เราคริสตชนได้รับคำเตือนเป็นพิเศษเกี่ยวกับประกาศกเท็จเทียม(ซึ่งไม่มีในความเชื่ออื่น) ประกาศกเท็จเทียมคือผู้ที่จะทำให้ประชาชนหลงออกนอกทางจากความจริงของพระเจ้า หลายคนจะเชื่อในคำพูดของเขาและติดตามเขา ปัจจุบันนี้เราก็ได้เห็นประกาศกเท็จเทียมจำนวนมากแล้ว ประกาศกเท็จเทียมอาจเป็นผู้นำทางศาสนาเจ้าลัทธินิกายต่างๆ, นักธุรกิจ, นักการเมือง, หรือผู้นำประเทศก็ได้ เราสามารถรู้จักตัวตนของพวกเขาได้ เรารู้จักต้นไม้ได้จากผลของมันฉันใด เราก็สามารถรู้ได้ว่าใครเป็นประกาศกเท็จจากการกระทำของเขาฉันนั้น คนเหล่านี้ทำให้มนุษย์หลงผิดมัวเมาในความสุขของโลกนี้และหลงลืมพระเจ้า พวกเขาจะบิดเบือนคำสอนของพระคริสตเจ้า พวกเขาจะเปลี่ยนความดีให้กลายเป็นความชั่ว และแปลงความชั่วให้กลายเป็นความดี เมื่อใดที่เราสูญเสียความเชื่อในความจริงของพระเจ้า ไปหลงมัวเมากับวัตถุนิยม สุขนิยม โดยไม่สนใจพระเจ้า เมื่อนั้นพระองค์อาจทรงอนุญาติให้ภัยพิบัติบังเกิดขึ้นก็ได้ สิ่งสำคัญอีกประการหนึ่งคือประกาศกเท็จเทียมจะเตรียมหนทางให้กับการมาของปรปักษ์พระคริสต์คนสุดท้าย
เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2018 พระสันตะปาปาได้ออกสมณสาส์นเทศกาลมหาพรต ทรงเตือนผู้มีความเชื่อเกี่ยวกับประกาศกเท็จเทียมในสมัยนี้
"เพราะความอธรรมที่เพิ่มมากขึ้น, ความรักของคนจำนวนมากจะเย็นลง" (มธ. 24:12)
พระสมณลิขิตของพระสันตปาปาฟรังซิสได้สะท้อนถึงคำเตือนของพระเยซูเจ้าให้ระวังศัตรูภายนอก, นั่นคือประกาศกเท็จเทียมและผู้หลอกลวง และอันตรายที่มาจากภายในตัวของเราเองอันได้แก่ ความเห็นแก่ตัว, ความโลภ, และการขาดความรัก
พระสันตปาปาฟรังซิสทรงเขียนว่า “ประกาศกเท็จเทียมในทุกวันนี้, สามารถปรากฏในรูปของ 'สิ่งเย้ายวน' ซึ่งควบคุมอารมณ์ความรู้สึกของมนุษย์เพื่อทำให้พวกเขาตกเป็นทาสและนำพวกเขาไปตามที่มันต้องการ”
“ดังนั้น ลูกของพระเจ้าหลายคนจึงหลงเพลิดเพลินไปกับความพึงพอใจชั่วครู่ชั่วคราว และทำให้พวกเขาไม่ได้รับความสุขที่แท้จริง, โดยการมัวเมาในภาพลวงตาของเงินตราซึ่งเป็นเพียงสิ่งที่ทำให้พวกเขากลายเป็นทาสของผลประโยชน์และกำไรที่เล็กน้อย มันทำให้พวกเขาเชื่อว่าได้เป็นอิสระ, มีสิ่งที่เพียงพอแก่ความต้องการของตัวเอง แต่มันจบลงด้วยความโดดเดี่ยวหงอยเหงา”
“ประกาศกเท็จเทียมอาจกลายเป็น 'ผู้ล่อลวง' ที่เสนอวิธีแก้ปัญหาอย่างง่ายๆและรวดเร็วให้แก่ผู้กำลังอยู่ในความทุกข์ใจ แต่ในไม่ช้ามันก็ถูกพิสูจน์ได้ว่าไร้ประโยชน์อย่างแน่นอน”
“ประชาชนอาจถูกล่อลวงหรือตกลงไปในกับดับของการใช้ยาเสพติดได้ง่าย ซึ่งมันเป็น “ความสัมพันธ์แบบใช้แล้วทิ้ง” มันเป็นสิ่งให้ความพึงพอใจที่ไม่ยั่งยืน เป็นเพียงความสุข “เสมือนจริง” เท่านั้น ในที่สุดมันกลายเป็นความเสื่อมโทรมที่ไร้ความหมาย
ความโลภในเงินตราเป็นอันตรายที่ร้ายแรง เพราะมันเป็น "รากเหง้าของความชั่วร้ายทั้งหมด" และในไม่ช้าก็นำไปสู่การปฏิเสธพระเจ้าและสันติสุขของพระองค์
"ทั้งหมดนี้นำไปสู่การใช้ความรุนแรงกับใครก็ตามที่เราคิดว่าเป็นภัยคุกคามต่อ 'ความมั่นคง' ของเรา อันได้แก่: เด็กที่ยังไม่เกิด, ผู้สูงอายุและผู้ทุพพลภาพ, ผู้อพยพ, ชาวต่างชาติในหมู่พวกเราหรือเพื่อนบ้านของเรา” ข้อเขียนของพระสันตะปาปาฟรังซิส
ให้เราหันมาดูว่าพระคัมภีร์ได้พูดอะไรเกี่ยวกับประกาศกเท็จเทียมบ้าง, ในหนังสือวิวรณ์ได้อธิบายถึงประกาศกเท็จเทียมว่าเป็นสัตว์ร้ายจากแผ่นดินโลก มันมีลักษณะ“เหมือนลูกแกะ” ประกาศกเท็จเทียมนี้ “หลอกลวงผู้ที่อาศัยอยู่บนโลก” เป็นสิ่งสำคัญที่ต้องตระหนักว่าประกาศกเท็จเทียมเป็นผู้หลอกลวง มันเป็นหมาป่าภายใต้หนังแกะ หรือเป็นปีศาจในคราบนักบุญ มันแสร้งทำตัวเป็นคนดีที่สมบูรณ์แบบเพื่อปิดบังตัวตนที่แท้จริงของมัน ด้วยวิธีนี้มันจะชักนำคนซื่อๆหลายคนให้หลงเชื่อและนำพวกเขาไปสู่บาป ในที่สุดมันก็จะทำให้โลกยกย่องให้เกียรติและนมัสการแอนตี้ไครส์ คำสอนของพระศาสนจักรยืนยันเรื่องนี้โดยกล่าวว่า: “ก่อนที่พระคริสตเจ้าจะเสด็จมาครั้งที่สอง พระศาสนจักรจะต้องผ่านการทดลองขั้นสุดท้ายที่จะเขย่าความเชื่อของผู้ศรัทธาหลายคน ... ในรูปแบบของการหลอกลวงทางศาสนาซึ่งจะเป็นหนึ่งในการละทิ้งความเชื่อ” (CCC 675)
พระคัมภีร์ได้พูดถึงประกาศกเท็จเทียมไว้หลายแห่ง อาทิเช่น
มัทธิว 7:15,19-20 : “จงระวังประกาศกเทียม ซึ่งมาพบท่าน นุ่งห่มเหมือนแกะ แต่ภายในคือสุนัขป่าดุร้าย ท่านจะรู้จักเขาได้จากผลงานของเขา.....ต้นไม้ทุกต้นที่ไม่เกิดผลดีย่อมถูกโค่นทิ้งในกองไฟ”
กิจการอัครสาวก 20: 30-31 : “ข้าพเจ้ารู้ว่าเมื่อข้าพเจ้าจากไปแล้ว, สุนัขป่าดุร้ายจะเข้ามาในกลุ่มของท่านและจะทำร้ายฝูงแกะ แม้ในกลุ่มของท่านก็จะมีบางคนลุกขึ้นกล่าวบิดเบือนความจริงเพื่อโน้มน้าวบรรดาศิษย์ให้ติดตามตน”
มัทธิว 24:11, 24-25 : “ประกาศกเทียมจำนวนมากจะต้องเกิด และจะหลอกคนมากมาย......เพราะจะมีพระคริสต์เทียมและประกาศกเทียมหลายคนเกิดขึ้น จะทำเครื่องหมายและปาฏิหารย์ยิ่งใหญ่ ถ้าเป็นไปได้, จะหลอกลวงแม้แต่ผู้ที่พระเจ้าทรงเลือกสรรไว้ ท่านทั้งหลายจงฟังเถิด เราได้กล่าวถึงเหตุการณ์นี้ให้ฟังก่อนแล้ว”
2 เปโตร 2:1-4 : “ในอดีต เคยมีผู้ปลอมตนเป็นประกาศกในหมู่ประชากรของพระเจ้า ในหมู่ท่านทั้งหลายจะมีผู้สอนผิดซึ่งพยายามสอดแทรกความคิดมิจฉาทิฐิที่นำความหายนะมาสู่ท่านเช่นเดียวกัน เขาจะปฏิเสธองค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงไถ่เขาไว้ เขาจึงนำความหายนะมาสู่ตนอย่างรวดเร็ว หลายคนจะเดินตามความประพฤติเสเพลของพวกเขา และทางแห่งความจริงจะถูกกล่าวร้ายเพราะคนเหล่านี้ เขาจะใช้ถ้อยคำที่หลอกลวงแสวงหาผลประโยชน์จากท่านเพราะความโลภ แต่การตัดสินลงโทษพวกเขาพร้อมนานแล้ว และเขาจะได้รับความหายนะในไม่ช้า พระเจ้าไม่ทรงยับยั้งโทษต่อทูตสวรรค์ที่ทำบาป แต่ทรงผลักทูตสวรรค์เหล่านั้นลงไปในขุมนรกมืดมิด”
ยูดา 1:17-23 : “ท่านที่รักทั้งหลาย, จงระลึกถึงถ้อยคำที่บรรดาอัครสาวกของพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา กล่าวล่วงหน้าไว้ เขาบอกท่านว่า ‘ในวาระสุดท้าย จะมีผู้เยาะเย้ยเกิดขึ้น เขาเหล่านั้นจะประพฤติตามราคะตัณหาเลวร้ายของตน คนเหล่านี้เป็นผู้ทำให้เกิดความแตกแยก ดำเนินชีวิตใฝ่ต่ำตามธรรมชาติ ไม่มีพระจิตเจ้าเป็นผู้นำ”
และจะมีประกาศกเท็จเทียมที่เกิดขึ้นภายในพระศาสนจักรเอง
ในการประจักษ์ที่อะกิตะ แม่พระทรงบอกกับซิสเตอร์อักเนส ด้วยความเศร้าพระทัยว่า
"ผลงานของปีศาจจะแทรกซึมเข้าไปแม้แต่ในพระศาสนจักรเอง จะได้เห็นพระคาร์ดินัลขัดแย้งกับพระคาร์ดินัล, พระสังฆราชจะขัดแย้งกับพระสังฆราช พระสงฆ์ที่เคารพนับถือแม่จะถูกดูหมิ่นและถูกต่อต้านโดยผู้ใหญ่ของพวกเขา....โบสถ์และพระแท่นจะถูกรื้อทิ้ง พระศาสนจักรจะเต็มไปด้วยคนที่ยอมรับการประนีประนอม และปีศาจจะกดดันให้พระสงฆ์หลายองค์และผู้ถวายตนจำนวนมากให้ละทิ้งการรับใช้พระเจ้า ปีศาจจะมุ่งทำร้ายวิญญาณที่ถวายตนต่อพระเจ้าเป็นพิเศษ” (13 ตุลาคม 1973)
ด้วยเหตุนี้ แม่พระแห่งผลสำเร็จที่ดีจึงได้ตรัสในปี 1611 เกี่ยวกับช่วงเวลาของเราว่า มันจะเป็นช่วงเวลาที่ดูเหมือนจะเป็นชัยชนะของซาตาน เป็นเวลาซึ่งจะนำความทุกข์ทรมานมากมายมาให้กับผู้อภิบาลที่ดีของพระศาสนจักรและของบรรดาผู้ซื่อสัตย์ ดังนั้นผู้สัตย์ซื่อจึงต้อง “ร้องอธิษฐานภาวนาโดยไม่หยุดหย่อน วิงวอนพระบิดาบนสวรรค์ของเรา เพื่อที่พระองค์จะทรงทำให้เวลาแห่งความทุกข์เหล่านั้นสิ้นสุดลง และประทานพระสันตะปาปาแก่พระศาสนจักร ผู้ที่จะฟื้นฟูจิตวิญญาณของพระสงฆ์”
***********************************
“ลูกที่รักทั้งหลาย ท่านมาจากพระเจ้า และชนะประกาศกเท็จเทียมเหล่านั้นแล้ว เพราะพระองค์ผู้สถิตอยู่ในท่าน ทรงยิ่งใหญ่กว่าผู้ที่อยู่ในโลก คือผู้ที่เป็นปฏิปักษ์ต่อพระคริสตเจ้า เขาเหล่านั้นมาจากโลก ดังนั้นจึงพูดตามวิถีโลก และโลกย่อมฟังเขา แต่เรามาจากพระเจ้า ผู้ที่รู้จักพระเจ้าย่อมฟังเรา ส่วนผู้ที่ไม่ได้มาจากพระเจ้าย่อมไม่ฟังเรา เราจึงรู้จักการดลใจที่เป็นความจริงและการดลใจที่เป็นความหลงผิด” (1ยอห์น 4:4-6)
***********************************
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น