วันที่ 13 มิถุนายน พระศาสนจักรฉลองนักบุญแอนโทนีแห่งปาดัว นักบุญแอนโทนี(หรือเรียกว่า นักบุญอันตนแห่งปาดัว) ท่านเป็นศิษย์ของนักบุญฟรังซิสแห่งอัสซีซี ท่านได้ประพันธ์บทเทศน์ไว้มากมาย และวาทะของท่านนั้นยังคงใช้ได้กับทุกยุคทุกสมัย เพราะฉะนั้นท่านจึงได้รับการประกาศให้เป็นนักปราชญ์ของพระศาสนจักรในปี 1946
ท่านยังเคยให้บทภาวนาสำหรับกำจัดปีศาจแก่สตรีผู้หนึ่งที่ถูกปีศาจก่อกวน,เมื่อเธอฝันถึงท่าน
ท่านเป็นที่รู้จักในฐานะนักบุญผู้ช่วยเหลือเมื่อมีของหาย ผู้คนมักสวดขอให้ท่านช่วยให้พบสิ่งของที่หายไป,โดยสวดว่า “ท่านนักบุญอันตนโปรดมาช่วยด้วยเถิด มีของหายและข้าพเจ้าหาไม่พบ”
ต่อไปนี้เป็นวาทะจากบทเทศน์ของท่านนักบุญ
10 ข้อ
1.
“การกระทำส่งเสียงดังยิ่งกว่าคำพูด
จงให้คำพูดของท่านสั่งสอนและให้การกระทำของท่านส่งเสียงพูด”
2.
“ความร่ำรวยของโลกเป็นเหมือนต้นกก รากของมันจมอยู่ในปลักโคลน และต้นของมันชูขึ้นเหนือน้ำ แต่ในลำต้นของมันนั้นกลวง ถ้าผู้ใดพึ่งพิงต้นกกนี้
มันจะสะบัดไปมาและทิ่มแทงวิญญาณของเขา”
3.
“เชื่อเถอะว่าทุกสิ่งที่ท่านมีนั้นท่านได้รับมาจากพระเป็นเจ้า
ถ้าท่านยึดถือบางสิ่งที่ท่านไม่ได้เป็นเจ้าของว่าเป็นของท่าน
ท่านก็มีความผิดในฐานที่เป็นขโมย”
4.
“การใส่ใจในวัตถุสิ่งของของโลกหันเหวิญญาณออกจากความรอดพ้น ปีศาจจะยึดครองวิญญาณนั้นและลากลงไปนรก” **
5.
“คริสตชนต้องพึ่งพิงกางเขนของพระคริสต์เหมือนเช่นที่นักเดินทางพึ่งพิงไม้เท้ายามเมื่อพวกเขาเริ่มต้นเดินทางไกล”
6.
“จิตวิญญาณแห่งความนอบน้อมถ่อมตนนั้นหวานยิ่งกว่าน้ำผึ้ง และผู้ที่เลี้ยงตนด้วยน้ำผึ้งนี้จะให้ผลที่หวานฉ่ำ”
7.
“ผู้ปรารถนาจะดำรงตนด้วยความบริสุทธิ์ในพระคริสตเยซู
ต้องหลีกหนีไม่แต่เพียงหนูแห่งความลุ่มหลงเท่านั้น แต่ต้องหลีกให้พ้นจากกลิ่นไอของมันด้วย”
8.
“พระผู้สร้างแห่งสวรรค์ทรงเชื่อฟังช่างไม้ พระเป็นเจ้าแห่งพระสิริรุ่งโรจน์นิรันดรทรงสดับฟังพรหมจารีย์ผู้ยากจน
มีใครเคยได้ยินเรื่องเช่นนี้บ้าง?
ขอให้นักปราชญ์อย่าได้ดูถูกและไม่ยอมฟังวาจาของผู้ใช้แรงงานธรรมดาเลย ผู้เฉลียวฉลาดก็อย่าดูถูกสามัญชน นักการศึกษาก็อย่าดูถูกผู้ไม่รู้หนังสือ โอรสของเจ้าชายก็อย่าดูถูกชาวนาที่ยากจน” **
9.
“เจ้าเงินที่ชั่วร้าย! นักบวชกี่คนแล้วที่ตาบอดเพราะเจ้า!
นักบวชผู้อยู่ในอารามกี่คนแล้วที่ยังถูกเจ้าหลอกลวง!
เงินเป็น “มูลของนกที่ถ่ายลงมา” ถูกตาของโตบิทและทำให้เขาตาบอด”
10.
“นักบุญเป็นเหมือนดวงดารา
ผู้ซึ่งพระคริสตเจ้าทรงซ่อนพวกท่านไว้ด้วยพระญาณสอดส่องของพระองค์
พวกท่านจะปรากฏให้เห็นก็ต่อเมื่อพวกท่านปรารถนาเท่านั้น อย่างไรก็ตาม
พวกท่านพร้อมเสมอที่จะแสดงตนโดยความเงียบสงบของการพิจารณาไตร่ตรองในกิจการแห่งความเมตตาในเวลาที่พระเป็นเจ้าทรงเห็นว่าเหมาะสม และเมื่อไรก็ตามที่หัวใจของพวกท่านได้ยินพระวาจาที่ตรัสสั่ง”
-------------------------------
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น