วันเสาร์ที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564

นิมิตของนักบุญเทเรซาแห่งอาวิลา

 



 
โอ้ ประสบการณ์ที่ลึกลับของเทเรซาแห่งอาวีลา!
 
และเธอนำเราผ่านจากความลึกนั้นไปยังที่สูงของพระเจ้าได้อย่างไร
 
การอ่านงานเขียนของเธอนั้นดีกว่างานเขียนของทางโลกมากสักเพียงใด
 
เธอเล่าถึงนิมิตที่เธอได้รับในหนังสืออัตชีวประวัติของเธอ
 
“ดิฉันอยู่ในอารามของคณะนักบุญดอมินิกผู้รุ่งโรจน์,กำลังคิดถึงความบาปมากมายที่ดิฉันได้สารภาพในบ้านหลังนั้นและเรื่องอื่นๆ เกี่ยวกับชีวิตที่ชั่วร้ายของดิฉัน แล้วมีบางสิ่งมายึดจิตใจของฉันอย่างรุนแรงจนเกือบดึงจิตวิญญาณของฉันออกจากร่างตัวเองโดยสิ้นเชิง” เทเรซาเล่าในหนังสืออัตชีวประวัติของเธอ เหตุการณ์นี้เกิดในวันฉลองแม่พระรับเกียรติยกขึ้นสู่สวรรค์ “ฉันนั่งลงและฉันระลึกขึ้นได้ว่าฉันยังไม่ได้สวดภาวนาหรือร่วมพิธีมิสซาเลย และต่อมาสิ่งนี้ทำให้ฉันรู้สึกวิตกกังวล
 
“ในขณะที่อยู่ในสภาพนี้ ฉันคิดว่าฉันเห็นตัวเองสวมอาภรณ์สีขาวสว่างไสว ตอนแรกฉันมองไม่เห็นว่าใครเป็นคนสวมอาภรณ์ให้ฉัน แต่ต่อมาฉันเห็นแม่พระอยู่ทางขวามือและท่านพ่อนักบุญโยเซฟอยู่ทางซ้าย และพวกท่านเป็นผู้สวมอาภรณ์นั้นให้ฉัน
 
“ฉันได้รับความเข้าใจว่าตอนนี้ฉันได้รับการชำระให้สะอาดจากบาปของฉันแล้ว” เธอกล่าวต่อ — ซึ่งเตือนเราให้คิดถึงเรื่องราวอื่นๆเกี่ยวกับสวรรค์ (โดยที่ผู้ที่เดินทางไปนรกต้องสวมเสื้อคลุมที่เก่าสกปรก) “เมื่อสวมอาภรณ์เสร็จแล้ว ฉันประสบกับความสุขและความปิติยินดีอันยิ่งใหญ่ที่สุด ฉันคิดว่าพระแม่มารีย์ทรงจับมือฉันและทรงบอกฉันว่าฉันกำลังมอบความสุขแก่พระนางด้วยการที่ฉันรับใช้นักบุญโยเซฟ”
 
เชื่อกันว่าความปิติยินดีที่เกิดกับเทเรซานี้เกิดขึ้นระหว่างปี 1561 ในโบสถ์น้อยที่รู้จักกันในชื่อ Santisimo Cristo ซึ่งอยู่ในโบสถ์ Saint Thomas ในเมือง Avila ประเทศสเปน เธอยังได้รับคำแนะนำให้เชื่อฟังพระสังฆราชด้วย ไม่ว่าความปรารถนาหรือแผนการณ์ของเธอจะเป็นอย่างไร เธอกล่าวว่านี่คือสิ่งที่พระเจ้าทรงพอพระทัย — และจะทำให้บังเกิดผลในที่สุด (เพราะพระเจ้าทรงทำงานผ่านขั้นตอนของพระศาสนจักร)
 
เธอยังได้เห็นนิมิตของนรกด้วย (เช่นเดียวกับเด็กๆแห่งฟาติมา)
 
“ความรู้สึกของฉัน” เธอกล่าว “ฉันคิดว่า ไม่ได้พูดเกินจริง และไม่มีใครสามารถเข้าใจความรู้สึกเหล่านั้นได้ ฉันรู้สึกถึงไฟในจิตวิญญาณของฉัน ซึ่งเป็นธรรมชาติที่ฉันไม่สามารถอธิบายได้อย่างสมบูรณ์ ร่างกายของฉันได้รับความเจ็บปวดทุกข์ทรมานเป็นอย่างมาก ถึงแม้ในชีวิตของฉัน,ฉันต้องทนทุกข์ทรมานหลายอย่างคล้ายกับสิ่งนี้ อย่างเช่นความเจ็บปวดที่สุดเท่าที่จะทนได้,ตามที่หมอคนหนึ่งพูด,เช่นการหดตัวของเส้นประสาทในช่วงที่เป็นอัมพาตของฉัน และตามที่ฉันได้บอกไปแล้ว,มันมาจากการกระทำของปีศาจ—ความทรมานแม้ที่เล็กน้อยที่สุดก็ไม่สามารถเปรียบได้กับสิ่งที่ฉันรู้สึกในตอนนั้น ความทรมานเหล่านั้นไม่รู้จบสิ้นและไม่มีวันหยุดหย่อน
 
“ในจุดที่เลวร้ายนั้น ที่ซึ่งฉันแทบไม่มีพลังที่จะหวังว่าจะได้รับความบรรเทา มันเป็นไปไม่ได้ที่จะนั่งหรือนอน เพราะไม่มีที่ว่างให้ทำเช่นนั้น
 
“ฉันถูกขังไว้ในสถานที่นี้ซึ่งดูเหมือนรูในกำแพง และกำแพงเหล่านั้น น่ากลัวมากเมื่อเห็น มันเจาะลงมาที่ฉันและกักขังฉันไว้อย่างสมบูรณ์ ไม่มีแสงสว่างและทุกอย่างอยู่ในความมืดมิดที่สุด” แล้วปีศาจล่ะ? มันมีกี่ประเภท!มันเล่นสนุกกับเหยื่อของมันอย่างไร!
 
ในช่วงเวลาของการทำสงครามฝ่ายจิต เทเรซาพูดถึงตัวเอง “ถ้าหากพระเยซูเจ้าผู้ทรงฤทธานุภาพ, อย่างที่ฉันเห็นพระองค์ทรงเป็น และถ้าหากปีศาจเป็นทาสรับใช้ของพระองค์ (ซึ่งไม่ต้องสงสัยเลย เพราะนี่เป็นข้อความเชื่อ) พวกมันจะทำร้ายฉันได้อย่างไร ฉันซึ่งเป็นผู้รับใช้ของพระเยซูเจ้า,องค์พระมหากษัตริย์?
 
“ฉันจะล้มเหลวได้อย่างไรในการที่จะมีความเข้มแข็งเพียงพอที่จะต่อสู้กับนรกทั้งหมด?
 
“ดังนั้นฉันจึงถือไม้กางเขนไว้ในมือ และดูเหมือนว่าพระเจ้าจะประทานความกล้าหาญให้ฉัน” เธอเขียน
 
“ในช่วงเวลาสั้นๆ ฉันพบว่าฉันกลายเป็นคนละคน และฉันก็ไม่ควรกลัวที่จะต่อสู้กับปีศาจ เพราะด้วยความช่วยเหลือจากไม้กางเขนนั้น ฉันเชื่อว่าฉันสามารถเอาชนะพวกมันได้ทั้งหมด”
 


“ปีศาจเหล่านี้ทำให้พวกเรากลัวเป็นอย่างมาก เพราะเราทำให้ตัวเองถูกคุกคามด้วยการผูกมัดตัวเองโดยสิ่งต่างๆของโลก – ด้วยเกียรติยศชื่อเสียง,ทรัพย์สินและความพึงพอใจทางโลก” อาทิเช่น การพูดคุยกันในโบสถ์แทนที่จะแสดงความศรัทธา การพูดคุยเรื่องการเมืองแทนที่จะพูดถึงแก่นสารคาทอลิก
 
“เมื่อสิ่งนี้เกิดขึ้น” นักบุญเทเรซากล่าวถึงความผูกพันทางโลก “[ปีศาจ] เข้าร่วมเป็นกองกำลังกับเรา เพราะด้วยความรักและปรารถนาในสิ่งที่เราควรจะเกลียด เราจึงกลายเป็นศัตรูของตัวเราเอง และมันจะทำร้ายเราเป็นอย่างมาก . เราทำให้มันมาต่อสู้กับเราด้วยอาวุธของเราเอง ซึ่งเราใส่ไว้ในมือของมัน ทั้งๆที่เราควรจะใช้มันในการป้องกันตัวเราเอง
 
“นั่นเป็นเรื่องที่น่าเวทนาเป็นอย่างยิ่ง หากเพียงแต่เราจะเกลียดทุกสิ่งเพื่อเห็นแก่พระเจ้าและโอบกอดกางเขนและพยายามรับใช้พระองค์ในความจริง ปีศาจก็จะบินหนีไปจากความจริงเหล่านี้ราวกับหนีจากโรคระบาด”
 
โรคระบาดดูเหมือนเป็นสิ่งที่ควรจะหนีในยุคสมัยนี้
 
ให้ปีศาจหมกมุ่นอยู่กับสิ่งนั้น แทนที่จะเป็นตัวเรา: โรคระบาด
 
โอ้ โปรดปลดปล่อยเราให้เป็นอิสระด้วยเถิดพระเจ้าข้า,
 
“พระเจ้าข้า โปรดอย่าให้ลูกเป็นหนึ่งในคนเหล่านั้น!” นักบุญเทเรซาเขียนไว้ “ขอพระองค์โปรดช่วยลูกให้พบกับความบรรเทาที่แท้จริง เพื่อที่จะเรียกเกียรติว่าเป็นเกียรติอย่างแท้จริง และให้ปีติยินดีในสิ่งที่เป็นความปิติยินดีอย่างแท้จริง ไม่ใช่เป็นอย่างอื่นที่ตรงข้าม
 
“ฉันจะไม่สนใจหรือกลัวปีศาจทั้งหมดในนรก
 
“พวกมันต่างหากที่ต้องกลัวฉัน”
 
[นำมาจาก: books and booklets of devotion]
 
************************
 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น