วันอาทิตย์ที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2563

เราจะมีความสุขขณะที่คนอื่นมีความทุกข์ได้หรือ?



ลูกา 16:19-31
 
‘เศรษฐีผู้หนึ่ง แต่งกายหรูหราด้วยเสื้อผ้าเนื้อดีราคาแพง จัดงานเลี้ยงใหญ่ทุกวัน คนยากจนผู้หนึ่งชื่อลาซารัส นอนอยู่ที่ประตูบ้านของเศรษฐีผู้นั้น เขามีบาดแผลเต็มตัว อยากจะกินเศษอาหารที่ตกจากโต๊ะของเศรษฐี มีแต่สุนัขมาเลียแผลของเขา วันหนึ่ง คนยากจนผู้นี้ตาย ทูตสวรรค์นำเขาไปอยู่ในอ้อมอกของอับราฮัม เศรษฐีคนนั้นก็ตายเช่นเดียวกัน และถูกฝังไว้ ‘เศรษฐีซึ่งกำลังถูกทรมานอยู่ในแดนผู้ตาย แหงนหน้าขึ้น มองเห็นอับราฮัมแต่ไกล และเห็นลาซารัสอยู่ในอ้อมอก จึงร้องตะโกนว่า “ท่านพ่ออับราฮัม จงสงสารลูกด้วย กรุณาส่งลาซารัสให้ใช้ปลายนิ้วจุ่มน้ำมาแตะลิ้นให้ลูกสดชื่นขึ้นบ้าง เพราะลูกกำลังทุกข์ทรมานอย่างสาหัสในเปลวไฟนี้” แต่อับราฮัมตอบว่า “ลูกเอ๋ย จงจำไว้ว่า เมื่อยังมีชีวิต ลูกได้รับแต่สิ่งดี ๆ ส่วนลาซารัสได้รับแต่สิ่งเลว ๆ บัดนี้เขาได้รับการบรรเทาใจที่นี่ ส่วนลูกต้องรับทรมาน ยิ่งกว่านั้น ยังมีเหวใหญ่ขวางอยู่ระหว่างเราทั้งสอง จนใครที่ต้องการจะข้ามจากที่นี่ไปหาลูก ก็ข้ามไปไม่ได้ และผู้ที่ต้องการจะข้ามจากด้านโน้นมาหาเรา ก็ข้ามมาไม่ได้ด้วย” ‘เศรษฐีจึงพูดว่า “ท่านพ่อ ลูกอ้อนวอนให้ท่านส่งลาซารัสไปยังบ้านบิดาของลูก เพราะลูกยังมีพี่น้องอีกห้าคน ขอให้ลาซารัสเตือนเขาอย่าให้มายังสถานที่ทรมานแห่งนี้เลย” อับราฮัมตอบว่า “พี่น้องของลูกมีโมเสสและบรรดาประกาศกอยู่แล้ว ให้เขาเชื่อฟังท่านเหล่านั้นเถิด” แต่เศรษฐีพูดว่า “มิใช่เช่นนั้น ท่านพ่ออับราฮัม ถ้าใครคนหนึ่งจากบรรดาผู้ตายไปหาเขา เขาจึงจะกลับใจ” อับราฮัมตอบว่า “ถ้าเขาไม่เชื่อฟังโมเสสและบรรดาประกาศก แม้ใครที่กลับคืนชีวิตจากบรรดาผู้ตายเตือนเขา เขาก็จะไม่เชื่อ”
 
---------------
 
พระจิตของพระเจ้าตรัสว่า “เจ้าคนชั่ว เจ้าอยู่เป็นสุขได้อย่างไร ขณะที่พี่น้องเพื่อนมนุษย์ของเจ้ามีความทุกข์ร้อน? เราขอบอกกับเจ้าว่า ถึงแม้ภายนอกเจ้าจะดูมีความสุขสนุกสนาน แต่ภายในของเจ้าจะมีแต่ความว่างเปล่า สิ่งที่เจ้ามีจะไม่ทำให้เจ้าอิ่มและเพียงพอ จิตใจของเจ้าจะมีความปรารถนาและกระวนกระวายไม่สิ้นสุด และเราเองก็จะลงโทษเจ้าด้วย เพราะเจ้าเป็นสุขขณะที่ผู้อื่นมีความทุกข์และเจ้าไม่ช่วยเหลือ”
 
บรรดาประกาศกได้มาประกาศความจริงของพระเจ้าว่าพระเจ้าทรงรักมนุษย์ทุกคนมากยิ่งนัก แต่เจ้ายังทนดูผู้อื่นเจ็บปวด ทรมาน โศกเศร้า หรือขัดสนได้โดยไม่รู้สึกและไม่ทำอะไร ก็แสดงว่าจิตใจของเจ้าเปลี่ยนแปลงไม่ได้แล้ว
 
ไม่มีใครช่วยเจ้าได้อีกแล้ว ต่อให้มีคนที่ฟื้นขึ้นมาจากความตายมาเตือนเจ้าก็ตาม !!
 
นอกจากบรรดาประกาศกแล้ว ยังมีพระเยซูเจ้าผู้ทรงเป็น “หนทาง ความจริง และชีวิต” (ยน 14:5) ได้เสด็จมาตอกย้ำความจริงด้วยชีวิตของพระองค์เองว่า “พระเจ้าทรงรักมนุษย์มากยิ่งนัก”........
 
ในสวรรค์, ผู้ที่ได้รับความทุกข์บนโลกจะได้รับการชดเชย พระเจ้าตรัสว่า “เราจะเช็ดน้ำตาทุกหยดจากนัยน์ตาของเขา” พระเจ้าทรงพระทัยดีมีเมตตาต่อผู้ได้รับความทุกข์มาก  เพราะเขาเป็นเหมือนพระเยซูเจ้า, ผู้ทรงมายอมรับความทุกข์ทรมานเพื่อมนุษย์ทั้งหลาย

 
ความสุขของบางคนอาจเป็นความเจ็บปวดของคนอื่น, ดังนั้นเราควรทำอย่างไร?
 
เรามีสิทธิที่จะมีความสุขไหม? เราสามารถแสดงความสุขของเราออกมาเมื่อคนอื่นกำลังทุกข์ทรมานหรือไม่? คริสตชนที่รักพระเยซูเจ้าเป็นผู้ที่มีความสุข และเขาแสดงออกว่ามีความสุขเสมอ! อย่างไรก็ตามเราไม่ควรพูดหรือแสดงออกถึงความสุขของเราเพื่อแสดงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันกับผู้ที่ทุกข์ทรมาน?
 
หญิงสาวคนหนึ่งชื่อแคลร์ประสบภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกเช่นนี้ เมื่อลูกสาววัย 19 ปีของเพื่อนของเธอเสียชีวิต เธอบอกว่า “ฉันรู้สึกแย่มาก ฉันรู้สึกเหมือนอาศัยอยู่ในโลกคู่ขนานสองแห่ง: แห่งหนึ่งทุกอย่างเป็นไปด้วยดีและอีกแห่งหนึ่งเต็มไปด้วยโศกนาฏกรรม ฉันหยุดคิดเรื่องนี้ไม่ได้ ฉันรู้สึกอ่อนแรงและคิดว่าครอบครัวของฉันหยาบคายและเห็นแก่ตัว มันยากมากที่จะรู้ว่าต้องทำอย่างไรเมื่อมีสิ่งที่ทุกข์ทรมานเกิดขึ้นกับเพื่อนของเราหรือพี่น้องของเรา”
 
“ความสุขที่แท้จริงคือความสุขที่พระเจ้าทรงมอบให้เรา เป็นความสุขที่เกินคำบรรยาย เป็นความสุขที่แท้จริงของมนุษย์และเปลี่ยนความเจ็บปวดของเรา"
 
เราต้องให้ความเคารพต่อความเจ็บปวดและความทุกข์ของผู้อื่นและควรร่วมทุกข์ไปกับพวกเขาด้วย เพราะเราไม่อาจมีความสุขได้ในเมื่อผู้อื่นกำลังมีความทุกข์ มิฉะนั้น, แสดงว่าเราไม่ถือว่าเขาเป็นญาติพี่น้องหรือเพื่อนมนุษย์ของเรา
 
พระเจ้าไม่ทรงทอดทิ้งผู้ที่มีความทุกข์ พระองค์ทรงส่งความรักของพระองค์โดยอาศัยผู้ที่มีจิตใจเมตตา พระองค์ทรงวางใจในเราให้เป็นผู้กระจายความสุขและสันติภาพ มันขึ้นอยู่กับเราแต่ละคนที่จะกระทำ ด้วยการออกไปพบปะกับผู้อื่น, ผู้ซึ่งประสบความทุกข์และช่วยเหลือพวกเขาเหล่านั้นตามโอกาสและความสามารถของเรา  ขอให้เราช่วยเหลือเท่าที่ทำได้แม้ว่าสิ่งที่เราทำให้กับผู้อื่นอาจเป็นเพียงสิ่งเล็กน้อยไม่ใหญ่โตและไม่ทำให้เขาพ้นจากความทุกข์ของเขา  หรือถ้าหากเราไม่สามารถช่วยเหลืออะไรได้เลย  อย่างน้อย, ก็ให้เราสวดภาวนาเพื่อผู้ที่ประสบความทุกข์เหล่านั้น 
 
คุณแม่เทเรซาแห่งกัลกัตตากล่าวไว้ว่า “บางครั้งเรารู้สึกว่าสิ่งที่เราทำเป็นเพียงแค่หยดน้ำเล็กๆในมหาสมุทร แต่น้ำในมหาสมุทรก็คงจะน้อยลงถ้าหากขาดหยดน้ำเล็กๆนี้”




 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น