วันเสาร์ที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2564

การเทศน์ที่ดีในทัศนคติของนักบุญฟรังซิส เดอ ซาลส์

.
 


 
โดย - Fr Lawrence Lew, O.P
 
นักบุญฟรังซิส เดอ ซาลส์ไม่ได้ต่อต้านการเทศนาสั่งสอนความจริงหรือต่อต้านความพยายามในการแก้ไขความไม่ดีของผู้อื่น แต่ท่านคิดว่าสิ่งนั้นควรกระทำด้วยความนุ่มนวลสุภาพอ่อนโยน
 
หลายคนอาจโต้แย้งว่าพระสงฆ์จำเป็นต้อง "เทศน์สอนความจริง" โดยกำจัดความชั่วร้ายในโลกนี้และประณามคนชั่วให้ตกนรกเพราะการกระทำบาปร้ายแรงของพวกเขา
 
สไตล์การเทศน์ดังกล่าวมักจะทำให้สัตบุรุษมีความรู้สึกกระอักกระอ่วนในระหว่างการเทศน์ อาทิเช่นการระบุชื่อบุคคลที่มีพฤติกรรมเสื่อมเสียและชี้ให้เห็นถึงความผิดพลาดที่ไม่ดีของเขา
 
นักบุญฟรังซิส เดอ ซาลส์เป็นผู้ต่อต้านการเทศน์ที่ใช้คำพูดรุนแรง แต่ท่านไม่ได้ต่อต้านการพูดความจริง
 
ท่านเชื่อมั่นอย่างแรงกล้าว่าจำเป็นต้องพูดความจริง และในบางครั้งก็อาจต้องตำหนิคนที่ชักนำผู้อื่นให้หลงทาง
 
อย่างไรก็ตาม วิธีการของนักบุญฟรังซิสแตกต่างไปอย่างสิ้นเชิงจากพระสงฆ์หลายคนในสมัยของท่าน
 
ในหนังสือศตวรรษที่ 19 ที่เขียนเกี่ยวกับชีวิตของนักบุญฟรังซิส เดอ ซาลส์ ที่มีชื่อว่า “A Year with the Saints” อธิบายถึงแนวทางของนักบุญฟรังซิสในการแก้ไขความผิดของผู้อื่นด้วยความเมตตาเยี่ยงบิดา ท่านกล่าวว่า
 
บุคคลใดก็ตามที่มีหน้าที่ในการดูแลปกครองผู้อื่นไม่ควรลังเลใจที่จะต่อต้านและแก้ไขความชั่วและความผิดพลาดของผู้ที่เขาดูแล และแม้กระทั่งต้องต่อต้านความรู้สึกของตนด้วยเมื่อจำเป็น อย่างไรก็ตาม เขาต้องกระทำสิ่งนี้ด้วยความอ่อนโยนและมีสันติเสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขาต้องแสดงถึงความผิดใดๆซึ่งเป็นความจริงที่ยากจะรับได้ ความจริงดังกล่าวต้องได้รับความร้อนจากไฟแห่งจิตใจที่เมตตาเสียก่อน ซึ่งจะขจัดหนามแห่งความโกรธทั้งหมดออกไป มิฉะนั้นมันจะกลายเป็นผลไม้เปรี้ยว เราจำเป็นต้องใคร่ครวญให้ดีว่าอะไรคือสาเหตุของโรค ก่อนที่จะให้ยาหรืออาหาร ไม่มีอะไรขมมากไปกว่าเปลือกของลูกวอลนัทในขณะที่มันเป็นสีเขียว แต่เมื่อนำมาทำเป็นขนมแล้ว,มันจะหวานและมีประโยชน์อย่างยิ่ง ดังนั้น การตักเตือนซึ่งขมขื่นมากเป็นธรรมดา เมื่อถูกอบให้ร้อนด้วยไฟแห่งความเมตตา และถูกทำให้หวานด้วยความรัก ย่อมเป็นที่ชื่นชอบและน่ารับประทาน.... แต่สัจจะที่พูดออกไปด้วยลิ้นที่ไร้ซึ่งความอ่อนหวาน,มันก็เป็นสัญญาณว่าหัวใจนั้นขาดความรักที่แท้จริง
 
ความจริงดังกล่าวนี้แสดงไว้ในคำพูดยอดนิยมของนักบุญฟรังซิส เดอ ซาลส์ ซึ่งกล่าวว่า
 
--------------------------------------------------------------------------
 
คุณจะจับแมลงวันด้วยน้ำผึ้งเพียงหนึ่งช้อน ได้มากกว่าด้วยน้ำฝึ้งทั้งถัง
 
นักบุญฟรังซิส เดอ ซาลส์
 
--------------------------------------------------------------------------
 
เรื่องนี้น่าสนใจ, การพูดความจริงด้วยความสุภาพอ่อนโยนเป็นการต่อสู้กับตัวเองของนักบุญฟรังซิส เดอ ซาลส์เองด้วย
 
โดยทั่วไปแล้ว,นักบุญฟรังซิส เดอ ซาลส์เป็นผู้เปี่ยมด้วยจิตวิญญาณที่สดใสมีเมตตา แต่ท่านก็ถูกล่อลวงบ่อยๆให้รู้สึกโกรธต่อความชั่วร้ายของคนบางคน ท่านต้องใช้ความอดกลั้นและความกล้าหาญเป็นอย่างมากในการควบคุมอารมณ์และตำหนิผู้อื่นด้วยความสุภาพอ่อนโยน
 
นอกจากนี้ ท่านยังเห็นว่าความใจร้อนและความโกรธเป็นส่วนผสมที่อันตราย
 
มีหลายคนที่เชื่อว่าไม่มีใครสามารถมีความกระตือรือร้น(ในการกำจัดความชั่ว)ได้โดยปราศจากความรุนแรง  และคิดว่าพวกเขาไม่สามารถทำอะไรได้สำเร็จเว้นแต่พวกเขาจะทำลายทุกสิ่ง ในทางตรงกันข้าม, ความกระตือรือร้นที่แท้จริงไม่จำเป็นต้องใช้ความรุนแรงเลย เช่นเดียวกับที่เราไม่ใช้มีดและเปลวไฟกับคนป่วย เว้นแต่พวกเขาจะไม่สามารถช่วยเหลือด้วยวิธีอื่น ความกระตือรือร้นที่ศักดิ์สิทธิ์จะไม่ใช้ความรุนแรงยกเว้นในกรณีที่จำเป็นจริงๆเท่านั้น
 
การใช้ความรุนแรงเพื่อกำจัดความอยุติธรรมไม่ใช่บาป แต่ความรุนแรงนั้นต้องได้รับการชี้นำอย่างเหมาะสม มิฉะนั้น, ดังที่นักบุญฟรังซิส เดอ ซาลส์กล่าวไว้ “จิตใจที่ขมขื่น,เกรี้ยวกราด,หยิ่งทะนง,และอวดดี รับใช้ความโน้มเอียง, อารมณ์,ความไม่พอใจ, และความเย่อหยิ่งของพวกเขาเอง มันปกปิดความอยุติธรรมของพวกเขาเองด้วยเสื้อคลุมแห่งความกระตือรือร้น”
 
เหนือสิ่งอื่นใด, พระสงฆ์ควรพูดความจริง แต่การเทศนาที่ใช้คำพูดรุนแรงไม่ควรเป็นบรรทัดฐาน เกรงว่าจะกลายเป็น "ผลไม้เปรี้ยว" และ "ทำให้เกิดโรค" มากกว่า "การเป็นอาหารบำรุงเลี้ยงจิตใจ"
 
************************ 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น