คำบรรยายจากวีดีโอ - ที่เมือง Mantua ในอิตาลี คุณจะได้เห็นพระธาตุของพระเยซูเจ้า ซึ่งรวมถึงพระโลหิตของพระองค์และฟองน้ำที่ชุบน้ำเพื่อแก้กระหายให้พระคริสต์ขณะที่อยู่บนกางเขนเนินเขากอลโกทา
พระธาตุทั้งสองถูกเก็บรักษาไว้ในโกศสองอัน
ตามธรรมประเพณีเล่าว่า นักบุญลองจินุส,ทหารชาวโรมันเป็นผู้แทงที่สีข้างของพระเยซูเจ้าด้วยหอก ทำให้น้ำและพระโลหิตไหลออกมาจากบาดแผลและบางส่วนกระเด็นไปเข้าตาของลองจินุส ทำให้ตาของเขาที่เป็นโรคอยู่ได้หายเป็นปกติ
ที่แทบไม้กางเขนนั้นเอง,ลองจินุสได้กลับใจ
เขาเก็บรวบรวมดินที่เปียกชุ่มด้วยพระโลหิตและน้ำของพระเยซูเจ้ามาใส่ไว้ในภาชนะ และเก็บรักษาฟองน้ำที่ใช้แก้กระหายของพระเยซูเจ้าด้วย
ต่อมา ลองจินุสได้เดินทางข้ามเมดิเตอเรเนียนไปทั่วอิตาลีและ Mantua พร้อมกับน้ำพระธาตุทั้งหมดไปกับเขาด้วย
เขาซ่อนพระธาตุไว้ในที่พักโรงพยาบาลระหว่างการแสวงบุญของเขา
ในปีค.ศ. 37 ลองจินุสได้เป็นมรณะสักขี
มีการค้นพบกล่องบรรจุพระธาตุในปี ค.ศ. 804 ในสวนของโรงพยาบาล กล่องถูกฝังอยู่ข้างศพของลองจินุส
พระสันตะปาปาลีโอที่ 3 ทรงรับรองความน่าเชื่อถือของพระธาตุ
และทรงมอบพระธาตุบางส่วนให้แก่กษัตริย์ชาร์เลอมาญผู้ทรงเก็บรักษาพระธาตุไว้ในพระวิหารในกรุงปารีส
เมื่อฮังการีรุกรานปารีส จึงมีการซ่อนพระธาตุไว้ หลังจากนั้นได้มีการค้นพบพระธาตุอีกครั้งในปี 1048
กล่าวกันว่า นักบุญแอนดรูได้มาเข้าฝันชายคนหนึ่งและบอกเขาถึงที่ซ่อนของพระธาตุ
ด้วยการช่วยเหลือจากนักบุญแอนดรูนี้เอง มหาวิหารที่สร้างขึ้นในเมือง Mantuaจึงอุทิสแด่ท่านนักบุญแอนดรู
พระธาตุศักดิ์สิทธิ์ถูกเก็บรักษาไว้ในห้องพิเศษใต้พระแท่นบูชาของมหาวิหารและเก็บไว้ในหีบที่ล็อคด้วยกุญแจ 12 ดอกซึ่งมีคน 4 คนเป็นผู้ถือกุญแจแต่ละดอด
การเปิดห้องนี้เป็นเรื่องยุ่งยากมากและต้องไขด้วยกุญแจเป็นลำดับที่ถูกต้อง
มีการนำพระธาตุออกมาแสดงปีละหนึ่งครั้งในวันศุกร์ศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งมีพิธีกรรมพิเศษจัดขึ้น
พระธาตุถูกนำออกมาจากห้องพิเศษโดยพระสังฆราชและพระสงฆ์
พิธีกรรมสั้นๆจะมาจบลงที่ใต้ไม้กางเขนที่อยู่ในมหาวิหาร
มีพระธาตุพระโลหิตของพระเยซูเจ้าอยู่หลายแห่งทั่วโลก
ยังมีพระธาตุพระโลหิตและน้ำจากสีข้างของพระเยซูเจ้าที่มหาวิหารนักบุญยอห์น ลาเตรัน
พระธาตุที่เป็นที่รู้จักกันดีอีกชิ้นหนึ่งคือ พระธาตุพระโลหิตแห่ง Bruges ซึ่งจะถูกนำออกมาแสดงในทุกวันศุกร์และทุกวันเป็นเวลาสองสัปดาห์ในเดือนพฤษภาคม ตามธรรมประเพณีเล่าว่า พระธาตุนี้ถูกนำมาจากกรุงเยรูซาเล็มหลังจากสงครามครูเสดครั้งที่สอง และถูกนำมาที่เบลเยี่ยมในปี 1150
************************
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น