ในพระคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์มีการกล่าวถึงการปรากฏมาของพระจิตเจ้า 3 ครั้ง ได้แก่
1.พระจิตทรงปรากฏมาเป็นรูปนกพิราบในเวลาที่พระเยซูเจ้าทรงรับศีลล้างจากนักบุญยอห์น บัพติสมา(ลูกา 3:22)
2.พระเยซูเจ้าทรงเป่าลมเหนือบรรดาอัครสาวกและตรัสว่า “จงรับพระจิตเจ้าเถิด” พระจิตเจ้าทรงเป็นเหมือนลม (ยอห์น 20: 22)
3.และท้ายที่สุดพระจิตเจ้าเสด็จมาในเวลาที่บรรดาอัครสาวกและศิษย์ประชุมกันอยู่ในห้องชั้นบน พระจิตเสด็จมาเป็นเปลวไฟมีลักษณะเหมือนลิ้น (กิจการ 2: 3)
ในครั้งสุดท้ายนี้ พระจิตเสด็จเป็นเปลวไฟมีลักษณะเหมือนลิ้น เป็นการบ่งบอกบางสิ่งแก่เรา เปลวไฟให้ความอบอุ่น, ให้แสงสว่าง, ช่วยชะล้างให้สะอาด, และให้พลังงาน คุณสมบัติของไฟเหล่านี้บอกกับเราถึงการทำงานของพระจิตเจ้า
นักบุญเปาโลกล่าวในจดหมายถึงชาวโรมว่า
"ส่วนท่านทั้งหลาย ท่านไม่ได้ดำเนินชีวิตตามธรรมชาติ แต่ดำเนินชีวิตตามพระจิตเจ้า เพราะพระจิตของพระเจ้าสถิตอยู่ในตัวท่าน ถ้าผู้ใดไม่มีพระจิตของพระคริสตเจ้าผู้นั้นก็ไม่เป็นของพระองค์ ถ้าพระคริสตเจ้าสถิตอยู่ในท่านแล้ว แม้ร่างกายของท่านตายเพราะบาป จิตของท่านก็มีชีวิตเพราะความชอบธรรม และถ้าพระจิตของพระผู้ทรงบันดาลให้พระเยซูเจ้ากลับคืนพระชนม์ชีพจากบรรดาผู้ตายนั้นสถิตในท่าน พระผู้ทรงบันดาลให้พระคริสตเยซูทรงกลับคืนพระชนม์ชีพจากบรรดาผู้ตายก็จะทรงบันดาลให้ร่างกายที่ตายได้ของท่านกลับมีชีวิต เดชะพระจิตของพระองค์ ซึ่งสถิตในท่านด้วย” (โรม 8: 9-11)
พระจิตทรงประทานชีวิตให้กลับคืนมาเหมือนไฟที่คืนความสดชื่นและความแข็งแรงให้กับผู้ที่อยู่ในความหนาวเย็น แต่ไฟไม่เพียงแต่ให้ความอบอุ่นขึ้นเท่านั้น ไฟยังให้ความสว่างอีกด้วย
พลังของไฟที่ลุกโชนส่องแสงสว่างในความมืดของเวลากลางคืน ทำให้ผู้คนเห็นหนทางที่ต้องการจะไป คนโบราณใช้ไฟในการส่งสัญญาณ ใช้ไฟในการสู้รบทำสงครามหรือแจ้งข่าวสารแห่งชัยชนะ พระจิตทรงผลักดันเราให้ลงมือปฏิบัติและทำให้เรามีความสุขความยินดีในการทำงานของพระเจ้า
ในพันธสัญญาเดิมเสาไฟได้นำชาวอิสราเอลออกจากอียิปต์ในเวลากลางคืน พระคัมภีร์อพยพเขียนว่า
ในเวลากลางวัน พระยาห์เวห์เสด็จนำหน้าพวกเขาเหมือนเสาเมฆเพื่อชี้ทาง และในเวลากลางคืนก็เสด็จนำหน้าเขาเหมือนเสาเพลิงเพื่อส่องสว่าง ดังนี้ พวกเขาจึงเดินทางได้ทั้งกลางวันและกลางคืน เสาเมฆนั้นนำหน้าประชากรอยู่เสมอตลอดเวลากลางวัน ส่วนเสาเพลิงนั้นอยู่ข้างหน้าเขาในเวลากลางคืน (อพยพ 13: 21-22)
เสาเพลิงทำให้ชาวอิสราแอลมีความมั่นใจในการสถิตอยู่ขององค์พระผู้เป็นเจ้าโดยการชี้ทางและนำหน้าพวกเขา
มนุษย์ถูกสร้างขึ้นตามภาพลักษณ์ของพระเจ้า และเราจะไม่มีวันมีความสุขจนกระทั่งถึงวันนั้นเมื่อเราสามารถปีติยินดีในการได้อยู่กับพระเจ้าตลอดนิรันดร แต่ก่อนจะถึงวันนั้น, เราจะต้องได้รับการชำระให้สะอาดบริสุทธิ์อย่างต่อเนื่อง เพื่อทำให้จิตใจของเราพร้อมที่จะรับพระพรของพระผู้เป็นเจ้า
ไฟป่าได้ทำความสะอาดแก่อาณาบริเวณพื้นที่ทั้งหมดและฟื้นฟูภูมิทัศน์ของป่าอย่างรวดเร็ว ไฟป่ากวาดล้างเศษซากที่สะสมไว้ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ไฟจะคืนความสงบเรียบร้อยและเตรียมความพร้อมสำหรับการเจริญเติบโตใหม่ของพืชพันธ์ต่างๆ
พระจิตเจ้าก็เช่นเดียวกัน พระองค์ทรงเป็นไฟที่ร้อนแรง พระองค์ทรงชำระจิตใจของเราจากซากศพของบาปที่เราสร้างขึ้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา การกำจัดอุปสรรคเหล่านั้นทั้งหมดที่ขวางกั้นความสัมพันธ์ของเรากับพระเจ้า พระจิตเจ้าทรงเตรียมความพร้อมแก่เราเพื่อที่เราจะสามารถรับพระพรที่พระองค์จะทรงประทานให้ เมื่อนั้นเราจึงพร้อมที่จะเติบโตและก้าวหน้าในชีวิตฝ่ายจิตวิญญาณ และเมื่อนั้นเราก็พร้อมที่จะส่งต่อเปลวไฟนี้ไปให้แก่บุคคลอื่นที่อยู่รอบข้างเรา
เราเคยเห็นไฟป่าซึ่งไหม้ป่ากินอาณาบริเวณเป็นร้อยเป็นพันไร่ มันเริ่มต้นจากสะเก็ดไฟเล็กๆเท่านั้น ซึ่งอาจมาจากก้นบุหรี่ที่มีคนสูบและทิ้งไปโดยไม่ใส่ใจ หรืออาจเกิดจากความร้อนที่สั่งสมอยู่ข้างใต้กองไม้ในช่วงฤดูร้อนจัด เมื่อไฟลุกโหมไหม้แล้ว มันก็จะลามไปอย่างรวดเร็วและหยุดไม่ได้ พระจิตเจ้าทรงเป็นสะเก็ดไฟเล็กๆที่ลุกร้อนอยู่ในตัวของเรา ซึ่งจะเริ่มแผ่ขยายกระจายไปรอบๆอย่างรวดเร็วยังคนอื่นๆที่อยู่รอบข้างเรา เมื่อเรามีพระจิตเจ้าอยู่ในตัวเรา เราไม่สามารถอยู่นิ่งเฉยได้เพราะความเร่าร้อนนั้นสั่งสมอยู่ภายในจิตใจ และปรารถนาที่จะแผ่กระจายออกไปโดยรอบ
เป็นสิ่งที่น่าสังเกตสำหรับพระศาสนจักรในประเทศไทย อดีตที่ผ่านมาหลายร้อยปี, บรรดามิชชันนารีได้เข้ามาเผยแพร่ความเชื่อในพระคริสตเยซูตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาด้วยจิตใจที่ร้อนรน ท่านยอมสละชีวิตทั้งหมดของท่านเพื่อพระคริสต์ จนกระทั่งคริสตศาสนาได้ตั้งมั่นอยู่ในประเทศไทยจนทุกวันนี้ และมีคริสตชนจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แต่ดูเหมือนว่าในช่วง 50-60 ปีที่ผ่านมาจนถึงทุกวันนี้, จำนวนคริสตชนจะยังคงอยู่เท่าเดิมไม่ได้เพิ่มขึ้นเลย สาเหตุเป็นเพราะอะไร? นี่แสดงว่า พระจิตเจ้ายังไม่อยู่ในตัวของพวกเราส่วนใหญ่ใช่ไหม? เรายังไม่ได้รับพระจิตเจ้า หรืออาจได้รับแล้วแต่ไม่สนใจและทำให้ไฟของพระจิตดับลงไปในตัวของเรา, ใช่ไหม?
ในวันสมโภชพระจิตของปีนี้ ขอให้ไฟของพระจิตได้ชะล้างทำความสะอาดจิตใจของเรา และเตรียมความพร้อมเรา ทำให้เรามีความเข้มแข็งเต็มไปด้วยพระพรของพระจิต และแล้วเราจะได้ส่งต่อเปลวไฟของพระจิตไปยังผู้คนอื่นๆรอบข้างเรา
เชิญเสด็จมา ข้าแต่พระจิตเจ้า
เชิญเสด็จมาสถิตในดวงใจสัตบุรุษ
และทรงบันดาลให้ลุกร้อนด้วยความรักของพระองค์
โปรดประทานพระจิตของพระองค์ และสรรพสิ่งจะอุบัติขึ้นมา
แล้วพระองค์จะทรงเนรมิตแผ่นดินขึ้นใหม่
ข้าแต่พระเจ้า พระองค์ทรงสอนใจสัตบุรุษด้วยการส่องสว่างของพระจิต
โปรดให้ข้าพเจ้าทั้งหลายซาบซึ้งในความเที่ยงธรรมโดยพระจิตนั้น
และโปรดให้ได้รับความบรรเทาจากพระองค์ท่านเสมอ
เดชะพระคริสตเจ้าองค์พระผู้เป็นเจ้า ของข้าพเจ้าทั้งหลาย
อาแมน
*******************
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น