วันอังคารที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2563

พระสงฆ์กับความช่วยเหลือของแม่พระ



ช่วงที่ไปเรียนที่มหาวิทยาลัยลูแวง (Louvain) เบลเยี่ยม ข้าพเจ้ามีโอกาสไป จาริกแสวงบุญที่ลูร์คหลายครั้ง ครั้งแรกที่ไปข้าพเจ้ามีเงินสําหรับค่าเดินทางแต่ ไม่พอที่จะใช้กิน-อยู่ที่นั่น จึงติดต่อขอดังค์น้องชายชื่อTom เขาก็ไม่มี ข้าพเจ้า จึงบอกเขาไปว่า อยากไปฉลองบวชครบเป็นพระสงฆ์ 5 ปี ในเมื่อข้าพเจ้ามี ความเชื่อพอที่จะไป ก็สุดแล้วแต่แม่พระเถิดนะ หวังว่าพระนางจะพาข้าพเจ้า กลับมาได้ ข้าพเจ้ามาถึงลูร์ดแบบ “ถังแตก” แต่ตัดสินใจว่าถ้าแม่พระจะจ่ายค่า โรงแรมให้ พระนางคงจะไม่เกี่ยงที่จะจ่ายมากจ่ายน้อย จึงเลือกไปอยู่โรงแรมที่ ดีหน่อย แล้วข้าพเจ้าก็ทํานพวาร-สวด 9 วันติดต่อกัน เข้าวันที่ 9 แล้ว เช้าเที่ยง-ปาย ที่ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น เอาล่ะซินี่มันเรื่องใหญ่แล้วนะ ข้าพเจ้าคิด หาทางออกว่าอาจจะต้องไปรับจ้างเขาล้างจานเพื่อเอาเงินมาจ่ายค่าโรงแรม ข้าพเจ้าคิดให้โอกาสแม่พระอีกครั้ง จึงเดินตรงไปที่ถ้ําแม่พระตอน 4 ทุ่ม สุภาพบุรุษอ้วนใหญ่ชาวอเมริกันคนหนึ่งสะกิดไหล่ข้าพเจ้า “ท่านเป็น พระสงฆ์อเมริกันใช่ไหมครับ?” “ใช่ครับ” “คุณพ่อพูดภาษาฝรั่งเศสได้ไหม ครับ?” “ได้ครับ” “พรุ่งนี้ผมกับภรรรยาและลูกสาว จะเดินทางไปปารีส คุณพ่อ ช่วยไปเป็นล่ามให้พวกเราได้ไหมครับ?” เขาเดินไปส่งผมที่โรงแรม แล้วก็ถาม คําถามที่น่าสนใจมากที่สุดที่ผมเคยได้ยินมาในชีวิต “คุณพ่อจ่ายค่าโรงแรมแล้ว หรือยังครับ?” ข้าพเจ้ากระอักกระอ่วนใจ คลําหาบิลที่ต้องจ่ายโรงแรมด้วย ความเงอะๆเงินๆยื่นให้เขา วันรุ่งขึ้นพวกเราเดินทางไปปารีส จากนั้นเป็นต้น มาเราได้ติดต่อกัน เมื่อข้าพเจ้าต้องเดินทางไปนิวยอร์กช่วงสุดสัปดาห์เพื่อจะสอนคําสอน ข้าพเจ้าก็แวะบ้านของคุณ โทมัส ฟาเรล เป็นประจํา พวกเขาเป็น ตัวแทนของแม่พระที่ช่วยให้ข้าพเจ้ารอดพ้นจากเจ้าหนี้
 
เมื่อเรียนจบจากลูแวง ข้าพเจ้าไปลูร์ดอีกครั้งหนึ่ง คิดในใจว่าอาจจะ ไม่ได้กลับมาที่นี่อีกเพราะไม่ทราบว่าบิชอปจะให้ข้าพเจ้าทําหน้าที่อะไร และที่ ไหน ข้าพเจ้าจึงขอสัญญาณจากแม่พระในเรื่องนี้ คือว่า เมื่อข้าพเจ้าถวายมิสซา เสร็จแล้ว ก่อนที่จะก้าวพ้นประตูสักการสถานนี้ จะมีเด็กหญิงอายุประมาณ 12 ปี แต่งชุดกระโปรงขาว จะมอบดอกกุหลาบสีขาวให้ข้าพเจ้า อีกสักประมาณ 20 ฟุตก่อนถึงประตู ข้าพเจ้าไม่เห็นใครเลย ตอนนั้นข้าพเจ้าพูดว่า “แม่ครับ เร็วๆหน่อย เหลือเวลาน้อยแล้ว” เมื่อมาถึงประตูมีเด็กหญิงคนหนึ่งอายุ 12 ปี แต่งชุดขาวยื่นดอกกุหลาบขาวให้ข้าพเจ้า!
 
กลับมาที่สหรัฐอเมริกา.ข้าพเจ้าได้รับมอบหมายให้ไปประจําวัดนักบุญแพทริก ที่Peoria วันหนึ่งข้าพเจ้าบอกคุณพ่อเจ้าวัดว่าจะไปลูร์ดในปีหน้า ท่านย้อนตอบ ข้าพเจ้าว่า “ผมเป็นเจ้าวัดมา 15 ปีแล้ว ยังไม่เคยไปยุโรปสักครั้ง คุณพ่อทํางาน ครบ 1 ปี หวังจะได้ไปหรือ?” “ใช่ครับ แต่ยังไม่รู้ว่ามันจะเกิดขึ้นได้อย่างไร นอกจากว่ามันจะเกิด” พอทํางานที่วัดนี้ครบ 1 ปี บิชอปจัดให้ผมเข้าเป็น อาจารย์ที่มหาวิทยาลัยคาทอลิกและบอกผมว่าไปยุโรปได้ เพื่อเตรียมการสอน คอร์สของผม ดังนั้นผมจึงได้ไปลูร์ดอีกครั้งในช่วงซัมเมอร์
 
ถ้าใครคิดว่าพระเจ้าไม่ตอบคําภาวนาของคุณล่ะก็ ลองอย่างนี้ดู ให้คุณ สวดขอให้พระส่งความยากลําบากหรือทุกข์ร้อนมา เพื่อคุณจะได้อุทิศส่วนบุญ นี้ช่วยวิญญาณคนอื่น ช่วงท้ายของการแสวงบุญครั้งนี้ ข้าพเจ้าได้จองตั๋วรถไฟ เที่ยว 3 ทุ่ม เพื่อไปปารีส ข้าพเจ้าเป็นเหมือนคู่รักที่จากกันยาก จึงไม่รีบร้อนที่ จะออกเดินทาง ประมาณ 2 ทุ่ม ข้าพเจ้าไปที่ถ้ําแม่พระอีกครั้งหนึ่ง ครั้งนี้ สวดขอให้แม่พระคงความทุกข์หรือเศมสยเก็ดไม้กางเขนมาเพื่อข้าพเจ้าจะได้ทําเพดี กรรมช่วยวิญญาณ แล้วข้าพเจ้าก็รีบเร่งกลับไปโรงแรมเก็บสัมภาระเตรียม เดินทางกลับ เพื่อทําเวลาข้าพเจ้า ขึ้นบันไดกันละ 2 นั้นถึงชั้น 3 ตรงไปที่ ห้องพัก สังเกตว่ามีคนวิ่งตามมา จึงหันมาดู เห็นเด็กสาวชาวดัชอายุราว 21 ปี “คุณตามผมมาหรือ? “ไซคะ แต่หนูไม่รู้ว่าทําไม หนูเห็นคุณพ่ออยู่ในขบวน แต่ตอนบ่าย หนูอยากคุยกับคุณพ่อค่ะ" เมื่อถามว่ามาแสวงบุญที่ตร์ทหรีย เธอ ตอบว่าเปล่าเพราะเธอไม่มีศาสนา "หนูไม่ใช่คนไม่มีศาสนา มิฉะนั้นหนูต้อง ไม่อยู่ที่นี่ พ่อว่าเธอน่าจะเสียความเชื่อมากกว่า” จากนั้นข้าพเจ้าก็พูดกับเธอว่า “พ่อเชื่อว่าเธอเป็นคําตอบของคําภาวนาพ่อ เพราะพ่อขอให้มีความยากลําบาก เพื่อจะได้ช่วยวิญญาณหนึ่งให้รอด เธอคือวิญญาณควงนั้น” ข้าพเจ้าตกรถไฟด้วยความเต็มใจ อยู่ต่ออีก 3 วัน จนเธอได้แก้บาปและ กลับเข้ามามีชีวิตในพระศาสนาจักรอีกครั้ง แล้วความทุกข์ของข้าพเจ้าก็เริ่ม ออกฤทธิ์ ใช้เวลาอีก 3 วันกว่าจะถึงปารีส เจ้าหน้าที่รถไฟบอกว่าตัวของ ข้าพเจ้าใช้ไม่ได้แล้ว ข้าพเจ้าต้องลงจากรถไฟที่สถานีไหนก็ไม่รู้ ไม่มีโรงแรม ไม่มีร้านอาหารแถบนั้น จึงไม่ได้กินไม่ได้นอนรวม 72 ชม. นี่คือราคาของทุก ดวงวิญญาณ ถูกบ้าง-แพงบ้าง
 
สิ่งหนึ่งที่เราทําได้คือ คนไข้ที่ขาดเลือดสามารถรับการถ่ายเลือดได้ แปลว่ามีคนอื่นที่บริจาคเลือดนี้ให้แก่เขา ช่วยเขาให้รอดได้ ถ้ามีผิวหนังส่วนใด ส่วนหนึ่งชํารุดเสียหาย หมอช่วยได้โดยการนําผิวหนังส่วนอื่น(คนเดียวกัน)มา ปลูกถ่าย ฉันใดก็ฉันนั้น สมาชิกในพระกายทิพย์ของพระเยซูเจ้าสามารถ เสียสละ ทําพลีกรรมเพื่อช่วยวิญญาณอื่น
 
จากฟาติมาสาร โดย ดร.วรรณีย์ ลิขิตธรรม
******************

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น