กรณีแรก "พระคาร์ดินัล สตานิสลาฟ จีวิสซ์” อดีตเลขาฯของสมเด็จพระสันตะปาปา จอห์น ปอล ที่ 2 ได้ส่งกรณีนี้เพื่อการสถาปนาพระสันตปาปายอห์นปอลที่ 2 เป็นนักบุญ เป็นเรื่องของเด็กผู้ชายอายุ 9 ขวบจากโปแลนด์ ซึ่งป่วยเป็นมะเร็งที่ไต ทำให้ไม่สามารถลุกขึ้นเดินได้มานานกว่า 2 ปี พระคาร์ดินัลจีวิสซ์พาเด็กน้อยคนนี้นั่งรถเข็นมาแสวงบุญที่กรุงโรมและภาวนาหน้าหลุมศพของพระสันตะปาปา จอห์น ปอล ที่ 2 หลังจากภาวนาเสร็จ พ่อแม่ของเด็กคนนี้พาเขาออกมาหน้ามหาวิหารนักบุญเปโตร จู่ๆเด็กน้อยคนนี้บอกว่าอยากลองเดินดูซักตั้ง ทันใดนั้น เขาค่อยๆลุกขึ้นจากรถเข็นแล้วเดินได้โดยไม่มีอาการเหมือนคนป่วยที่เดินไม่ได้มากว่า 2 ปีแม้แต่น้อย อัศจรรย์ครั้งนี้ พระคาร์ดินัลจีวิสซ์ได้เป็นพยานด้วยตาของท่านเอง พร้อมกันนี้ คุณหมอที่รักษาเด็กคนนี้ ก็ร่วมลงชื่อรับรองด้วยว่า วิทยาศาสตร์อธิบายไม่ได้จริงๆว่า ทำไมเนื้อร้ายที่ไตของเด็กคนนี้ หายไปได้อย่างไร
กรณีที่สอง เป็นเรื่องของชายหนุ่มวัย 26 ปีจากเมืองคลีฟแลนด์ รัฐโอไฮโอ สหรัฐอเมริกา ซึ่งได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการถูกปล้นจนกลายเป็น “เจ้าชายนิทรา” ในปี 2005 คณะแพทย์ลงความเห็นว่าเขามีชีวิตอยู่ได้ด้วยเครื่องช่วยหายใจเท่านั้น อย่างไรก็ตาม คุณพ่อจิตตาภิบาลประจำโรงพยาบาลนี้ ได้มอบสายประคำที่สมเด็จพระสันตะปาปา จอห์น ปอล ที่ 2 ทรงเสกให้กับครอบครัวของเขานำไปสวดภาวนาขอพระผ่านคำเสนอวิงวอนของพระสันตะปาปาผู้ล่วงลับ ปรากฏว่า ทุกอย่างเป็นผล ชายคนนี้กลับมามีสติและหายขาดในปี 2006 จนถึงทุกวันนี้ เขาสามารถกลับมาใช้ชีวิตอย่างปกติ โดยที่แพทย์ร่วมยืนยันว่า นี่เป็นการโกงความตายชัดๆ
กรณีที่สาม เป็นสตรีวัย 34 ปีจากเมืองปาแลร์โม่ ประเทศอิตาลี เธอป่วยเป็นมะเร็งเต้านมขั้นที่ 3 และมะเร็งได้กระจายเข้าต่อมน้ำเหลือง แพทย์ลงความเห็นว่าโอกาสรอดริบหรี่ เธอจึงตัดสินใจเดินทางมายังวาติกันเพื่อสวดภาวนาหน้าหลุมศพสมเด็จพระสันตะปาปา จอห์น ปอล ที่ 2 จากนั้นประมาณ 2 เดือน เธอกลับไปตรวจกับหมอคนเดิมอีกครั้ง และปรากฏว่า เซลล์มะเร็งทุกอย่างหายไปชนิดที่แพทย์ไม่ทราบสาเหตุ เรื่องนี้ สัตบุรุษในเขตวัดที่เธอไปร่วมมิสซานั้น ต่างเป็นประจักษ์พยานถึงเรื่องนี้เป็นอย่างดี
ที่มา - ฟาติมาสาร
**********************
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น