วันอังคารที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2563

ผู้รับใช้ของพระเจ้าทาเคชิ นากาอิ

ชายผู้รอดชีวิตจากระเบิดปรมาณูที่นางาซากิ!!!
 
จากความรุนแรงที่ทำลายล้างผู้คนจำนวนมากด้วยระเบิดปรมาณู ชายผู้หนึ่งได้รอดชีวิตจากการสูญเสียครั้งนั้นเขาคือ ทาเคชิ นากาอิ แพทย์ชาวญี่ปุ่นที่ต่อมาถือเป็นผู้ที่มีชีวิตฝ่ายจิตซึ่งน่าสนใจคนหนึ่ง
 
ทาเคชิ นากาอิ เกิดเมื่อ 3 กุมภาพันธ์ 1908, ที่เมืองมัตสึเอะ – เสียชีวิตเมื่อ 1 พฤษภาคม 1951, ที่เมือง นางาซากิ ทาคาชิ (หมายถึง "ขุนนาง") ครอบครัวของเขามีการศึกษาสูง Noboru Nagai พ่อของเขาได้รับการฝึกฝนด้านการแพทย์ตะวันตก ปู่ของเขา, ฟูมิตะกะ นากาอิ เป็นแพทย์แผนโบราณ และแม่ของเขา, สึเนะ เป็นทายาทของตระกูลเก่าแก่ของซามูไร
 
นากาอิเติบโตในเขตชนบทของมิโตยะและเติบโตตามคำสอนของขงจื้อและศาสนาชินโต ในปี 1920 เขาเริ่มการศึกษาระดับมัธยมศึกษาที่โรงเรียนมัธยมมัตสึเอะที่บ้านของลูกพี่ลูกน้องของเขา เขาเริ่มให้ความสนใจมากขึ้นกับความไม่เชื่อเรื่องพระเจ้าของคนโดยรอบ แต่เริ่มมีความอยากรู้เกี่ยวกับศาสนาคริสต์ขึ้นมาบ้าง
 
ด้วยการศึกษาซึ่งมุ่งเน้นไปในเรื่องของวิทยาศาสตร์ ทำให้นากาอิยึดมั่นในแนวทางที่ไม่นับถือศาสนาอื่นใดเว้นแต่วิถีแห่งวิทยาศาสตร์ แต่เมื่อเข้าสู่การเป็นนักศึกษาแพทย์ปี 3 เขาต้องรีบกลับบ้านเกิดเพราะมารดาเสียชีวิตจากอาการตกเลือดในสมอง ในขณะที่กำลังจ้องดวงตาที่ปราศจากชีวิตคู่นั้นของมารดา เขาสัมผัสกับบางสิ่งที่ดูเหมือนจะถูกเรียกว่า จิตวิญญาณ เขาทบทวนถึงสิ่งที่เขายึดมั่นเป็นความเชื่อมาตลอด เขาไตร่ตรองงานของ Blaise Pascal ,นักปรัชญาและนักวิทยาศาสตร์ เขาเริ่มอ่านงานเขียน Pensées ของปาสกาลซึ่งมีอิทธิพลต่อการเปลี่ยนมานับถือศาสนาคริสต์ และสุดท้ายด้วยความช่วยเหลือของครอบครัวโมริยามะ, ครอบครัวคาทอลิกเก่าแก่ที่มีบรรพบุรุษเป็นมรณสักขีจำนวนมาก เขาได้พบกับประสบการณ์ทางความเชื่ออย่างลึกซึ้งและรับศีลล้างบาปในปี 1934 ผลคือถูกตัดขาดจากบิดาของตนเอง และต่อมาเขาได้แต่งงานกับผู้หญิงชื่อว่า มิโดริ ซึ่งเป็นคาทอลิกใจศรัทธา โดยมีลูกด้วยกันสี่คน(เสียชีวิตไปก่อนสองคน)
 
ทาคาชิได้รับศีลกำลังในเดือนธันวาคม 2477 มิโดริเป็นประธานสมาคมสตรีแห่งเขตอุระมิ ทาคาชิกลายเป็นสมาชิกของสมาคมเซนต์วินเซนต์เดอปอล (SSVDP) เขาปฏิบัติตามจิตตารมณ์ของผู้ก่อตั้งFrédéric Ozanam ด้วยการไปเยี่ยมผู้ป่วยและคนยากจนที่เขาให้ความช่วยเหลือ เขาปลอบประโลมใจและแจกอาหารให้คนยากจน จากปี 1931 ถึง 1936 คุณพ่อแมกซิมิเลียน โกลเบ ได้มาอาศัยอยู่ในย่านชานเมืองของนางาซากิ ท่านได้ก่อตั้งอารามขึ้นที่นั่นชื่ออาราม Honkawachi Kolbe ทาคาชิได้พบกับคุณพ่อกอลเบหลายครั้ง
 
ในวันที่ 9 สิงหาคม 1945 เวลา 11 โมงเช้า ขณะกำลังดูแลแผนกรังสีของโรงพยาบาลนางาซากิ ระเบิดปรมาณูถูกทิ้งลงมาและทำลายทุกอย่างให้หายไปในพริบตา ผู้คนกว่า 70,000 คนเสียชีวิตทันที แต่นั่นไม่ใช่นายแพทย์นากาอิ เขารีบรุดออกไปช่วยเหลือผู้ป่วยอย่างเต็มที่ กระทั่งอีกสองวันต่อมาจึงจะสามารถกลับไปดูภรรยาของตนที่บ้านในเขตอูรากามิ และที่นั่นเขาได้พบเพียงซากกระดูกที่ถูกแผดเผาจากความร้อนรุนแรงของระเบิด แต่ในมือของเธอกำสายประคำไว้แน่น!!!! สิ่งเดียวที่เขากล่าวออกมาได้ในเวลานั้นคือ “พระเป็นเจ้าผู้เป็นที่รักของผม ขอบคุณพระองค์สำหรับการตายในขณะที่เธอกำลังภาวนา พระมารดามหาทุกข์ ขอบคุณพระแม่ที่อยู่เคียงข้างกับมิโดริในยามที่เธอสิ้นใจ โอ้ พระเยซู พระผู้ไถ่ของเรา พระองค์ทรงหลั่งพระโลหิตและแบกกางเขนเพื่อการสิ้นพระชนม์ของพระองค์ ในเวลานี้พระองค์ทรงฉายแสงแห่งสันติลงมายังความทุกข์ทรมานของผมและสู่การตายของมิโดริ” และกล่าวกับภรรยาของตน พร้อมกับรวมรวมกระดูกของเธอใส่ตะกร้าเพื่อนำไปฝัง ว่า “ผมขอโทษ ผมขอโทษที่ไม่สามารถอยู่เคียงข้างคุณได้ในเวลาที่คุณจากโลกนี้ไป” เพราะเขารู้สึกติดค้างภรรยาที่ในเช้าวันเกิดเหตุ เธอได้เดินทางไปยังอารามคณะฟรังซิสกันเพื่อสวดภาวนาให้กับเขาและลูก หลังจากกลับมาถึงบ้านเธอก็ต้องมาจบชีวิตลงอย่างโดดเดี่ยว เขาจึงรู้สึกติดค้างเธอมากมาย
 
ต่อมา ภายหลังจากไปรับลูกทั้งสองจากที่หลบภัย เขากลับต้องอยู่ในสภาพที่ย่ำแย่เนื่องจากผลของรังสีปรมาณู แม้กระนั้นเขาก็ยังเตรียมตัวตายอย่างดีโดยแก้บาปรับศีล ในขณะที่อยู่ในโคม่าขณะที่อยู่ที่ Honkawachi Kolbe อารามที่คุณพ่อกอลเบก่อตั้งขึ้น, เขาได้ดื่มน้ำจากลูรดส์และเขาได้ยินเสียงหนึ่งบอกให้สวดขอความช่วยเหลือจากคุณพ่อมักซีมิเลียน กอลเบ พระสงฆ์ฟรังซิสกันที่เขารู้จักมักคุ้นกันดี เพราะท่านได้เดินทางมาบุกเบิกอารามฟรังซิสกันในนางาซากิ และนั่นคือสถานที่ซึ่งภรรยาของเขาเดินทางไปภาวนาในวันที่เธอเสียชีวิต เขาอาจจะยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตอนนั้น คุณพ่อกอลเบได้เป็นมรณสักขีไปแล้ว จากการที่เอาตัวเองไปแลกเปลี่ยนกับนักโทษซึ่งจะโดนฆ่าตายที่ค่ายกักกันเอาช์วิทซ์ในปี 1941 อย่างไรก็ตาม ภายหลังจากภาวนาถึงคุณพ่อ ปรากฏว่าเขาพ้นขีดอันตราย แม้ว่าจะอยู่ในสภาพพิการก็ตาม แต่คุณหมอได้เริ่มสิ่งใหม่นั่นคือการพูด เขาพูดในที่สาธารณะ เริ่มจากมิสซาแรกที่จัดขึ้นบนซากปรักหักพังของอาสนวิหารนางาซากิ เขาพูดให้กำลัง ให้ความหวังกับเพื่อนร่วมชาติที่กำลังอยู่ในภาวะสูญเสีย ท้อแท้และทุกข์ยาก รวมถึงได้เขียนหนังสือ 20 เล่มระหว่างปี 1945 ถึงปี 1951
 
ในวันที่ 1 พฤษภาคม 1951 ทาเคชิ นากาอิ, วัย43 ปีซึ่งป่วยเป็นลูคีเมีย กำลังนอนจ้องรูปปั้นแม่พระแจกจ่ายพระหรรษทานไม่วางตา กระทั่งช่วงสามทุ่มหลังจากได้สติเขาได้พูดออกมาว่า “เยซู มารีอา ยอแซฟ ข้าพเจ้าขอฝากวิญญาณไว้ในอ้อมหัตถ์ของพวกท่าน” จากนั้นจึงฉวยไม้กางเขนจากมือของมาโกโตบุตรชายไปถือไว้ และเพียงระยะสั้นๆนั้น คุณหมอทาเคชิ นากาอิเอ่ยเพียงว่า “ได้โปรดภาวนา” แล้วก็สิ้นใจ ในพิธีมิสซางานศพของคุณหมอ มีผู้คนมาร่วมกว่า 20,000 คน ทุกคนสงบนิ่ง ไว้อาลัยแด่ผู้ที่เคยใช้ความทุกข์ยากของตนเองเป็นกำลังให้เพื่อนมนุษย์ลุกขึ้นสู้กับความยากลำบากระยะสั้นๆบนโลกนี้ เพียงเพราะทุกคนควรจะมี “ความหวัง รอยยิ้ม และสันติ”
 
ปัจจุบัน พระศาสนจักรคาทอลิกแห่งญี่ปุ่นกำลังดำเนินเรื่องให้คุณหมอนากาอิเป็นบุญราศี แต่สำหรับชาวนางาซากิ เขาคนนี้เป็นที่รู้จักในนาม “นักบุญแห่งอูรากามิ”

***********************************
 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น