วันพฤหัสบดีที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2563

การมีชีวิตในโลกอย่างมีความหมาย


บทเทศน์ของคุณพ่อยอห์น มารีย์ เวียนเนย์ 
- คริสตชนมาอยู่ในโลกนี้ทำไม

 
มีคริสตชนหลายคนที่ไม่รู้ว่าเขามาอยู่ในโลกนี้ทำไม
 
“โอ ข้าแต่พระเป็นเจ้าพระองค์ทรงส่งข้าพเจ้ามาอยู่ในโลกนี้ทำไม?”
 
“เพื่อช่วยวิญญาณลูกให้รอด”
 
“แล้วทำไมพระองค์ประสงค์ให้ข้าพระองค์ได้รอดเล่า?”
 
“เพราะเรารักลูก”
 
พระเป็นเจ้าผู้ทรงพระทัยดีทรงสร้างเรามา และทรงส่งเรามาในโลกเพราะพระองค์ทรงรักเราเพื่อที่จะได้รับความรอด เราต้อง รู้จัก รัก และ รับใช้พระเป็นเจ้า นอกจากสิ่งนี้แล้วเราไม่มีอะไรที่เราต้องทำเพื่อโลกนี้
 
สิ่งที่เราทำเพื่อตัวเองเป็นการเสียเวลาเปล่า เราต้องกระทำเพื่อพระเป็นเจ้าเท่านั้น และพระองค์จะทรงนำการกระทำของเราไว้ในพระหัตถ์ของพระองค์
 
เราต้องพูด ในเวลาตื่นนอนว่า....“ลูกปรารถนาจะทำทุกสิ่งในวันนี้เพื่อพระองค์ พระเจ้าข้า ลูกจะยอมรับทุกสิ่งที่พระองค์ทรงส่งมาให้ลูก เพราะสิ่งนั้นมาจากพระองค์”
 
“ลูกขอมอบตัวลูกแด่พระองค์ แต่ พระเจ้าข้า ลูกไม่สามารถทำสิ่งใดได้โดยปราศจากพระองค์”
 
“ขอพระองค์โปรดช่วยลูกด้วย”
 
โอ เราจะเศร้าโศกสักเพียงไรในเวลาที่เราใกล้ตาย ถ้าเราปล่อยให้เวลาเสียไปกับความพอใจต่างๆ ในการสนทนาอันเปล่าประโยชน์ ในการแสวงหาการพักผ่อน แทนที่จะใช้เพื่อควบคุมร่างกายด้วยการสวดภาวนา ด้วยการทำกิจการที่ดี ด้วยการรำพึงไตร่ตรองความยากจนฝ่ายจิตของเรา ในการร้องไห้สำหรับบาปต่างๆของเรา แล้วเราจะเห็นว่า เราไม่ได้ทำอะไรเลยเพื่อจะได้รับสวรรค์
 
โอ ลูกที่รัก ช่างน่าเศร้าใจสักเพียงไร สามในสี่ของผู้ที่เป็นคริสตชนทำงานโดยเปล่าประโยชน์ เขาทำงานเพียงเพื่อความพอใจและเลี้ยงดูร่างกาย ซึ่งในไม่ช้าก็ต้องถูกฝังและเน่าเปื่อยไป ขณะที่พวกเขาไม่คิดถึงวิญญาณที่น่าสงสารของพวกเขาเลยแม้แต่น้อย ซึ่งจะต้องไปรับความสุขหรือความทุกข์ชั่วนิรันดร
 
พวกเขาไม่มีจิตสำนึกหรือเหตุผล มันจะทำให้คนเราสั่นสะท้าน ดูผู้ชายคนนั้นสิ เขาทำงานหนักและไม่ยอมพักผ่อน เชสส่งเสียงร้องอึกทึกในโลก ต้องการปกครองทุกคน คิดว่าตนเองเป็นคนสำคัญ คิดว่าตนเองสามารถสั่งดวงอาทิตย์ได้ว่า
 
“ไปให้พ้นและให้ข้าส่องแสงในโลกนี้แทนเจ้า”
 
วันหนึ่งชายผู้นี้จะถูกทำให้ต่ำลงจนถึงพื้นดิน เป็นเพียงฝุ่นดินเล็กๆเท่ากำมือ และถูกกวาดลงไปในแม่น้ำสู่แม่น้ำ จากแม่น้ำแซนสู่แม่น้ำแซน แล้วที่สุดก็ลงไปสู่ทะเล
 
มองดูเถิด ลูกๆที่รัก พ่อเคยคิดเสมอว่า เราก็เหมือนกองฝุ่นเล็กๆ ซึ่งกระแสลมพัดไปบนถนน มันหมุนวนไปรอบๆอยู่ชั่วขณะ แล้วก็กระจายตัวหายไป
 
พวกเรามีพี่น้องชายหญิงที่เสียชีวิตไปแล้ว และพวกเขาก็กลายเป็นฝุ่นดินเล็กๆเท่ากำมือ เหมือนดังที่พ่อพูดไปแล้วนั้น คนของโลกพูดว่า เป็นการยากที่จะช่วยวิญญาณให้รอด ใช่แล้ว ไม่มีอะไรง่ายในการปฏิบัติตามพระบัญญัติของพระเป็นเจ้าและพระศาสนจักรและการหลีกเลี่ยงบาปต้นเจ็ดประการ หรือลูกจะพูดแบบนี้ก็ได้ คือไม่ง่ายที่จะทำความดีและหลีกเลี่ยงความชั่ว
 
แต่นั่นคือสิ่งที่ลูกต้องทำ คริสตชนที่ดีจะพยายามรักษาวิญญาณของตนให้รอด การที่เขาแน่ใจว่าตนได้รับความรอดจะทำให้เขาเป็นคนที่มีความสุขและพอใจเสมอ พวกเขาได้ลิ้มรสความสุขในสวรรค์ล่วงหน้าแล้ว และพวกเขาจะมีความสุขชั่วนิรันดร
 
ในขณะที่คริสตชนเลวซึ่งสูญเสียวิญญาณของเขา จะถูกทำให้ตกต่ำลง พวกเขาบ่นพึมพำ พวกเขาเศร้าหมอง พวกเขาได้รับความทรมานเหมือนก้อนหินและจะเป็นเช่นนั้นอยู่ชั่วนิรันดร
 
ดูความแตกต่างสิ ต่อไปนี้เป็นกฎที่ดีที่พ่อขอแนะนำลูกทั้งหลาย อย่าทำสิ่งใดยกเว้นแต่ทำในสิ่งที่เราทำได้เพื่อพระเป็นเจ้าองค์แห่งความดี ในเวลานี้เรายังไม่มีอะไรเลยที่สามารถมอบแด่พระองค์
 
การหมิ่นประมาท การใส่ความนินทา ความอยุติธรรม ความโกรธแค้น การกล่าวผรุสวาท ความไม่บริสุทธิ์ การชมมหรสพ การเต้นรำ สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่คนของโลกนี้กระทำกัน
 
นักบุญฟรังซิส เดอ ซาล เคยพูดถึงการเต้นรำว่า
 
พวกเขาเป็นเหมือนดอกเห็ด ซึ่งดูๆก็สวยดีแต่เหมาะที่จะโยนทิ้งเท่านั้น

*****************

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น