ในตอนเย็นของวันที่ 2 พฤศจิกายน 1936 อันเป็นวันระลึกถึงผู้ตาย นักบุญโฟสตินาได้ไปที่สุสาน หลังจากสวดภาวนาที่นั่นครู่หนึ่ง เธอไปที่โบสถ์น้อยและสวดภาวนาเพื่อวอนขอ “พระคุณการุณย์” ตามที่เธอเขียนไว้ในไดอารี่ (748)
พระคุณการุณย์จากการสวดภาวนาของเธอเป็นพระคุณพิเศษที่พระศาสนจักรมอบให้ทุกปีในช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน คริสตชนผู้ศรัทธาสามารถได้รับพระคุณการุณย์ครบบริบูรณ์สำหรับช่วยเหลือวิญญาณในไฟชำระ
วันรุ่งขึ้นหลังจากวันที่นักบุญโฟสตินาสวดภาวนาในสุสาน ในระหว่างพิธีมิสซา,เธอเห็น “นกพิราบขาวสามตัวบินทะยานขึ้นจากแท่นบูชาสู่สวรรค์” เธอเข้าใจทันทีว่าวิญญาณทั้งสามนี้พร้อมกับวิญญาณอื่นๆมากมาย,ได้ไปสวรรค์แล้ว
สามปีก่อนหน้านี้,ในปี 1933 นักบุญโฟสตินาได้รับการเยี่ยมเยียนจากวิญญาณของซิสเตอร์ผู้หนึ่งที่อยู่ในคณะเดียวกันซึ่งเสียชีวิตเมื่อสองเดือนก่อน ซิสเตอร์ผู้นี้ “อยู่ในสภาพที่แย่มาก ร่างทั้งหมดอยู่ในเปลวไฟ ใบหน้าของเธอบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด” โฟสตินาเพิ่มการสวดภาวนาเพื่อเธอ ในคืนถัดมา นักบุญโฟสตินารู้สึกประหลาดใจที่เห็นซิสเตอร์ผู้นั้นกลับมาอีกครั้งในสภาพที่เลวร้ายยิ่งกว่าเดิม ท่ามกลางเปลวเพลิงที่เข้มข้นยิ่งกว่าเดิม "มีข้อความเขียนไว้บนใบหน้าของเธอ"
“คำภาวนาของฉันไม่ได้ช่วยเธอเลยหรือ?” โฟสตินาถาม
ซิสเตอร์ตอบว่าคำภาวนาของเธอไม่ได้ช่วยเลย และไม่มีอะไรจะช่วยเธอได้
“และคำภาวนาที่ทุกคนในคณะได้สวดเพื่อเธอล่ะ ไม่ได้ช่วยอะไรเธอเลยหรือ”
ซิสเตอร์ตอบว่า “ไม่! คำภาวนาเหล่านี้ไปช่วยเหลือวิญญาณอื่นๆ แทน”
“ถ้าคำภาวนาของฉันไม่สามารถช่วยเหลือเธอได้ ซิสเตอร์,ได้โปรดอย่ามาหาฉันอีกเลย” เมื่อโฟสตินาพูดเช่นนี้, วิญญาณก็หายไปทันที
ถึงกระนั้น นักบุญโฟสตินายังคงสวดภาวนาเพื่อซิสเตอร์ผู้นั้นต่อไป
ต่อมาไม่นาน วิญญาณของซิสเตอร์คนเดิมก็กลับมาอีกในตอนกลางคืน คราวนี้รูปลักษณ์ของเธอเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง เปลวเพลิงหายไปและ "ใบหน้าของเธอสาดส่องรังสี,ดวงตาของเธอเปล่งประกายด้วยความปิติยินดี" โฟสตินาเขียนไว้ในไดอารี่ (58) ของเธอ ซิสเตอร์บอกกับโฟสตินาว่าเธอมีความรักที่แท้จริงต่อเพื่อนมนุษย์และวิญญาณอื่นๆมากมายได้รับประโยชน์จากการสวดภาวนาของเธอ
“เธอกระตุ้นให้ฉันไม่หยุดสวดภาวนาเพื่อวิญญาณในไฟชำระ และเธอพูดอีกว่าตัวเธอเองก็จะไม่อยู่ที่นั่นอีกต่อไป” โฟสตินาเขียน “วิถีของพระเจ้าช่างน่าประหลาดใจจริงๆ!”
ถึงแม้ว่าซิสเตอร์ผู้นี้จะยังอยู่ในไฟชำระในครั้งที่สามที่เธอไปเยี่ยมโฟสตินา ระดับความทุกข์ของเธอก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ด้วยความหวังและการสวดภาวนาที่มุ่งมั่นของโฟสตินา,เธอได้เปลี่ยนจากความทุกข์ทรมานและความสิ้นหวังไปสู่ความสดใสและความปิติยินดี เธอยังไม่ได้อยู่บนสวรรค์ แต่เธอกำลังเดินทางไปยังสวรรค์
“มีเพียงพวกเราเท่านั้นที่สามารถช่วยพวกเขาได้”
การช่วยเหลือวิญญาณในไฟชำระโดยการสวดสายประคำ / Wikimedia Commons
ในปี1926,ประมาณสิบปีก่อนนักบุญโฟสตินาเห็นวิญญาณทั้งสามบินขึ้นไปบนสวรรค์ในระหว่างพิธีมิสซา เธอทูลถามพระเยซูเจ้าในคืนหนึ่งว่าเธอควรสวดภาวนาให้ใคร พระเยซูบอกเธอว่า พระองค์จะทรงแจ้งให้เธอทราบในคืนถัดมา คืนถัดมา,เธอเห็นอารักขเทวดาของเธอ ท่านพาเธอไปยังสถานที่ “ที่ขุ่นมัวเต็มไปด้วยไฟซึ่งมีวิญญาณจำนวนมากกำลังทนทุกข์ทรมาน”
โฟสตินาเขียนไว้ใน Diary (20) ว่า "พวกเขากำลังสวดภาวนาอย่างสุดจิตใจ" แต่ก็ไม่มีผลอะไรเลยสำหรับตัวพวกเขาเอง มีเพียงพวกเราเท่านั้นที่สามารถช่วยเหลือพวกเขาได้”
เธอถามวิญญาณเหล่านั้นว่าความทุกข์ทรมานที่สุดของพวกเขาคืออะไร และมีเสียงตอบกลับมาเป็นเสียงเดียวว่าการทรมานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของพวกเขาคือความปรารถนาในพระเจ้า
จากนั้นโฟสตินาเห็นแม่พระเสด็จมาเยี่ยมดวงวิญญาณในไฟชำระและนำความสดชื่นมาให้พวกเขา หลังจากนั้น อารักขเทวดาของเธอก็พาเธอออกไปจากไฟชำระ
“ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ฉันก็ใกล้ชิดกับวิญญาณที่ทุกข์ทรมานมากขึ้น” เธอเขียนในไดอารี่
ดังที่โฟสตินาได้เห็นในนิมิตของเธอ, วิญญาณในไฟชำระไม่สามารถสวดภาวนาเพื่อตนเองได้ ดังนั้น แม้ว่าซิสเตอร์ที่เสียชีวิตไปแล้วซึ่งมาเยี่ยมเธอในปี 1933 ได้สวดภาวนาอย่างสุดความสามารถเพื่อให้รอดพ้นจากเปลวเพลิงและความสิ้นหวัง คำอธิษฐานภาวนาของเธอก็ไม่เป็นผล ในแผนการณ์ลึกลับของพระเจ้า ซิสเตอร์ต้องการคำภาวนาของผู้มีความเชื่อซึ่งอยู่บนแผ่นดินโลกเพื่อจะหลุดพ้นจากความทุกข์ทรมานของเธอ
ในทำนองเดียวกัน วิญญาณทั้งหมดในไฟชำระในเวลานี้ต้องการคำอธิษฐานภาวนาของพวกเราเป็นอย่างมาก ไม่ว่าพวกเขาจะสวดภาวนาเพื่อตนเองอย่างหนักเพียงใด คำภาวนาของพวกเขาเองก็ไม่สามารถช่วยพวกเขาได้ มีแต่น้ำใจของพวกเราเท่านั้นที่จะช่วยพวกเขาได้
แม้ว่าวิญญาณในไฟชำระจะไม่สามารถอธิษฐานภาวนาเพื่อตนเองได้ แต่พวกเขาสามารถอธิษฐานภาวนาเพื่อผู้อื่นได้ และในการแสดงความเมตตาซึ่งกันและกันที่สวยงาม ถ้าเราอธิษฐานภาวนาเพื่อพวกเขา พวกเขาก็จะอธิษฐานภาวนาเพื่อเรา คำสอนของพระศาสนจักร (958) กล่าวว่า “คำอธิษฐานภาวนาของเราเพื่อพวกเขาไม่เพียงแต่สามารถช่วยพวกเขาได้เท่านั้น แต่ยังช่วยให้การแทรกแซงช่วยเหลือของพวกเขาบังเกิดผลด้วย”
คำอธิษฐานภาวนาของเราเพื่อพวกเขาคือกุญแจสำคัญที่จะปลดล็อกคำอธิษฐานภาวนาของพวกเขาเพื่อเรา!
กองทัพแห่งการสวดภาวนากำลังรอที่จะช่วยเหลือเราอยู่ในไฟชำระ เมื่อเราสวดภาวนาเพื่อพวกเขา เราสามารถขอให้พวกเขาแทรกแซงช่วยเหลือเราได้ ดังนั้นเราก็จะได้รับพระพรอันยิ่งใหญ่จากการสวดภาวนาของพวกเขาเป็นการตอบแทน
การสวดภาวนาทุกครั้ง ไม่ว่าเล็กหรือใหญ่,สำหรับดวงวิญญาณในไฟชำระ,จะช่วยพวกเขา แม้ว่าจะมีการสวดภาวนาเพื่อคนที่ไปถึงสวรรค์แล้ว คำภาวนานั้นก็จะนำไปใช้กับวิญญาณอีกดวงหนึ่ง ไม่มีคำภาวนาใดที่สูญเปล่า ไม่มีกิจการแห่งความรักใดๆต่อวิญญาณผู้ศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่ได้รับการตอบสนอง ไม่มีการถวายใดๆที่จะล้มเหลวในการนำมาซึ่งการปลอบโยน,การบรรเทาใจ,และความสดใสแห่งสวรรค์จะมาสู่วิญญาณที่ทุกข์ทรมานเหล่านี้
พระคุณการุณย์ครบบริบูรณ์ในเดือนพฤศจิกายน
ในต้นเดือนพฤศจิกายน คริสตชนสามารถได้รับพระคุณการุณย์ครบบริบูรณ์สำหรับวิญญาณในไฟชำระ เช่นเดียวกับที่นักบุญโฟสตินาทำ โดยไปที่สุสานตั้งแต่วันที่ 1-8 พฤศจิกายน และสวดภาวนาที่นั่นเพื่อคนตาย หรือโดยการไปโบสถ์หรืออารามในคณะต่างๆในวันที่ 2 พฤศจิกายนและสวดบท ข้าแต่พระบิดาและบทข้าพเจ้าเชื่อ ส่วนวันอื่นๆจะรับพระคุณการุณย์ไม่ครบบริบูรณ์ได้(สำหรับปีนี้ที่เกิดโรคระบาดโควิด-19 พระศาสนจักรอนุญาตให้รับพระคุณการุณย์ครบบริบูรณ์ได้ตลอดทั้งเดือน)
เพื่อให้ได้รับพระคุณการุณย์นี้,คริสตชนคาทอลิกต้องอยุ่ในสถานะพระหรรษทานต้องมีความตั้งใจที่จะรับพระคุณการุณย์และปฏิบัติตามเงื่อนไขต่อไปนี้
ตั้งแต่วันที่ 1-8 พ.ย. ให้ไปที่สุสานและสวดภาวนาเพื่อผู้ตายที่นั่น แม้จะเป็นเพียงสวดภาวนาภายในใจ หรือในวันที่ 2 พฤศจิกายน ไปโบสถ์หรืออารามคณะต่างๆและสวดบทข้าแต่พระบิดาและบทข้าพเจ้าเชื่อ
สารภาพบาป (การสารภาพบาปครั้งเดียวภายใน 20 วันก่อนหรือหลังจะได้รับพระคุณการุณย์เพียงพอสำหรับการปลดปล่อยวิญญาณเพียงดวงเดียวภายในระยะเวลานั้น)
รับศีลมหาสนิท (หนึ่งครั้งสำหรับรับพระคุณการุณย์แต่ละครั้ง)
สวดบทข้าแต่พระบิดาอย่างน้อยหนึ่งบทและบทวันมารีย์ตามพระประสงค์ของพระสันตปาปา
ไม่ยึดติดกับบาปทั้งปวง รวมถึงบาปเบาด้วย*
สามารถรับพระคุณการุณย์ได้หนึ่งครั้งในแต่ละวัน และรับพระคุณการุณย์ไม่ครบบริบูรณ์ได้ถ้าปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนด
*หมายเหตุ-เกี่ยวกับเงื่อนไขสุดท้ายนี้: บางครั้งผู้คนสงสัยว่าเป็นไปได้หรือไม่ที่พวกเขาจะหลุดพ้นจากบาปเบา ผมเชื่อว่าคำตอบนี้มีอยู่ในมาระโก 10 เมื่อพระเยซูทรงบอกเหล่าสาวกของพระองค์ว่าการเข้าสู่อาณาจักรของพระเจ้านั้นยากเพียงใด และพวกเขาสงสัยว่าใครจะรอดได้
“สำหรับมนุษย์เป็นไปไม่ได้ แต่ไม่ใช่สำหรับพระเจ้า” พระเยซูบอกพวกเขาว่า “ทุกสิ่งเป็นไปได้สำหรับพระเจ้า”
ถึงแม้จะเป็นไปไม่ได้สำหรับเราที่จะหลุดพ้นจากความบาปโดยสิ้นเชิง แต่สำหรับพระเจ้าทุกสิ่งเป็นไปได้ ดังที่มัทธิว 7 เตือนเราว่า “จงขอแล้วท่านจะได้รับ” เพราะพระบิดาในสวรรค์ทรงประทาน “ของดีแก่ผู้ที่วอนขอจากพระองค์” ให้เราทูลขอพระองค์ให้พ้นจากบาปทั้งปวงเถิด
พระเจ้าทรงอยู่ฝ่ายเรา พระองค์ทรงประสงค์ให้เราได้รับพระคุณการุณย์นี้เพื่อเป็นการกระทำแห่งกุศลเพื่อวิญญาณในไฟชำระ และพระองค์จะทรงช่วยเราปฏิบัติตามเงื่อนไขได้ถ้าเราเพียงแต่วอนขอจากพระองค์
ข้าแต่พระเจ้า โปรดประทานการพักผ่อนตลอดนิรันดร์แก่เขาเถิด ขอให้แสงสว่างนิรันดรทอแสงมาสู่เขา ขอให้ดวงวิญญาณของเขาได้พักผ่อน โดยอาศัยพระเมตตาของพระเจ้าเทอญ อาแมน
************************
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น