วันพฤหัสบดีที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2563

แม่พระมหาทุกข์



แม่พระมหาทุกข์ พระแม่มารีย์, พระมารดาผู้โศกาเป็นอันยิ่ง, Mater Dolorosa และแม่พระแห่งความทุกข์เจ็ดประการ เป็นพระนามของพระแม่มารีย์ซึ่งเกี่ยวข้องกับความทุกข์อย่างยิ่งในชีวิตของพระนาง
 
พระรูปแม่พระมหาทุกข์ซึ่งเป็นที่นับถือของคริสตชนคาทอลิกทั่วไปเป็นพระรูปของพระแม่มารีย์ที่กำลังเศร้าโศก มีน้ำพระเนตรไหลโดยมีดาบเจ็ดเล่มแทงทะลุดวงพระทัยของพระนางและมีเลือดไหลออกจากดวงพระทัยด้วย(รูปด้านบน) ดาบเจ็ดเล่มทำให้ระลึกถึงความทุกข์ทั้งเจ็ดของแม่พระตามคำทำนายของผู้เฒาซิเมโอน กิจศรัทธาต่อแม่พระมหาทุกข์ประกอบด้วยการสวดสายประคำแม่พระมหาทุกข์ Servite rosary หรือ Chaplet of the Seven Sorrows of Our Lady

วันฉลองแม่พระมหาทุกข์ตรงกับวันที่ 15 กันยายน
 
พระสันตะปาปาปีโอที่ 7 ที่ได้นำการฉลองแม่พระมหาทุกข์เข้ามาในพิธีกรรมของพระศาสนจักร เพื่อเป็นการระลึกถึงความทุกข์ยากลำบากที่จักพรรดินโปเลียนได้กระทำต่อพระศาสนจักร และเป็นต้นที่ได้กระทำต่อประมุขของพระศาสนจักร
 
คริสตชนระลึกถึงการที่พระมารดาพระผู้ไถ่ได้มีส่วนร่วมกับพระบุตรของพระนาง ในงานการไถ่กู้มนุษย์ให้รอด ( ลก. 2: 33 - 35 ) สิ่งนี้ได้แสดงให้เห็นเป็นประจักษ์พยานในชั่วโมงที่พระองค์ถูกตรึงไม้กางเขน
 
ในพระศาสนจักรตะวันตก
ตอนต้นปี 1232 เยาวชนเจ็ดคนในทัสคานี, อิตาลีได้ก่อตั้งคณะนักบวช Servite Order คณะผู้รับใช้ของแม่พระ(หรือที่เรียกว่า "Servite Friars" หรือ "Order of the Servants of Mary") ห้าปีต่อมาพวกเขาได้รับเอาภาพลักษณ์ของพระแม่มารีย์ผู้โศกเศร้าประทับยืนอยู่ใต้ไม้กางเขนให้มาเป็นองค์อุปถัมภ์คณะของพวกเขา ตลอดหลายศตวรรษที่ผ่านมา, มีความศรัทธาและการก่อตั้งคณะนักบวชต่างๆที่เกิดขึ้นจากการพิจารณาไตร่ตรองเกี่ยวกับความทุกข์ของพระแม่มารีย์


 
ในพระศาสนจักรตะวันออก
วันที่ 2 กุมภาพันธ์ อันเป็นวันฉลองพระมารดาทรงพบพระกุมารในพระวิหาร, ชาวคริสต์นิกายออร์โธดอกซ์และชาวคาทอลิกตะวันออกร่วมรำลึกถึงรูปภาพไอคอนอันน่าอัศจรรย์ของ Theotokos (พระมารดาของพระเจ้า) ที่รู้จักกันในชื่อ "the Softening of Evil Hearts"(การบรรเทาดวงหทัยที่ปวดร้าว) หรือ "Simeon's Prophecy"(คำพยากรณ์ของซิเมโอน) พระรูปนี้แสดงให้เห็นถึงพระแม่มารีย์ในขณะที่ท่านซิเมโอนกล่าวว่า "ดาบจะแทงทะลุจิตใจของท่านด้วย .... " (ลูกา 2:35) แม่พระทรงประทับยืน, พระหัตถ์ทั้งสองอยู่ในท่ากำลังสวดภาวนา มีดาบเจ็ดเล่มแทงเข้าที่หัวใจของพระนาง พระพักตร์โศกเศร้าบ่งบอกถึงความทุกข์ทั้งเจ็ด นี่เป็นหนึ่งในรูปภาพไอคอนออร์โธดอกซ์ไม่กี่แห่งของ Theotokos ที่ไม่มีรูปพระกุมารเยซู และมีบทภาวนาต่อหน้าพระรูปว่า "จงชื่นชมยินดีเถิด, พระมารดาของพระเจ้าผู้ทรงเศร้าโศกาเป็นอันยิ่ง, ความเศร้าโศกของพระแม่ได้เปลี่ยนความเศร้าโศกของเราให้กลายเป็นความยินดีและบรรเทาความทุกข์ในจิตใจของชาวเราทั้งหลาย!"
 
ความทุกข์ยากเป็นสิ่งที่ต้องเกิดขึ้นกับมนุษย์ทุกคนที่เจริญชีวิตในโลกนี้ ทุกคนต้องเผชิญกับการประจญของปิศาจและความยากลำบากต่างๆ แต่พระองค์ประทานพระหรรษทานให้แก่ทุกคน ให้สามารถต่อสู้ความทุกข์ยากนั้น ตามแต่ความต้องการของแต่ละคน
 
มหาทุกข์ 7 ประการของพระแม่เปรียบดั่งดาบ 7 เล่มที่เสียบแทงดวงพระหทัยพระนาง คือ
 
1. คำพยากรณ์ของท่านซีเมโอน ซีเมโอนรับพระกุมารมาอุ้มไว้ พยากรณ์ว่าเด็กนี้จะเป็นสัญลักษณ์แห่งการขัดแย้ง " กุมารนี้เกิดมาเพื่อความพินาศ และความรอดของคนเป็นอันมากในชาติอิสราเอล และเป็นเสมือนเป้าให้มนุษย์คัดค้าน ส่วนตัวท่าน ( พระนางมารีอา) ก็จะถูกกระบี่ทิ่มแทงดวงใจ " ( ลก. 2: 34 - 35 )
 
2. พาพระกุมารหนีไปอิยิปต์ ดาบเล่มที่ 2 ที่ทิ่มแทงดวงหทัยของพระนางคือ การที่ต้องพาพระเยซูเจ้าหนีไปอิยิปต์ เพื่อให้รอดพ้นจากเงื้อมมือของเฮโรด เฮโรดคอยด้วยความกระวนกระวาย เมื่อทราบข่าวจากบัณฑิตทั้งสามว่า พระเยซูเจ้าบังเกิดที่ไหน จะได้ไปตามฆ่า เมื่อทราบว่าตนถูกหลอก ก็สั่งให้ฆ่าทารกทุกคนในเมืองเบธเลแฮม แต่เทวดาปรากฏมาบอกโยเซฟในฝันว่า " ลุกขึ้นเถิด พาพระกุมารและพระมารดา หนีไปประเทศอิยิปต์ " ( มธ. 2: 13 )
 
3. พระเยซูเจ้าทรงหายไปในพระวิหาร ช่างเป็นภาพที่น่ารันทดใจเพียงใด ที่แม่พระต้องปวดร้าวใจตามหาพระเยซูเจ้าตั้งแต่เช้าจรดค่ำตลอด 3 วัน พระนางอาจจะกินข้าวกับน้ำตาเหมือนกับกษัตริย์ดาวิดคร่ำครวญถึงบุตรของตนที่หายไป " ข้าพระองค์กินน้ำตาต่างอาหารทั้งวันและคืน ขณะที่คนพูดกับข้าพระองค์วันแล้ววันเล่าว่า " พระเจ้าของเจ้าอยู่ที่ไหน " "(สดด. 42: 3)
 
4. พระมารดาพบพระเยซูเจ้าระหว่างทางสู่เนินเขากัลป์วาลิโอ ประกาศกอิสยาห์กล่าวว่า " เรามองเห็นพระองค์ในสายตามนุษย์แล้วน่าสงสาร ( อสย . 53 : 2 ) นี่แหละพระบุตรสุดที่รักของพระนาง ไม่รู้ว่าจะช่วยอย่างไร แม่พระคงปรารถนาจะเข้าไปกอดพระบุตร แต่ทหารคงผลักรุนพระเยซูเจ้าไปข้างหน้า และสบประมาทเยาะเย้ยพระนาง…แม่พระยังคงติดตามพระบุตรไป
 
5. พระเยซูเจ้าถูกตรึงกางเขน แม่พระเฝ้าดูลูกน้อยที่ถูกปรับโทษถึงตาย ตาย ทั้งๆ ที่ลูกน้อยนั้นเป็นคนบริสุทธิ์ ลูกน้อยที่พระนางรักอย่างสุดหัวใจ แต่กลับถูกทรมานอย่างโหดร้ายสุดประมาณ และตายอยู่ต่อหน้าต่อตาพระนาง " มารีย์ มารดาของพระเยซูเจ้ายืนอยู่ที่เชิงกางเขน " ( ยน . 19 : 25 ) แม่พระยืนอยู่แทบเชิงกางเขน เฝ้าดูพระบุตรถูกทรมาน และกำลังจะสิ้นใจ เขาถอดเสื้อผ้าของพระองค์ออกจับนอนลงกับกางเขน ตอกตะปูที่มือและเท้าอย่างทารุณ ยกกางเขนตั้งขึ้น แล้วปล่อยให้พระองค์สิ้นพระชนม์…พวกเพชรฆาตหนีไป แต่แม่พระมิได้จากไป พระนางเข้าไปใกล้ๆ เชิงกางเขนมากขึ้น ท่านซีมอนแห่งกาเซีย กล่าวว่า " ใครที่เห็นแม่พระยืนนิ่งเงียบโดยไม่บ่นอะไรแทบเชิงกางเขน คงจะตกใจเพราะพระนางอดทนจริงๆ ริมฝีปากเธอเงียบ แต่ใจเธอไม่เงียบ พระนางถวายพระบุตรเพื่อความรอดของเรา ดังนั้นที่เชิงกางเขนแม่พระจึงเป็นมารดาของเรา และเราเป็นลูก ๆ ของพระนาง " พระเยซูจึงตรัสแก่พระมารดาว่า " สตรีเอ๋ย นี่แน่ะลูกของท่าน "และตรัสกับอัครสาวกว่า " นี่แน่ะแม่ของเจ้า " ( ยน . 19 : 26 - 27 )
 
6.พระมารดารับพระศพพระเยซูลงจากกางเขน จิตใจของพระมารดาไม่สามารถรับความบรรเทาได้ เพราะพระเยซูเจ้าได้สิ้นพระชนม์แล้ว แม้ว่าพระบุตรจะสิ้นพระชนม์แล้ว ก็ยังถูกหอกแทงที่สีข้างด้วยความโหดร้าย " ทหารคนหนึ่งเอาหอกแทงสีข้างของพระองค์ " ( ยน. 19 : 34 ) แม้ว่าพระองค์จะสิ้นพระชนม์แล้วก็ตาม แม่พระรับพระศพพระเยซูลงจากกางเขน ดาบเล่มที่ 6 ได้ทิ่มแทงดวงหทัยของแม่พระ พระนางต้องทรมานทีละอย่างๆ และบัดนี้ทุกอย่างเอามารวมกันทรมานพระนางมากทวีคูณขึ้นไปอีก พระนางยังคงยอมรับทรมาน ซึ่งดูเหมือนว่าความทุกข์นี้ก็ยังคงอยู่เรื่อยๆ เพราะมนุษย์ทำบาป ก็เป็นการทรมานพระองค์ ขอให้เรากลับใจเสียใหม่ ดังที่ประกาศกอิสยาห์กล่าวว่า " จงกลับใจเสียใหม่เถิด " ( อสย. 46 : 8 )
 
7. ฝังพระศพพระเยซูเจ้า แม่พระผู้ระทมทุกข์กำลังแบมือรับร่างของพระบุตรที่ไร้ชีวิต เธอคงจะกล่าวเช่นเดียวกับมหาบุรุษโยบว่า " พระองค์ทรงกระทำกับข้าพเจ้าอย่างโหดร้ายนัก " ( โยบ 30 : 21 ) ความโศกเศร้าสุดแสนของแม่พระ พระบุตรยังคงอยู่ในอ้อมแขน พวกศิษย์กลัวแม่พระจะสิ้นใจ จึงรับพระศพไปจากพระนางเพื่อทำพิธีฝัง ถึงเวลาที่ต้องปลงพระศพ พระนางจะปวดร้าวใจสักเพียงใด ที่ต้องกล่าวอำลาครั้งสุดท้าย…แน่นอน ช่างเป็นภาพที่เศร้าสลดและปวดร้าวใจพระนางสุดพรรณา เมื่อคิดถึงโศกนาฏกรรมนี้
 
แม่พระบอกกับนักบุญบริจิตว่า "พระบุตรของแม่ถูกฝัง แต่มีดวงใจสองดวง ที่ฝังอยู่ที่นั่นด้วย " ที่สุด พวกเขาก็ปิดที่ฝังพระศพของพระเยซูเจ้า ร่างกายนั้นมีค่ามากที่สุดทั้งบนแผ่นดินและในสวรรค์ แม่พระทรงทิ้งดวงใจของพระนางไว้กับพระบุตร เพราะพระองค์มีค่ามากที่สุด "เหตุว่า ทรัพย์สมบัติของท่านอยู่ที่ใด จิตใจของท่านก็อยู่ที่นั่นด้วย”

************************

ข้อมูลบางส่วนจากอัครสังฆมณฑลกรุงเทพ
 
 

1 ความคิดเห็น:

  1. อ่านแล้ว รู้สึกเศร้าสลด เห็นภาพของพระแม่ที่ต้องเห็น ตั้งแต่ต้นจนจบลง
    มันช่างทรมานใจยี่งนัก
    และก็เห็นความอดทนของพระแม่ ที่ต้องยอมรับสภาพเช่นนั้น ด้วยความทุกใจ…ดังนั้นเมื่อเรามีความทุกข์ใดๆ จงคิดถึงพระแม่ที่ทรงต้องยอมรับความทุกข์เช่นกัน ซึ่งมากกว่าเราหลายเท่านัก

    ตอบลบ