให้อภัยความผิดของท่านอย่างไร ท่านก็จงให้อภัยกันอย่างนั้นเถิด” โคโลสี 3:13
 
การผิดใจในเรื่องเล็กน้อยกับผู้อื่นทำให้จิตใจเราขุ่นหมอง แต่มันก็เป็นโอกาสที่เราจะฝึกฝนความอดทนและการเติบโตในพระหรรษทาน เมื่อคุณคิดที่จะกำจัดความขุ่นหมองออกไปจากจิตใจ, นั่นเป็นวิธีที่ฉลาดและมีประสิทธิภาพ ในเมื่อเราไม่สามารถทำอะไรกับสถานการณ์ที่น่ารำคาญนั้นได้ (และบ่อยครั้งก็เป็นอย่างนั้น) อย่างน้อยเราก็ยังคงได้รับประโยชน์ฝ่ายวิญญาณจากมัน - โดยการเปลี่ยนสภานการณ์นั้นให้เป็นการสวดภาวนา
 
สิ่งที่เป็นปัญหาเล็กๆน้อยๆหรือความรำคาญซึ่งเกิดขึ้นเป็นบางครั้งในชีวิตของเรานั้น ไม่สามารถไปเปรียบเทียบได้กับการถูกกดขี่ข่มเหง, การถูกจำคุก, การถูกทรมาน, และแม้แต่การยอมรับความตายเพื่อเห็นแก่พระคริสต์ ตามที่นักบุญหลายองค์เคยได้รับมาแล้ว และแม้แต่ในทุกวันนี้, คริสตชนทั่วโลกยังคงได้รับอยู่ต่อไป ความทุกข์ที่เราได้รับนั้นคือไม้กางเขนของเรา และส่วนใหญ่ไม้กางเขนของเรามักจะเป็นไม้กางเขนเล็กๆ ดังนั้นขอให้เราหันไปมองตัวอย่างของบรรดานักบุญผู้ซึ่งเติบโตในความศักดิ์สิทธิ์ โดยการที่พวกท่านมอบกางเขนเล็กๆน้อยๆของท่านให้กับพระเจ้า: ตัวอย่างเช่น นักบุญเทเรซาแห่งลิซิเออซ์ผู้มีชื่อเสียงในสิ่งที่เธอเรียกว่า "ทางสายน้อย" ของเธอ
 
นักบุญเทเรซาเลือกที่จะเป็นนักบุญโดยไม่ต้องทำสิ่งใหญ่โต เธอทำทุกอย่างไม่ว่าจะเล็กหรือสิ่งที่เป็นกิจวัตรประจำวันด้วยความรักให้มากที่สุด ซึ่งแน่นอนว่าเป็นการอดทนต่อสิ่งที่น่ารำคาญและสิ่งที่ทำให้เกิดความขุ่นหมองใจด้วย

นักบุญแสดงให้เราเห็นถึงความอดทนต่อสิ่งที่รบกวนจิตใจ
จากหนังสือ Saintly Solutions to Life’s Common Problems.
 
นักบุญเทเรซาให้คำแนะนำที่สวยงามนี้แก่เรา:
 
“อีกครั้งหนึ่ง, ในการซักผ้าในห้องซักผ้า, ฉันนั่งตรงข้ามกับซิสเตอร์ที่ชอบทำน้ำสกปรกกระเด็นใส่ฉันตลอดเวลา ฉันพยายามหลีกเลี่ยงด้วยการถอยหลังและเช็ดหน้าเพื่อแสดงให้เธอเห็นว่าฉันคงไม่ต้องทำอย่างนั้นถ้าเธอจะระวังให้มากขึ้น แต่ทำไมฉันจึงโง่เขลาในการปฏิเสธขุมทรัพย์ที่ถูกมอบให้ด้วยความใจดีเช่นนี้เล่า? ฉันจึงพยายามซ่อนความโกรธเคืองของฉัน ฉันพยายามอย่างหนักที่จะสนุกกับการถูกสาดด้วยน้ำสกปรก และเมื่อครึ่งชั่วโมงผ่านพ้นไป, ฉันก็ได้รับรู้รสชาติที่แท้จริงของความแปลกใหม่ในลักษณะเช่นนี้ ช่างโชคดีจริงที่ได้ค้นพบจุดนี้, ซึ่งทำให้สามารถรักษาสมบัตินี้ไว้ได้! ฉันจะกลับมาให้บ่อยครั้งเท่าที่จะทำได้”
 
หลายครั้งที่เราพบว่าเรารู้สึกรำคาญหงุดหงิดกับการกระทำของคนอื่น และในสภาพดังกล่าว, เป็นเรื่องง่ายมากที่เราจะเริ่มทำรายการข้อผิดพลาดของพวกเขา และเราก็เริ่มตัดสินพวกเขา นักบุญเทเรซาเตือนเราว่า เราต้องมองภาพรวมที่ใหญ่ขึ้นโดยมองคนที่ก่อความรำคาญด้วยความมีเมตตาจิตต่อเขาให้มากที่สุด: "ควรหรือที่จะให้ปีศาจมาดึงความสนใจของฉันไปที่ข้อบกพร่องของพวกเขา [ซิสเตอร์คนอื่นๆ] ในเมื่อฉันกำลังพยายามเพิ่มความรักในหัวใจของฉัน ฉันเตือนจิตใจของฉันทันทีให้หันไปที่คุณงามความดีและความตั้งใจดีของเธอ ฉันบอกกับตัวเองว่าถึงแม้ฉันจะเห็นเธอทำผิดพลาดเพียงครั้งหนึ่งก็ตาม แต่ก็มีหลายครั้งที่เธอได้รับชัยชนะ ซึ่งในความนอบน้อมถ่อมตนของเธอ, เธอได้รักษาตัวเธอไว้ สิ่งที่อาจดูเหมือนว่าเป็นความผิดสำหรับฉัน, นั่นอาจเป็นการกระทำที่มีคุณธรรมเพราะความตั้งใจดีของเธอก็ได้; และเมื่อฉันประสบกับสิ่งนี้ด้วยตัวเอง, ฉันมีความยากลำบากเพียงเล็กน้อยในการโน้มน้าวตัวเองว่านี่เป็นโอกาสที่ดีอีกครั้งหนึ่ง” :
 
นักบุญแสดงให้เราเห็นถึงวิธีการตอบโต้อย่างอดทนต่อประสบการณ์ที่น่ารำคาญ บุญราศี เฮนรีแห่งเทรวิโซ(Bl. Henry of Treviso) มีชื่อเสียงในด้านไม่เคยปล่อยให้สิ่งใดมาทำให้ท่านวุ่นวายใจหรืออารมณ์เสีย จนสามารถโน้มน้าวผู้คนให้ละทิ้งความพยายามที่จะเยาะเย้ยท่านหรือเล่นแผลงๆกับท่าน ท่านเฮนรี่ไม่ได้รังเกียจพวกเขา ท่านสวดภาวนาสำหรับความทุกข์ทรมานของท่าน
 
ความอดทนแบบนี้มักจะมาจากการมีมุมมองที่กว้าง ดังเช่นในเรื่องราวของนักบุญจอห์นแห่งแคนตี้(St. John of Kanty) ครั้งหนึ่งท่านได้รับเชิญให้ไปทานอาหารค่ำที่บ้านของขุนนางผู้หนึ่ง แต่เมื่อท่านไปถึงบ้านของขุนนางผู้นั้น ท่านก็ถูกปฏิเสธไม่ให้เข้าเพราะเสื้อผ้าที่ดูซอมซ่อของท่าน แทนที่จะขุ่นเคือง, ท่านจอห์นกลับไปที่บ้าน, เปลี่ยนเสื้อผ้าให้ดูดีขึ้นและกลับไปอีกครั้ง ในระหว่างมื้ออาหาร,มีคนใช้คนหนึ่งทำอาหารหล่นใส่บนตักของจอห์น แต่ท่านนักบุญพูดว่า “ไม่เป็นไร, เสื้อผ้าของฉันสมควรได้รับอาหารเย็น เพราะพวกเขา, ฉันจึงมีความสุขใจที่ได้มาอยู่ที่นี่”
 
นักบุญโคเล็ตตี(St. Colette) เคยกล่าวไว้ว่า “หากมีหนทางที่แท้จริงที่นำไปสู่อาณาจักรอันเป็นนิรันดร แน่นอนที่สุด, มันคือความทุกข์ทรมานและการยอมรับด้วยความอดทน” ดังนั้นเราสามารถเลือกที่จะปล่อยให้ความหงุดหงิด, ขุ่นเคืองใจของชีวิตทำให้เราเข้าใกล้พระเจ้ามากขึ้น แต่เราจะดำเนินชีวิตตามทางเลือกนี้ได้อย่างไร องค์ประกอบสำคัญในกระบวนการนี้คือการเริ่มต้นด้วยมุมมองที่ถูกต้อง
 
นักบุญฟรานซิส เดอ ซาลส์ ชี้ให้เห็นว่า "ไม้เท้าของอาโรนพี่ชายของโมเสสเมื่อถูกวางลงบนพื้นดิน มันกลายเป็นงูที่น่ากลัว แต่เมื่ออยู่ในมือของอาโรนมันก็เป็นไม้เท้าแห่งพลังอำนาจ ด้วยเหตุนี้” นักบุญฟรานซิสกล่าว “ความทุกข์ยากลำบาก, เมื่อพิจารณามันจากมุมมองของตัวมันเอง มันเป็นสิ่งที่น่ากลัว แต่เมื่อพิจารณามันจากมุมมองของน้ำพระทัยของพระเจ้า มันเป็นความยินดีและความสุข”
 
เพราะฉะนั้น, ทุกครั้งที่เราถูกรบกวนจากบางคนหรือบางสิ่งบางอย่าง เราควรทูลถามพระเจ้าว่า “พระบิดา พระองค์ทรงปรากฏอยู่ในสถานการณ์นี้อย่างไร?” การตระหนักถึงการสถิตอยู่ของพระเจ้าทำให้ง่ายต่อการตอบสนองต่อทุกสิ่งด้วยความอดทนและด้วยความรัก ตามที่นักบุญเทเรซาได้ค้นพบในประสบการณ์ที่เธอถูกน้ำกระเด็นใส่โดยซิสเตอร์ที่ทำงานซักผ้าพร้อมกับเธอ เราสามารถรักสิ่งที่ทำให้เรารำคาญได้
 
นักบุญยอห์น เวียนเนย์ ได้เขียนไว้ว่า “พ่อมีไม้กางเขนมากมาย - มากเกินกว่าที่พ่อจะแบกได้ แล้วพ่อก็เริ่มวอนขอให้มีความรักในไม้กางเขน – หลังจากนั้นพ่อก็มีความสุข” ความรักสามารถช่วยให้เราอดทนในการพยายามโน้มน้าวผู้อื่นที่ทำให้เราขุ่นเคือง ยกตัวอย่างเช่น นักบุญอิกเนเชียสแห่งแอนติโอ๊ก(St. Ignatius of Antioch) เคยเล่าถึงกลุ่มทหารที่จับกุมท่านไปยังกรุงโรม (ซึ่งท่านจะต้องทุกข์ทรมานเพราะความเชื่อของท่าน) ทหารกลุ่มนี้ได้รับฉายาว่า "เสือดาวทั้งสิบ" ซึ่งมีพฤติกรรม "คอยข่มขู่ทำร้ายผู้ถูกจับกุม" เมื่อความพยายามของเราที่จะทำดีต่อคนอื่นดูเหมือนจะไม่ได้ผล เราอาจถูกล่อลวงให้ยอมแพ้ แต่ด้วยการแสดงเมตตาจิตอย่างต่อเนื่อง, เราได้ทำดีเพื่อพระเจ้าผู้ทรง “ทำให้พระอาทิตย์ขึ้นแก่ทั้งคนดีและคนชั่ว” (มัทธิว 5:45); ยิ่งกว่านั้นเป็นไปได้ว่าความพยายามของเราจะบังเกิดผลขึ้นในที่สุด เช่นเดียวกับนักบุญเทเรซา นักบุญทุกองค์ต่างตระหนักว่า เราสามารถพบพระเจ้าได้ไม่เพียงแต่ในความงามและความสุขของชีวิตเท่านั้น แต่ยังพบพระองค์ได้ในปัญหาที่มีอยู่ในชีวิตของเรา, ในความขุ่มข้องหมองใจและการถูกขัดขวางด้วย
 
เราไม่จำเป็นต้องให้คำสัญญายิ่งใหญ่ต่อพระเจ้าหรือมองหาโอกาสในการทำสิ่งที่กล้าหาญหรือน่าจดจำ และเราไม่ควรวางแผนที่จะทำให้ไม้กางเขนของเราใหญ่ขึ้น พระเจ้ารู้ดีที่สุดในสิ่งที่เราจำเป็นต้องมี พระองค์ทรงประทานหนทางที่ไม่เหมือนใครและสมบูรณ์แบบที่สามารถนำเราไปสู่ความศักดิ์สิทธิ์ และทรงสอนให้เรามีความพยายามอย่างง่ายๆในการตอบสนองต่อความขุ่นข้องหมองใจของชีวิตด้วยความอดทนและการยอมรับ ซึ่งเป็นวิธีสำคัญในการเดินทางของชีวิต ด้วยการก้าวเดินไปทีละก้าว
 
“เราได้รับประโยชน์มากกว่า ในการยอมรับการทดลองเพียงวันเดียวซึ่งมาจากพระเจ้าและเพื่อนบ้านของเรา มากกว่าที่เราจะทำการชดเชยใช้โทษบาปเป็นเวลาสิบปีและการทำพลีกรรมอื่นๆ ซึ่งเรากระทำด้วยตัวเราเอง”- นักบุญเทเรซา แห่ง อาวีลา
 
คำแนะนำของนักบุญยอห์น บอสโก
 
นักบุญยอห์น บอสโก ได้ให้คำแนะนำเชิงปฏิบัติแก่โดมินิค ซาวีโอ ในความพยายามที่จะเป็นนักบุญ นั่นคือ: "จงทำหน้าที่ตามสถานภาพของเธอให้สำเร็จ (ในกรณีของโดมินิค คือในฐานะนักเรียน) จงปฏิบัติต่อเพื่อนด้วยความเมตตากรุณา, โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่มีนิสัยไม่น่าพอใจ ให้อภัยคนที่กิริยาไม่สุภาพหรือหยาบคาย อย่าทิ้งอาหารเสียเปล่า ปฏิบัติตามหน้าที่ของเธอทั้งหมดอย่างดี, แม้กระทั่งสิ่งที่น่าเบื่อหรือไม่เป็นที่พอใจ อย่าบ่นเกี่ยวกับสภาพอากาศ ทำตัวให้สดใสร่าเริงไม่ว่าจะอยู่สถานการณ์ใด และจงหมั่นเพียรแสดงความรักต่อพระเยซู" นักบุญโดมินิค ซาวีแ ได้ทำตามคำแนะนำนี้ และคุณก็ทำได้เช่นกัน เริ่มต้นด้วยการตัดสินใจที่จะเข้ากับคนที่ทำให้คุณรู้สึกรำคาญ
 
เราทุกคนรู้ว่าไม่ควรมองดวงอาทิตย์โดยตรง หากจะต้องมอง, ให้มองด้วยวิธีที่จะป้องกันดวงตาของเรา นักบุญเปาโลแห่งไม้กางเขน ได้ชี้ให้เห็นว่าเราจะเข้าหาคนที่ทำให้เรารำคาญหรือสร้างปัญหาแก่เราได้ในลักษณะเดียวกัน ด้วยการไม่ได้มองพวกเขาโดยตรง แต่ให้มองไปที่พระพักตร์ของพระเยซูเจ้าแทน และมองทุกอย่างในแสงสว่างแห่งพระมหาทรมานแห่งความรักของพระองค์ การทำเช่นนี้จะช่วยให้คุณมองเห็นปัญหาด้วยมุมมองที่กว้างขึ้น นักบุญเปาโลแห่งไม้กางเขนยังกล่าวอีกว่า “เมื่อท่านรู้สึกว่าตัวเองอารมณ์เสียและถูกรบกวนด้วยสถานการณ์ที่ท่านต้องเผชิญ จงมอบตนเองไว้ในพระหัตถ์ของพระเจ้า ยอมรับน้ำพระทัยของพระองค์ หากทำได้ให้วอนขอคำแนะนำและรอคอยให้สถานการณ์นั้นเติบโตขึ้น จงวางใจในพระมหาทรมานของพระเยซูเจ้าที่จะไม่ยอมให้อะไรมาทำร้ายท่าน”

บทความนี้ดัดแปลงมาจากบทในหนังสือของ Fr. Esper, Saintly Solutions to Life’s Common Problems สามารถหาได้ทางร้านหนังสือออนไลน์ในรูปของ ebook หรือหนังสือปกอ่อนจากSophia Institute Press .. ”

*****************************
 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น