วันนี้จะขอพูดเกี่ยวกับการถวายประเทศแด่พระหฤทัยศักดิ์สิทธิ์ของพระเยซูเจ้าและดวงหทัยนิรมลของแม่พระนะครับ
วันที่ 13 มิ.ย. 1929 ซิสเตอร์ลูซีอา ได้รับการประจักษ์จากพระตรีเอกภาพดังในรูป ทางด้านขวาของไม้กางเขน, แม่พระทรงยืนอยู่และทรงถือดวงหทัยนิรมลของพระนางไว้ในพระหัตถ์ แม่พระตรัสแก่ลูซีอาว่า “ถึงเวลาแล้วที่พระเจ้าทรงขอให้พระสันตปาปาพร้อมทั้งบรรดาพระสังฆราชทั่วโลกจะประกอบพิธีถวายประเทศรัสเซียแด่ดวงหทัยนิรมลของแม่ และคำสัญญาของการช่วยให้รอดจะได้รับด้วยวิธีนี้ มีวิญญาณมากมายที่พระยุติธรรมของพระเจ้าทรงสาปแช่งสำหรับบาปของพวกเขาที่กระทำผิดต่อแม่ เพราะเหตุนี้แม่จึงมาเพื่อขอให้มีการกลับใจด้วยการเสียสละทำพลีกรรมเพื่อความตั้งใจนี้และสวดภาวนา”
ต่อมา, พระเยซูเจ้าตรัสต่อซิสเตอร์ลูซีอาว่า “พวกเขาไม่ปรารถนาที่จะทำตามคำขอร้องของเรา...เหมือนที่กษัตริย์แห่งฝรั่งเศสได้ทำ, พวกเขาจะสำนึกผิดและทำตาม, แต่มันก็จะสายเกินไป, รัสเซียจะแพร่กระจายความผิดพลาดของตนไปทั่วโลก, ทำให้เกิดสงคราม, และการเบียดเบียนพระศาสนจักร, พระสันตะปาปาจะได้รับความทุกข์เป็นอันมาก”
ซิสเตอร์ลูซีอาได้เขียนจดหมายวันที่ 29 ส.ค. 1931 ถึงพระสังฆราชพูดเกี่ยวกับนิมิตนี้ที่กล่าวถึงการถวายประเทศรัสเซีย และพระเจ้าตรัสกับลูซีอาว่า “จงรู้ไว้เถิดว่า ผู้อภิบาลของเราได้ทำตามแบบอย่างของกษัตริย์แห่งฝรั่งเศสในการล่าช้าที่จะทำตามคำขอร้องของเรา พวกเขาจะได้รับผลลัพท์อันน่าเศร้าแบบเดียวกับพระองค์ มันจะสายเกินไปที่จะดำเนินตามคำขอร้องของพระเยซูเจ้าและพระแม่มารีย์”
100 ปี, ตั้งแต่วันที่ 13 มิ.ย. 1929 – 13 มิ.ย. 2029
ในปี 1689 ซิสเตอร์มาร์กาเร็ต มารีย์ อาลาก๊อก ได้เขียนจดหมายถึงกษัตริย์หลุยส์ที่ 14 แห่งฝรั่งเศส เธอเขียนคำขอร้องของพระเยซูเจ้าที่ให้พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ถวายประเทศฝรั่งเศสแด่พระหฤทัยศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ แต่คำขอร้องนี้กลับไม่ได้รับความสนใจ ด้วยเหตุนี้, ในอีก 100 ปีต่อมา จึงเกิดการปฏิวัติฝรั่งเศสขึ้นและหลังจากการปฏิวัติสามปีครึ่ง กษัตริย์ก็ถูกตัดศีรษะด้วยกิโลติน
และจะเป็นเช่นเดียวกันถ้าหากคำขอร้องของแม่พระแห่งฟาติมาไม่ได้รับการปฏิบัติตาม คือการถวายประเทศรัสเซียแด่ดวงหทัยนิรมลของแม่พระโดยพระสันตะปาปาและพระสังฆราชทั่วโลก ซึ่งถ้าไม่มีการถวายประเทศรัสเซียตามคำขอร้องของแม่พระแล้ว, เป็นที่คาดกันว่าในเดือนมิถุนายน 2029 ชะตากรรมที่คล้ายกับฝรั่งเศสก็อาจเกิดขึ้นกับโลกทั้งมวล (100 ปีนับจากปี 1929 ที่ซิสเตอร์ได้รับการประจักษ์ดังภาพข้างบน)
พระสันตะปาปายอห์นที่ 23 เมื่อได้อ่านจดหมายของซิสเตอร์ลูซีอา พระองค์ก็ยังไม่ได้ปฏิบัติตามคำขอร้องของแม่พระ พระสันตะปาปาองค์ต่อๆมาได้ทำพิธีถวายประเทศรัสเซียตามที่แม่พระทรงขอร้อง คือ พระสันตะปาปาปีโอที่ 12 ในปี 1942และ1952, พระสันตะปาปาเปาโลที่ 6 ในปี 1967, และพระสันตะปาปายอห์นปอลที่ 2 ในปี 1982 แต่ยังไม่ถือว่ามีความสมบูรณ์เพราะไม่ได้กระทำร่วมกับบรรดาพระสังฆราชทั่วโลก ต่อมาหลังจากการถูกลอบปลงพระชนม์, พระสันตะปาปายอห์นปอลที่ 2 ทรงประกอบพิธีถวายประเทศรัสเซียอีกครั้งในวันที่ 25 มี.ค. 1984 โดยมีพระสังฆราชทั่วโลกร่วมด้วย (ในแต่ละประเทศของตน) และถือได้ว่ามีความสมบูรณ์ตามคำขอร้องของแม่พระ ซิสเตอร์ลูซีอาเองได้เขียนจดหมายตอบคำถามของ Father Fox ยืนยันว่าการถวายประเทศรัสเซียมีความสมบูรณ์แล้ว (แต่ก็ยังมีบางคนที่สงสัยว่าการถวายนั้นไม่สมบูรณ์อย่างเช่น คุณพ่อ กาเบรียล เอม็อท)
ชะตากรรมของประเทศฝรั่งเศส
ในปี1689 ก่อนที่ซิสเตอร์มาร์กาเร็ต มารีย์ อาลาก๊อกจะเสียชีวิตไม่นาน, เธอได้เขียนจดหมายหลายฉบับถึงคุณแม่อธิการ Mother de Saumaise ซึ่งเป็นเรื่องเกี่ยวกับรัชสมัยการปกครองของพระหฤทัยศักดิ์สิทธิ์ของพระเยซูเจ้า จดหมายบางฉบับเธอได้เขียนถึงกษัตริย์หลุยส์ที่ 14 แห่งฝรั่งเศสโดยส่งไปที่พระสงฆ์ผู้ฟังแก้บาปของกษัตริย์, คุณพ่อฟรังซิส เดอ ลา เชซี (, Father Francis de La Chaise) และขอให้ท่านส่งไปให้ถึงกษัตริย์หลุยส์ที่ 14 จดหมายนี้เป็นคำขอร้องของพระเยซูเจ้าต่อกษัตริย์แห่งฝรั่งเศสว่า
กษัตริย์ต้องถวายประเทศฝรั่งเศสแด่พระหฤทัยศักดิ์สิทธิ์ของพระเยซูเจ้า
วันที่ 23 ก.พ. 1689
ซิสเตอร์มาร์เกเร็ต มารีย์เขียนจดหมายถึงคุณแม่อธิการ, ขอบคุณท่านที่ช่วยส่งเสริมให้มีความศรัทธาต่อพระหฤทัยศักดิ์สิทธิ์ เธอแสดงถึงความมั่นใจว่าจะมีการสถาปนาการปกครองของพระหฤทัยศักดิ์สิทธิ์ในโลก
วันที่ 17 มิ.ย. 1689
ซิสเตอร์มาร์กาเร็ต มารีย์ ได้เขียนจดหมายฉบับที่สองถึงกษัตริย์ฝรั่งเศส เกี่ยวกับความปรารถนาของพระเยซูเจ้าว่า - กษัตริย์ต้องถวายพระองค์เอง, พระราชวงศ์และประเทศฝรั่งเศสแด่พระหฤทัยศักดิ์สิทธิ์ของพระเยซูเจ้าในทันที
วันที่ 12 ส.ค. 1689
ซิสเตอร์มาร์กาเร็ต มารีย์ เขียนจดหมายฉบับที่สาม ย้ำถึงความสำคัญของเรื่องที่กล่าวไปแล้วและแสดงความผิดหวังที่ไม่มีการทำตามคำขอร้องของพระเยซูเจ้า
วันที่ 25 ส.ค. 1689
ซิสเตอร์มาร์กาเร็ต มารีย์ เขียนจดหมายฉบับสุดท้ายส่งไปยังกษัตริย์หลุยส์ที่ 14 เธอย้ำอีกครั้งถึงความสำคัญและความจำเป็นเร่งด่วนที่ต้องปฏิบัติในเรื่องการถวายประเทศฝรั่งเศสแด่พระหฤทัยศักดิ์สิทธิ์ของพระเยซูเจ้า จดหมายฉบับนี้ใช้คำพูดที่จริงจังและบอกถึงรายละเอียดของทุกขั้นตอนในการถวายประเทศฝรั่งเศส
วันที่ 17 ต.ค. 1690
ซิสเตอร์มาร์กาเร็ต มารีย์ อาลาก๊อก เสียชีวิตด้วยอายุ 43 ปี
กษัตริย์หลุยส์ที่ 14 ไม่ได้ทำตามคำขอร้องของพระเยซูเจ้า กษัตริย์องค์ต่อมาคือ หลุยส์ที่ 15 , หลุยส์ที่ 16 ก็ไม่ได้ทำตามเช่นเดียวกัน
การปฏิวัติฝรั่งเศส
วันที่ 5 พ.ค. 1789
วันที่ 5 พฤษภาคม 1789 ฝรั่งเศสเกิดวิกฤตการณ์ทางการเงินและการเมือง, พระเจ้าหลุยส์ที่ 16 ได้เรียกประชุมสภาฐานันดร ซึ่งเป็นเวลาก่อนการปฏิวัติฝรั่งเศส
สภาฐานันดรประกอบด้วย ฐานันดรที่ 1 พระสงฆ์, ฐานันดรที่ 2 ขุนนาง, ฐานันดรที่3 สามัญชน(มี 98% ) การประชุมจัดขึ้นเพื่อแก้ปัญหาการเงินของรัฐบาล
วันที่ 17 มิ.ย. 1789
วันที่ 28 พฤษภาคม ตัวแทนของฐานันดรที่3 จัดประชุมกลุ่มของตัวเอง โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 13 มิ.ย. – 17 มิ.ย. เริ่มมีขุนนางอื่นๆและพระสงฆ์มาร่วมกลุ่มมากขึ้น วันที่ 17 มิ.ย. พวกเขาเริ่มเรียกตัวเองว่า สมัชชาแห่งชาติ
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นครบ 100 ปีพอดีหลังจากจดหมายของซิสเตอร์มาร์กาเร็ต มารีย์ อาลาก๊อก วันที่ 17 มิ.ย. 1689 ที่แจ้งคำขอร้องของพระเยซูเจ้าให้ถวายประเทศฝรั่งเศสแด่พระหฤทัยศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์
วันที่ 9 ก.ค. 1789
วันที่ 9 ก.ค. 1789 สมัชชาแห่งชาติได้สถาปนาตัวเองเป็นรัฐสภาแห่งชาติ และเริ่มปฏิบัติหน้าที่ในฐานะรัฐบาลและร่างกฏหมายรัฐธรรมนูญ
วันที่ 26 ธ.ค. 1790
พระเจ้าหลุยส์ที่ 16 ทรงยอมรับรัฐธรรมนูญใหม่
มีการถวายประเทศฝรั่งเศสแด่พระหฤทัยศักดิ์สิทธิ์ของพระเยซูเจ้า – แต่สายเกินไป
ปี 1792
พระเจ้าหลุยส์ที่ 16 ถูกจับกุมเมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 1792 และถูกคุมขังที่หอคอยของวิหาร ในวันที่ 21 กันยายน 1792 สมัชชาแห่งชาติได้ยกเลิกระบอบกษัตริย์และประกาศเป็นสาธารณรัฐฝรั่งเศส ระหว่างถูกคุมขังที่หอคอยของวิหาร, พระเจ้าหลุยส์ที่ 16 ได้ถวายประเทศฝรั่งเศสแด่พระหฤทัยศักดิ์สิทธิ์ของพระเยซูเจ้าอย่างลับๆ แต่ก็สายไปแล้ว, เพราะเวลานั้นพระองค์ไม่ได้เป็นกษัตริย์ของฝรั่งเศสแล้ว
วันที่ 21 ม.ค. 1793
วันจันทร์ที่ 21 ม.ค. 1793 พระเจ้าหลุยส์ที่ 16 ถูกตัดศีรษะด้วยกิโลตินที่ลานปฏิวัติ Place de la Révolution.
(ในปีแรกของการปฏิวัติ เกิดเหตุการณ์สมาชิกฐานันดรที่สามประกาศคำปฏิญาณสนามเทนนิสในเดือนมิถุนายน การทลายคุกบัสตีย์ในเดือนกรกฎาคม คำประกาศว่าด้วยสิทธิมนุษยชนและสิทธิพลเมืองในเดือนสิงหาคม และการเดินขบวนสู่แวร์ซายซึ่งบังคับให้ราชสำนักกลับไปยังกรุงปารีสในเดือนตุลาคม เหตุการณ์อีกไม่กี่ปีถัดมาส่วนใหญ่เป็นความตึงเครียดระหว่างสมัชชาเสรีนิยมต่าง ๆ และพระมหากษัตริย์ฝ่ายขวาแสดงเจตนาขัดขวางการปฏิรูปใหญ่- วิกิพีเดีย)
*******************
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น