วันอังคารที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2563

มาเรียนโตเนีย ซามา



บางคนคิดว่าเธอถูกผีสิง แต่นักบุญบรูโนได้ช่วยดูแลเธอ เธอเสียชีวิตในปี 1953
 
มาเรียนโตเนีย ซามา(Mariantonia Sama) เกิดเมื่อวันที่ 2 มี.ค. 1875 ในเมือง Catanzaro ทางตะวันออกเฉียงใต้ของอิตาลี บิดาของเธอเสียชีวิตไปไม่กี่เดือนก่อนเธอเกิด มารดาจึงเป็นผู้เลี้ยงดูเธอเพียงผู้เดียว ทั้งๆที่ยากจน อาศัยอยู่ในบ้านเล็กๆที่ตั้งอยู่บนถนนแคบๆ บ้านอื่นๆที่อยู่รอบๆเป็นบ้านที่ใหญ่กว่าทั้งนั้น ทำให้บ้านเล็กๆนี้ไม่ได้รับแสงแดดอันบริสุทธิ์ มาเรียนโตเนียได้รับศีลล้างบาปวันที่ 3 มี.ค. , ได้รับศีลมหาสนิทครั้งแรกและศีลกำลังในปี 1882
 
ด้วยเหตุนี้ มาเรียนโตเนียและแม่ของเธอจึงใกล้ชิดกันมาก แม่ของมาเรียนโตเนียไม่รู้หนังสือ,ดังนั้นมาเรียนโตเนียจึงไม่รู้หนังสือด้วย ทั้งสองจะใช้ล่อที่ยืมมาบรรทุกข้าวเปลือกแล้วนำไปที่โรงสี พวกเขาจะนำข้าวเปลือกไปแลกเปลี่ยนกับแป้งและนำกลับไปยังตัวเมือง แป้งก็จะนำไปแลกกับขนมปังและอาหารอื่นๆ
 
ในช่วงปี 1886 มาเรียนโตเนียและแม่ของเธอและญาติบางคนเดินไปที่แม่น้ำ Saturo เพื่อซักเสื้อผ้า มีโรงสีอยู่ริมตลิ่งซึ่งมีระหัดวิดน้ำทำให้เกิดน้ำไหลเหมาะในการซักผ้า ระหว่างทาง, มาเรียนโตเนียรู้สึกกระหายน้ำมาก เธอหยุดอยู่ที่แอ่งน้ำขนาดใหญ่แล้วก้มตัวลงและดื่มน้ำจากแอ่งน้ำ น้ำดูเหมือนจะสะอาด, แต่โชคร้ายที่มันปนเปื้อนสิ่งสกปรก
 
เมื่อมาเรียนโตเนียและแม่ของเธอกลับมาถึงบ้าน เด็กน้อยก็ม้วนตัว, กรีดร้องด้วยความเจ็บปวด พฤติกรรมที่อธิบายไม่ได้และน่าตกใจของเธอดำเนินต่อไปนานกว่าหนึ่งเดือน และในช่วงเวลานี้, ร่างกายของเธอสั่นเทามาก, เธอจะส่งเสียงพูดพล่ามอย่างไม่มีเหตุผล ผู้คนเริ่มพูดกันว่าเด็กหญิงคนนี้ถูกผีสิง พฤติกรรมของเธอเปลี่ยนจากเชื่องซึมเป็นรุนแรง และสถานการณ์นี้ดำเนินต่อไปเป็นเวลาแปดปี แพทย์บางคนคิดว่าเป็นเพราะระบบประสาท แพทย์อีกคนคิดว่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับอารมณ์, และอื่นๆ เช่นมีกาซในระบบทางเดินอาหาร หลายคนคิดว่าถึงเวลาที่จะต้องมอบเด็กหญิงให้กับพระเจ้าแล้ว
 
ในปี 1894 เมื่อมาเรียนโตเนียอายุ 20 ปี ท่านหญิงบารอนเนส เอนริเชตต้า สคอปป้า (Baroness Enrichetta Scoppa) ได้เข้ามาแทรกแซงเพื่อพยายามช่วยเหลือมาเรียนโตเนียและแม่ของเธอ ท่านหญิงนำทั้งสองเดินทางไปยังวัด Carthusian ของเมือง San Bruno ที่ซึ่งพระสงฆ์จะสวดภาวนาให้เธอและทำพิธีขับไล่ผี มาเรียนโตเนียต้องอยู่ในกล่องเป็นเวลาแปดชั่วโมงเพื่อไปที่คอนแวนต์
 
เมื่อเข้าไปในคอนแวนต์, เขานำรูปปั้นสีเงินของนักบุญบรูโน, ถือกะโหลกศีรษะและกระดูกของนักบุญมาอยู่ต่อหน้ามาเรียนโตเนีย
 
มาเรียนโตเนียบอกพวกเขาว่ารูปปั้นครึ่งตัวของนักบุญบรูโนยิ้มให้เธอ เธอดูเหมือนจะรู้สึกดีขึ้นมากและสามารถลุกขึ้นได้ การฟื้นตัวของเธอเป็นผลมาจากการแทรกแซงช่วยเหลือของนักบุญบรูโน, ผู้ก่อตั้งคณะคาร์ทูเซียน(Carthusians) เธอถูกพาตัวกลับบ้านและดูเหมือนจะดีขึ้นในช่วงเวลาสั้นๆ แต่ไม่นานเธอก็ล้มป่วยอีกครั้ง, คราวนี้ขาของเธอหงิกงอตั้งแต่เข่าอันเนื่องจากโรคไขข้อ ทำให้ขาของเธอพิการ ขาของเธออยู่ในสภาพเช่นนั้นเป็นเวลานานถึง 57 ปี และต้องนอนอยู่บนเตียงตลอดเวลา สภาพขาที่งอของทำให้เธอดูเหมือนกับขาของพระเยซูขณะที่ถูกตรึงอยู่บนไม้กางเขน
 
ผู้คนเริ่มมาเยี่ยมมาเรียนโตเนียเพื่อขอคำแนะนำ, เพื่อให้ได้รับพระหรรษทาน, เพื่อให้ได้รับพรทางด้านจิตวิญญาณ, และแม้แต่ให้ได้รับอัศจรรย์ ท่านหญิงบารอนเนส สคอปป้าอนุญาตให้ซิสเตอร์คณะ Sisters of the Sacred Hear มาตั้งอารามอยู่ในที่ว่างของปราสาท และพวกเขาให้เกียรติมาเรียนโตเนียโดยเรียกเธอว่า”ซิสเตอร์” , พวกเขาสวมผ้าคลุมศีรษะสีดำของซิสเตอร์ให้เธอด้วย มาเรียนโตเนียเริ่มเป็นที่รู้จักในนาม “แม่ชีแห่งซานบรูโน” ทั้งๆที่เธอไม่ได้เป็นแม่ชีเลย อย่างไรก็ตาม, ครั้งหนึ่งเธอเคยปฏิญานตนเป็นแม่ชีเป็นการส่วนตัว
 
มาเรียนโตเนียเสียชีวิตเมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 1953 อายุ 78 ปี แม้หลังจากที่เธอเสียชีวิตพวกเขาก็ไม่สามารถเหยียดขาของเธอออก และเธอก็ถูกฝังไว้ในสภาพนั้น ขณะมีชีวิตอยู่, เธอดำเนินชีวิตในความศักดิ์สิทธิ์ และแม้หลังจากเธอเสียชีวิตแล้ว, ก็มีอัศจรรย์ที่เกิดขึ้นเนื่องจากเธอ วันที่ 18 ธันวาคม 2017 เธอได้รับการประกาศให้เป็น “ผู้น่าเคารพนับถือ”
 
หญิงคนหนึ่งชื่อวิตโตเรียมาจาก Sant’Andrea ได้รับอัศจรรย์ที่มาจากความช่วยเหลือของมาเรียนโตเนีย เป็นกรณีที่ได้รับการตรวจสอบแล้วซึ่งจะทำให้มาเรียนโตเนียได้รับการพิจารณาให้เป็นนักบุญ เหตุการณ์อัศจรรย์เกิดขึ้นระหว่างวันที่ 12 และ 13 ธันวาคมในปี 2004 วิตโตเรียได้รับการรักษาให้หายขาดในชั่วข้ามคืนจากโรคข้อเข่าเสื่อม เธอได้สวดอธิษฐานขอความช่วยเหลือต่อมาเรียนโตเนียในตอนกลางคืนเพื่อช่วยในเรื่องความเจ็บปวดและมันก็หายไปและไม่กลับมาอีกเลย อัศจรรย์นี้ได้รับการรับรองจากพระสันตะปาปาฟรังซิสเมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2020 การประกาศเป็นนักบุญจะกระทำในปี 2021


*************************
 

1 ความคิดเห็น: