วันจันทร์ที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2564

พระเยซูเจ้าทรงจำแลงพระกาย

 

ต่อมาอีกหกวัน พระเยซูเจ้าทรงพาเปโตร ยากอบ และยอห์นน้องชายไปบนภูเขาสูงที่ปราศจากผู้คน แล้วพระวรกายของพระองค์ก็เปลี่ยนไปต่อหน้าเขา พระพักตร์เปล่งรัศมีดุจดวงอาทิตย์ ฉลองพระองค์กลับมีสีขาวดุจแสงสว่าง โมเสสและประกาศกเอลียาห์สำแดงตนสนทนาอยู่กับพระองค์
 
เปโตรจึงทูลพระเยซูเจ้าว่า “พระเจ้าข้า ที่นี่สบายน่าอยู่จริงๆ ถ้าพระองค์มีพระประสงค์ ข้าพเจ้าจะสร้างเพิงขึ้นสามหลัง หลังหนึ่งสำหรับพระองค์ หลังหนึ่งสำหรับโมเสส อีกหลังหนึ่งสำหรับเอลียาห์” ขณะที่เปโตรกำลังพูดอยู่นั้น มีเมฆสว่างจ้าก้อนหนึ่งปกคลุมพวกเขาไว้ เสียงหนึ่งดังจากเมฆนั้นว่า “ท่านผู้นี้เป็นบุตรสุดที่รักของเรา เราพึงพอใจยิ่งนัก จงฟังท่านเถิด”
 
------------------------------
 
บทเทศน์โดยนักบุญ อนาสตาซีอุส แห่งซีนาย,พระสังฆราช
 
เป็นการดีที่เราจะอยู่ ที่นี่
 
บนภูเขาทาบอร์,พระเยซูเจ้าทรงเปิดเผยแก่เหล่าสาวกถึงความลึกลับแห่งสวรรค์ ขณะอาศัยอยู่ท่ามกลางพวกเขา,พระองค์ได้ตรัสถึงพระอาณาจักรและการเสด็จมาครั้งที่สองของพระองค์ในพระสิริรุ่งโรจน์ แต่เพื่อขจัดข้อสงสัยใดๆเกี่ยวกับพระอาณาจักรให้ออกจากใจของบรรดาอัครสาวกและเพื่อยืนยันความเชื่อของพวกเขาในสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตโดยการให้เห็นล่วงหน้าในปัจจุบัน พระองค์ทรงให้อัครสาวกเห็นนิมิตอันน่าอัศจรรย์แห่งสง่าราศีของพระองค์บนภูเขาทาบอร์ เป็นภาพลางๆบ่งบอกถึงอาณาจักรสวรรค์ เสมือนพระองค์ตรัสกับพวกเขาว่า “เมื่อเวลาผ่านไป ท่านอาจตกอยู่ในอันตรายจากการสูญเสียความเชื่อ เพื่อช่วยท่านให้รอดพ้นจากสิ่งนี้ เราขอบอกท่านว่าบางคนที่ยืนฟังเราอยู่ที่นี่จะไม่ลิ้มรสความตายจนกว่าพวกเขาจะได้เห็นบุตรแห่งมนุษย์เสด็จมาในพระสิริรุ่งโรจน์ของพระบิดา” ยิ่งไปกว่านั้น เพื่อให้มั่นใจว่าพระคริสต์ทรงมีอำนาจบันดาลให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวตามต้องการ พระคัมภีร์กล่าวต่อไปว่า: หกวันต่อมา พระเยซูทรงพาเปโตร ยากอบ และยอห์นไปด้วย และพาพวกเขาขึ้นไปบนภูเขาสูงที่พวกเขาอยู่เพียงลำพัง และที่นั่น,ต่อหน้าต่อตาพวกเขา,พระองค์ทรงเปลี่ยนสภาพไป พระพักตร์ของพระองค์ทอแสงดุจดวงอาทิตย์ และฉลองพระองค์ก็ขาวดุจแสงสว่าง จากนั้นเหล่าสาวกเห็นโมเสสและเอลียาห์ปรากฏมาและพูดกับพระเยซูเจ้า

เหตุการณ์นี้เป็นสิ่งมหัศจรรย์ที่เราเฉลิมฉลองกันในวันนี้ นี่คือการเปิดเผยความรอดที่ประทานแก่เราบนภูเขา นี่คือเทศกาลของพระคริสต์ที่ดึงดูดเรามาที่นี่ ดังนั้น ให้เราฟังพระสุรเสียงอันศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้าที่ทรงเรียกเราจากที่สูง จากยอดภูเขา เพื่อว่าด้วยสาวกที่พระเจ้าทรงเลือกสรรแล้ว,เราจะได้เจาะลึกในความหมายอันลึกซึ้งของความลี้ลับอันศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้ซึ่งเกินความสามารถของเราที่จะบรรยายได้ พระเยซูเจ้าเสด็จนำหน้าเราเพื่อแสดงหนทางแก่เรา ทั้งบนภูเขาและการเข้าสู่สวรรค์ และ – ข้าพเจ้ากล้าพูดว่า – เวลานี้เราจะต้องติดตามพระองค์ด้วยความเร็วเต็มที่ โหยหานิมิตจากสวรรค์ที่จะให้เรามีส่วนในพระสิริรุ่งโรจน์ของพระองค์ ฟื้นฟูชีวิตฝ่ายวิญญาณของเราและเปลี่ยนเราให้เป็นเหมือนพระองค์ ทำให้เรามีส่วนในพระตรีเอกภาพตลอดไป และยกจิตใจของเราให้สูงขึ้นอย่างที่ไม่อาจฝันถึง
 
ให้เราวิ่งด้วยความมั่นใจและปีติยินดีเพื่อเข้าไปในก้อนเมฆเหมือนโมเสสและเอลียาห์ หรือเหมือนยากอบกับยอห์น ขอให้เรารั้งนิมิตนี้ไว้เหมือนเปโตร,เพื่อที่จะได้มองดูนิมิตอันศักดิ์สิทธิ์และถูกเปลี่ยนสภาพไปด้วยการจำแลงพระกายอันรุ่งโรจน์นั้น ให้เราออกจากโลกนี้, ให้เรายืนให้ห่างจากโลก และอยู่เหนือร่างกาย เราต้องแยกตัวออกจากสิ่งสร้างทั้งหลายและหันไปหาพระผู้สร้าง พระผู้ซึ่งเปโตรร้องอุทานด้วยความปีติยินดีว่า: พระเจ้าข้า อยู่ที่นี่ช่างดีจริง
 
อยู่ที่นี่ช่างดีจริง,เหมือนที่เปโตรพูด เป็นการดีที่จะอยู่กับพระเยซูและอยู่ที่นี่ตลอดไป เราจะมีความสุขหรือมีเกียรติสูงอะไรได้มากไปกว่าการได้อยู่กับพระเจ้า, ถูกสร้างมาเหมือนพระองค์และดำเนินชีวิตในความสว่างของพระองค์
 
เพราะฉะนั้น, เนื่องจากเราแต่ละคนมีพระเจ้าอยู่ในใจของเราและเรากำลังถูกแปรสภาพเป็นพระฉายาของพระองค์ เราก็ควรจะโห่ร้องด้วยความยินดีว่า เป็นการดีที่เราจะอยู่ที่นี่ – ที่ซึ่งทุกสิ่งส่องสว่างด้วยรัศมีอันศักดิ์สิทธิ์ ที่ซึ่งมีความปิติยินดีและเสียงโห่ร้องสรรเสริญ ที่ซึ่งไม่มีอะไรในใจเรานอกจากสันติสุข,ความสงบ, และจิตใจที่นิ่ง ที่ซึ่งเรามองเห็นพระเจ้า เพราะที่นี่,ในหัวใจของเรา, พระคริสต์ทรงประทับอยู่พร้อมกับพระบิดาและตรัสว่า: วันนี้ความรอดมาถึงบ้านนี้แล้ว พร้อมกับพระคริสต์,หัวใจของเราได้รับการอวยพรอย่างมั่งคั่งอันเป็นนิรันดร์ของพระองค์ และที่ซึ่งพระองค์ทรงเก็บรักษาไว้ให้เรา ในพระองค์, เราเห็นเหมือนภาพสะท้อนในกระจกเงาทั้งผลแรกและโลกใหม่ที่จะมาถึง
 
************************ 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น