วันจันทร์ที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564

นักบุญคุณพ่อปีโอ กับเสียงสะท้อนของหัวใจ

 


BY- JEANNIE EWING
 
“อย่าออกจากพระแท่นบูชาไปโดยมิได้หลั่งน้ำตาแห่งความเศร้าโศกและเพิ่มพูนความรักต่อพระเยซูเสียก่อน พระองค์ถูกตรึงกางเขนเพื่อความรอดนิรันดรของท่าน พระแม่มารีย์แห่งความทุกข์จะทรงอยู่กับท่านและดลใจท่าน” 
..คุณพ่อปีโอ
 
การถูกซ่อนมีความหมายว่าอะไร เป็นการแบกภาระที่ไม่มีใครมองเห็น หรือจับต้อง หรือเข้าใจได้นอกจากพระเจ้าแต่เพียงผู้เดียวเช่นนั้นหรือ? มีการตรึงกางเขนแห่งหัวใจที่พิเศษโดยเฉพาะ ซึ่งนักบุญคุณพ่อปีโอให้คำจำกัดความว่าเป็นเสียงสะท้อนของหัวใจ เพราะหัวใจที่ซ่อนเร้นรู้ว่าความรักและความทุกข์ไม่สามารถแยกจากกันได้
 
เมื่อนักบุญคุณพ่อปีโอได้รับการประทับรอยแผลศักดิ์สิทธิ์ครั้งแรก ท่านได้เรียนรู้อย่างรวดเร็วว่าความรักเป็นประเภทหนึ่งของความตาย ความซับซ้อนของความรักในความทุกข์ปรากฏชัดตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา และท่านก็เข้าใจมากขึ้นถึงความลึกลับของการถูกแทงที่หัวใจซึ่งเชื่อมโยงกับการที่ดวงพระทัยของแม่พระถูกแทงด้วยดาบ และนี่อาจเป็นเหตุผลที่ทำให้คุณพ่อปีโอมี ความศรัทธาต่อแม่พระมหาทุกข์ เพราะท่านเองก็ประสบกับรอยบาดแผลนี้ในหัวใจของท่านที่พระเยซูเจ้าทรงเปลี่ยนแปลงให้กลายเป็นความรัก
 
เช่นเดียวกัน,สำหรับเรา,ความทุกข์สามารถแปลเป็นความซับซ้อนฝ่ายจิตของความรักในความทุกข์ นักวิทยาศาสตร์ได้บันทึกหลักฐานทางสรีรวิทยาของภาวะหัวใจที่แตกสลาย ในมุมมองที่ว่า ในความเป็นจริง,หัวใจรู้สึกเจ็บปวดเมื่อได้รับความทุกข์ทรมานจากการสูญเสีย ความเศร้าโศกทำให้รู้สึกว่าเวลาเนิ่นนานเหมือนฤดูหนาวอันไม่สิ้นสุด มันเป็นฤดูแห่งความทุกข์ และข้อเท็จจริงที่แปลกประหลาดก็คือ ชีวิตที่ดำเนินไปอย่างยืดเยื้อนี้สามารถเพิ่มความสามารถของคนๆนั้นในการที่จะรักได้จริง
 
หัวใจที่บาดเจ็บสามารถเป็นแหล่งของความรักที่ยิ่งใหญ่ได้
 
พวกเราส่วนใหญ่ไม่มีวันเข้าใจว่าทำไมความทุกข์ทรมานอันน่าสยดสยองจึงเกิดขึ้นกับบุคคลที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุด ในเวลาเดียวกัน เมื่อเราเข้าใกล้พระเยซูมากขึ้น พระองค์ทรงเชื้อเชิญเราให้เข้าสู่พระมหาทรมานของพระองค์เช่นกัน ในความทุกข์นี้ เป็นการเชื้อเชิญที่เจาะจงมาก—นักบุญคุณพ่อปีโอได้รับพระหรรษทานพิเศษเพื่อบอกผู้คนที่มาขอการเยียวยารักษาจากท่าน บาดแผลทั้งร่างกายและจิตใจของท่านกลายเป็นแรงผลักดันในการเยียวยารักษาผู้อื่น
 
สิ่งที่เกิดขึ้นกับหัวใจที่เจ็บปวดของเราเองก็เหมือนกัน ผมคิดถึงบทสดุดี 139 อยู่บ่อยๆซึ่งกล่าวว่า “สำหรับพระองค์ แม้ความมืดก็ไม่ได้มืดมิด กลางคืนก็ยังส่องแสงเหมือนกลางวัน และความมืดจะเป็นเหมือนแสงสว่างให้แก่ท่าน” พระเจ้าทรงสร้างทั้งความสว่างและความมืด มันอยู่ในความลึกลับของความมืดมิดแห่งความทุกข์ ที่เราสามารถทำได้ ถ้าหากเราเดินตามรอยเท้าของนักบุญผู้ลึกลับเช่นคุณพ่อปีโอ โดยการเรียนรู้ที่จะรักในหนทางที่บริสุทธิ์และสมบูรณ์
 
ความทุกข์สามารถทำให้เราขมขื่นและออกห่างจากพระเจ้า หรือสามารถดึงเราเข้าใกล้พระเจ้ามากขึ้น แม้ว่าสิ่งนี้จะไม่เคยเป็นส่วนหนึ่งของพระประสงค์อันสมบูรณ์แบบของพระเจ้า แต่ก็จะไม่มีอะไรสูญเปล่าไป ถ้าหากเรารวมบาดแผลของเราเข้ากับรอยบาดแผลของพระหฤทัยอันศักดิ์สิทธิ์ของพระเยซูเจ้า ความเศร้าโศกของเราก็จะมาถึงจุดหนึ่งที่เราตระหนักว่าพระเจ้าอาจไม่ทรงขจัดความทุกข์ของเราออกไป กางเขนของเราจะเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตของเราเสมอ และภาระจะยังคงอยู่—บางครั้งก็บดขยี้เรา บางครั้งความทุกข์ก็กลับกลายเป็นสิ่งที่ “ง่ายและเบา” ภายใต้พระหรรษทานที่ช่วยบรรเทาใจ
 
ประเด็นไม่ได้อยู่ที่เราขอให้ความทุกข์ของเราหมดไป แต่ขอให้เปลี่ยนเป็นความรัก และนั่นคือสิ่งที่เสียงสะท้อนของหัวใจมีความหมายต่อนักบุญคุณพ่อปีโอและต่อนักบุญอื่นๆมากมายที่เรียกมันด้วยชื่ออื่น นั่นหมายถึงการยังคงทนทุกข์ทรมานในหัวใจจากการสูญเสีย เรายังคงมีประสบการณ์แห่งความทุกข์ ไม่ว่าเราจะถูกเรียกให้เข้าร่วมมากน้อยเพียงใดก็ตามในพระมหาทรมานของพระเยซูเจ้า แต่เราก็เป็นทุกข์ในความรัก
 
บางทีเราอาจไม่มีวันเรียนรู้ที่จะทนรับความทุกข์อย่างสมบูรณ์ในระหว่างการแสวงบุญบนโลกนี้ของเรา แต่ประเด็นคือไม่มีความจำเป็นที่ทุกอย่างต้องสมบูรณ์แบบ (สิ่งนี้สงวนไว้สำหรับสวรรค์) มันย่อมเป็นความทุกข์อยู่ดี มันอาจดูเหมือนการแบกกางเขนที่มองไม่เห็น อาทิเช่นความเจ็บป่วยทางจิต,ไมเกรน,ความเหนื่อยล้าเรื้อรัง,โรคแพ้ภูมิต้านทานตนเอง,โรคข้ออักเสบ และอื่นๆที่กลายเป็นประตูสู่ความรักของเรา
 
ความทุกข์,เมื่อเรามอบให้พระเยซูอย่างต่อเนื่อง จะทำให้เรามีความอดทนต่อความทุกข์ยากรอบตัวเรามากขึ้นด้วย เราอดทนมากขึ้น มีความเห็นอกเห็นใจมากขึ้น หากปราศจากไม้กางเขนที่ปรับให้เหมาะกับแต่ละบุคคลและหัวใจที่เจ็บปวดที่มาจากสิ่งที่เราเผชิญอยู่,เราอาจไม่ได้รับการขัดเกลาในคุณธรรมที่จำเป็นสำหรับการชำระให้บริสุทธิ์
 
แบบอย่างการทนทุกข์อย่างเงียบๆของนักบุญคุณพ่อปีโอ แปลได้ว่าเราอาจปล่อยให้ความทุกข์ของเราหลั่งไหลออกมา เช่นเดียวกับพระโลหิตและน้ำที่ไหลออกจากพระสีข้างของพระเยซูคริสต์ เพื่อถวายเป็นยัญบูชาแด่พระเจ้า เพื่อพระองค์จะทรงเติมเต็มเราด้วยพระองค์เอง เมื่อเรายอมรับทุกสิ่งที่พระผู้เป็นเจ้าทรงอนุญาตให้เกิดขึ้นกับเรา รวมถึงความมืดและความแห้งแล้งฝ่ายจิตที่ใหญ่ที่สุด สิ่งนี้จะทำให้หัวใจของเราจะขยายไปสู่ความรักอย่างเต็มที่มากขึ้น ลึกซึ้งและสมบูรณ์ยิ่งขึ้น
 

 


************************
 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น