วันอาทิตย์ที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2563

ความยำเกรงพระเจ้า

 
 
เมื่อขบวนมาถึงลานนวดข้าวของนาโคน โคที่เทียมเกวียนก็สะดุด อุสซาห์ยื่นมือออกไปดันหีบของพระเจ้าไว้ พระยาห์เวห์ทรงกริ้วอุสซาห์ ทรงฆ่าเขาเพราะความผิด อุสซาห์เสียชีวิตที่นั่นข้างหีบของพระเจ้า ดาวิดเสียพระทัยที่พระยาห์เวห์ทรงลงโทษอุสซาห์ สถานที่นั้นจึงได้ชื่อว่าเปเรศอุสซาห์มาจนทุกวันนี้ วันนั้นกษัตริย์ดาวิดทรงเกรงกลัวพระยาห์เวห์ คิดว่า 'หีบของพระยาห์เวห์มากับข้าพเจ้าได้อย่างไร?'” 2ซามูแอล 6:6-9
 
เรื่องเกี่ยวกับการที่พระยาห์เวห์ทรงลงโทษอุสซาห์เพราะการแตะหีบพันธสัญญา อาจเป็นเรื่องยากที่จะเข้าใจได้ มันดูเป็นการลงโทษที่รุนแรงมาก แต่ให้เราลองพิจารณาไตร่ตรองในเรื่องนี้ให้ดี ก็จะรู้ว่ามีเหตุผลบางอย่างที่ซ่อนอยู่
 
ในหีบพันธสัญญาบรรจุสิ่งศักดิ์สิทธิ์ไว้ 3 อย่างคือ
 
1. แผ่นศิลาที่จารึกพระบัญญัติ 10 ประการ ที่โมเสสรับมาจากพระยาห์เวห์บนภูเขาซีนาย
 
2.มานนาซึ่งเป็นอาหารที่พระยาห์เวห์ทรงประทานแก่ชาวอิสราแอลขณะที่พวกเขาเดินทางอยู่ในทะเลทราย
 
3. ไม้เท้าของอาโรน พี่ชายของโมเสส และเป็นสมณะคนแรกที่พระยาห์เวห์ทรงแต่งตั้ง
 
อุสซาห์ เป็นลูกชายของอาบีนาดับ ก่อนจะเคลื่อนย้ายหีบพันธสัญญานี้ หีบพันธสัญญาอยู่ที่บ้านของอาบีนาดับ อุสซาห์คงจะคุ้นเคยกับหีบพันธสัญญาเป็นอย่างดี ดาวิดรู้อยู่ก่อนแล้วว่าวิธีที่จะเคลื่อนย้ายหีบพันธสัญญาต้องทำอย่างไร เพราะหีบพันธสัญญาเป็นหีบของพระเจ้า ผู้ที่สามารถแตะต้องและเคลื่อนย้ายด้วยการแบกหีบนี้ได้คือพวกเลวีซึ่งเป็นสมณะเท่านั้น และต้องเป็นคนที่มาจากตระกูลเลวีอย่างเฉพาะเจาะจงด้วย นี่เป็นคำแนะนำที่พระเจ้าทรงให้ไว้ แต่เมื่อดาวิดตัดสินใจส่งหีบพันธสัญญาไปยังเยรูซาเล็ม, ดาวิดไม่ได้ทำตามคำแนะนำของพระเจ้า ดาวิดวางหีบไว้บนเกวียนซึ่งอุสซาห์เป็นผู้ขับ เมื่อวัวเริ่มปั่นป่วนอุสซาห์แตะหีบพันธสัญญาเพื่อทำให้นิ่ง และพระเจ้าก็ทรงลงโทษเขาจนถึงแก่ความตาย แล้วความกลัวก็มาเหนือดาวิด
 
เป็นการดีที่เราควรไตร่ตรองถึงที่พระพรของพระจิตประการหนึ่งที่เรียกว่า “ความยำเกรงพระเจ้า” อุสซาห์,อาจเป็นเพราะความคุ้นเคยกับหีบพันธสัญญา,จึงทำให้เขาลืมเรื่องนี้ไป ในปัจจุบันนี้,ดูเหมือนว่ามนุษย์ก็ลืมเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน
 
ดาวิดในฐานะผู้นำ, ท่านไม่เชื่อฟังพระเจ้า เพียงเพื่อต้องการให้งานเสร็จเร็วขึ้น, จึงทำให้อุสซาห์ต้องเสียชีวิต เมื่อผู้นำของเราทำการตัดสินใจในบางเรื่องที่ฝ่าฝืนพระบัญญัติของพระเจ้า เพียงเพื่อต้องการทำให้สิ่งต่างๆง่ายขึ้น ผู้ที่รับทนทุกข์ก็คือบรรดาประชาชน
 
การกระทำของอุสซาห์มีค่าในการพิจารณาไตร่ตรอง เขาพยายามรักษาหีบของพระเจ้าไว้ มีกี่ครั้งที่เราพยายามเล่นบทบาทเป็นพระผู้ช่วยให้รอดโดยที่ไม่ได้เป็นงานของเรา? แต่นี่ไม่ได้หมายความว่าเราจะต้องนิ่งเงียบในความอยุติธรรม แต่มันหมายถึงเราควรแสวงหาการแนะนำจากพระเจ้าเพื่อให้รู้ว่า เราควรจะต้องทำอย่างไรและเมื่อไหร่ แน่นอนว่าพระเจ้าทรงทราบถึงความตั้งใจของอุสซาห์ และเราก็หวังได้ว่าพระองค์ทรงมีพระเมตตาต่อเขาด้วย แต่เราก็พึงตระหนักด้วยว่า เมื่อพระเจ้าทรงบัญชาบางสิ่งซึ่งเป็นผลดีเสมอสำหรับเรา, เราจะต้องทำตามอย่างดีที่สุด ผมคิดว่าการตายของอุสซาห์นั้นเป็นความเมตตาของพระเจ้า, เพราะถ้าสิ่งนี้ไม่เกิดขึ้น, ดาวิดคงจะไม่หยุดและอาจจะหลงทางจากพระบัญชาของพระเจ้ายิ่งขึ้นไปอีก บางครั้งเราเข้าใจผิดเกี่ยวกับคุณงามความดีของพระเจ้า เรามองไม่เห็นว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนี้จะเป็นความดีของพระเจ้าได้อย่างไร ในเหตุการณ์นี้,พระเจ้าทรงมีพระประสงค์ที่จะสั่งสอนเราทุกคนในเรื่อง “ความยำเกรงพระเจ้า”
 
พระเจ้าทรงประสงค์จะตรัสกับเรา ให้เรามีความยำเกรงต่อสิ่งที่พระองค์ทรงประทานแก่เรา นั่นคือ พระบัญญัติสิบประการ , ศีลมหาสนิท และพระศาสนจักร
 
สิ่งศักดิ์สิทธิ์ 3 สิ่งที่อยู่ในหีบพันธสัญญาเป็นเครื่องหมายของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ 3 สิ่งในพระธรรมใหม่
 
1 แผ่นศิลาที่บันทึกพระบัญญัติสิบประการ ก็คือ พระบัญญัติสิบประการที่พระเจ้าทรงประทานไว้นั้นไม่มีวันเปลี่ยนแปลง และเราต้องทำตามตลอดไป
 
2. มานนา อาหารที่พระเจ้าทรงเลี้ยงชาวอิสราแอลขณะที่เดินทางอยู่ในทะเลทราย หมายถึง ศีลมหาสนิท, พระกายและพระโลหิตของพระเยซูเจ้า, ซึ่งพระองค์ประทานเป็นอาหารเลี้ยงวิญญาณของเราขณะที่เรากำลังเดินทางอยู่บนโลกนี้
 
3 ไม้เท้าของอาโรน หมายถึง พระศาสนจักรโรมันคาทอลิกที่สืบเนื่องมาจากนักบุญเปโตร ผู้ที่พระเยซูเจ้าทรงแต่งตั้งให้เป็นผู้นำพระศาสนจักรคนแรก พระเยซูเจ้าทรงตั้งพระศาสนจักรนี้ขึ้นเพื่อคอยดูแลประชากรของพระองค์บนโลกนี้
 
สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้ง 3 อย่างนี้เป็นสิ่งที่เราจะล่วงละเมิดไม่ได้ และโดยอาศัย “ความยำเกรงพระเจ้า” ทำให้เรารักสิ่งที่พระเจ้าทรงประทานให้แก่เรานี้ เพราะเป็นสิ่งที่ช่วยเราให้เป็นหนึ่งเดียวกับพระเจ้า ผู้ที่ยำเกรงพระเจ้าจะมีความเคารพและแสดงความเคารพต่อสิ่งที่มาจากพระเจ้าเหล่านี้ด้วยความจริงใจ
 
อุสซาห์เป็นบทเรียนให้เราสำหรับผู้ที่ไม่ยำเกรงพระเจ้า และไม่แสดงความเคารพต่อพระเจ้า การลงโทษต่อผู้ไม่แสดงความเคารพต่อพระเจ้าและสิ่งที่พระเจ้าทรงประทานให้นั้นก็ร้ายแรงยิ่งนัก มันหมายถึงความตาย เป็นความตายของวิญญาณซึ่งจะสูญเสียไปในนรก แต่ปัจจุบันนี้ดูเหมือนว่าคนส่วนใหญ่จะไม่ตระหนักในเรื่องนี้เลย เพราะความเคยชิน, เพราะความเฉื่อยชาของจิตใจ, เพราะความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ และอื่นๆ ด้วยเหตุนี้เราจึงเห็นว่ามีภัยพิบัติหลายอย่างเกิดขึ้น ไม่ว่า พายุ, น้ำท่วม, แผ่นดินไหว, โรคระบาด, อุบัติเหตุต่างๆ
 
หลายปีที่ผ่านมา ผมเห็นว่ามีการล่วงละเมิดต่อศีลมหาสนิทมากขึ้น เพราะผู้คนมีความคุ้นเคยเกินไป บางคนไปรับศีลลเพราะความเคยชินไม่มีความเคารพ หรือร้ายกว่านั้นคือรับศีลทั้งที่ยังอยู่ในบาปหนัก และพวกเขาก็ไม่รู้สึกว่าตนเองกำลังเหยียบย่ำพระคริสต์อยู่ นี่ไม่ได้เป็นการตัดสิน แต่เป็นการให้ข้อสังเกต  สิ่งที่ผมเห็นอีกอย่างหนึ่งก็คือการเพิกเฉยต่อพระบัญญัติของพระเจ้าและต่อศีลมหาสนิท  เยาวชนคาทอลิกที่เรียนในโรงเรียนคาทอลิก พวกเขาได้รับการสอนคำสอน,ได้ไปโบสถ์ในวันอาทิตย์, ไปแก้บาปและรับศีลมหาสนิทในขณะที่กำลังเรียนอยู่ในโรงเรียนเท่านั้น แต่หลังจากออกจากโรงเรียนเพื่อไปเรียนต่อในมหาวิทยาลัยและออกทำงานแล้ว ส่วนใหญ่ของนักเรียนเหล่านี้,พวกเขาก็จะไม่ไปโบสถ์ไม่แก้บาปและรับศีลอีกต่อไป สภาพเช่นนี้นับว่าเป็นอันตรายต่อวิญญาณของพวกเขามาก เพราะเป็นการเพิกเฉยละเลยต่อพระเจ้า, เป็นการไม่เคารพต่อพระบัญญัติของพระองค์
 
พระคัมภีร์ในวันนี้กล่าวว่า “ข้าแต่พระบิดา....เพื่อให้ทุกคนเป็นหนึ่งเดียวกัน เช่นเดียวกับที่พระองค์ทรงอยู่ในข้าพเจ้า และข้าพเจ้าอยู่ในพระองค์ เพื่อให้เขาทั้งหลายอยู่ในพระองค์และอยู่ในข้าพเจ้า โลกจะได้เชื่อว่า พระองค์ทรงส่งข้าพเจ้ามา พระสิริรุ่งโรจน์ที่พระองค์ทรงประทานแก่ข้าพเจ้านั้น ข้าพเจ้าได้มอบให้กับเขา เพื่อให้เขาเป็นหนึ่งเดียวกัน เช่นเดียวกับที่พระองค์และข้าพเจ้าเป็นหนึ่งเดียวกัน ....” ยอห์น 17: 21-22 เราได้รับเกียรติจากพระเจ้าแล้ว จงอย่ากลัว. จงออกไปและรักด้วยความรักที่แท้จริง เราถูกสร้างขึ้นมาเพื่อช่วงเวลาเหล่านี้ ขอให้สันติสุขของพระเจ้าสถิตย์อยู่กับคุณเสมอ

***********************
 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น