วันอาทิตย์ที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2565

แม่พระประจักษ์ที่คัวปา,นิคารากัว

 



การประจักษ์ที่เป็นเสียงสะท้อนของฟาติมา
 
แม่พระประจักษ์ที่คัวปา(Cuapa),นิคารากัว ซึ่งได้รับการรับรองแล้วและสาส์นจากแม่พระสอดคล้องกับสาส์นหลักของแม่พระแห่งฟาติมาเพื่อเตือนผู้คนถึงสิ่งสำคัญนั่นคือการสวดสายประคำและการทำเสาร์ต้นเดือนห้าครั้ง การประจักษ์นี้เป็นดังเสียงสะท้อนของฟาติมา
 
ในปี 1980 ที่เมืองคัวปา(Cuapa) ค่อนข้างไปทางตอนกลางของประเทศนิคารากัว — 59 ไมล์ทางตะวันออกเฉียงเหนือของมานากัวซึ่งเป็นเมืองหลวง วันที่ 15 เมษายน 1980,ขณะที่เบอร์นาร์โด มาร์ติเนซ(Bernardo Martinez)กำลังทำงานในฐานะฆราวาสผู้ช่วยพระสงฆ์ในโบสถ์ธรรมดาๆแห่งหนึ่ง ที่เรียกว่า "โบสถ์น้อยเก่าแก่", เขาได้เห็นรูปปั้นของพระแม่มารีย์ส่องแสงงดงามเหนือธรรมชาติ ซึ่งเป็นวิธีที่สวรรค์ประกาศว่าเขาจะได้เห็นพระแม่มารีย์ในไม่ช้า
 
ต่อมาเขาจะเล่าให้พระสังฆราชฟังถึงจุดเริ่มต้นนี้และทุกสิ่งที่จะตามมา สิ่งนี้ไม่ใช่เป็นสิ่งตามธรรมชาติเพราะ “แสงสว่างมาจากพระรูปแม่พระ” เขาเขียน “นั่นเป็นความลึกลับที่ยิ่งใหญ่สำหรับผม ด้วยแสงที่มาจากพระรูป ซึ่งสว่างจนทำให้เราสามารถเดินได้โดยไม่สะดุด และมันเป็นเวลากลางคืน”
 
แม่พระทรงประจักษ์มา
 

ในเดือนพฤษภาคม ซึ่งเป็นเดือนเดียวกับที่พระแม่ทรงประจักษ์ครั้งแรกที่ฟาติมา แม่พระทรงประจักษ์ต่อเบอร์นาร์โด และเช่นเดียวกับที่ฟาติมา,แม่พระทรงประจักษ์แก่เขาในเดือนอื่นๆด้วย ครั้งสุดท้ายที่ทรงประจักษ์คือเดือนตุลาคม
 
เบอร์นาร์โดอธิบายว่าหลังจากฟ้าแลบ มีเมฆสีขาวบริสุทธิ์ปรากฏขึ้นบริเวณที่แม่พระทรงประทับยืนอยู่:
 
ทรงสวมอาภรณ์ชุดยาวสีขาว,มีสายรัดประคดรอบเอว,แขนยาว. ผ้าคลุมพระเศียรสีครีมอ่อนปักสีทองที่ขอบ พระหัตถ์ทั้งสองประสานกันอยู่บริเวณทรวงอก เหมือนกับรูปปั้นแม่พระฟาติมา ผมอยู่นิ่งไม่เคลื่อนไหว,ไม่มีความคิดที่จะวิ่งหนีหรือตะโกน ผมไม่รู้สึกกลัว,แต่รู้สึกประหลาดใจ.
 
เขาอธิบายว่า “พระนางทรงกางพระกรออก — เหมือนกับรูปในเหรียญอัศจรรย์ที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน แต่ได้เห็นในภายหลัง พระนางทรงกางพระกรและมีแสงที่แรงกว่าดวงอาทิตย์พุ่งออกจากพระหัตถ์ของพระนาง”
 
ในลักษณะที่คล้ายกันกับการประจักษ์ครั้งแรกของแม่พระที่ฟาติมาในเดือนพฤษภาคม ลูซีอาได้บรรยายถึงลักษณะที่แม่พระทรงกางพระหัตถ์ออกและเด็กๆที่เห็นแม่พระก็ “ถูกอาบด้วยแสงสว่างจากสวรรค์ซึ่งมาจากพระหัตถ์ของพระนางโดยตรง แสงนั้นแทรกเข้าไปในหัวใจและจิตวิญญาณของเรา และเรารู้ดีว่าแสงนี้คือพระเจ้า และเราสามารถเห็นตนเองโอบรับความสว่างนั้นได้”
 
ที่เมืองคัวปา,ดูเหมือนพระแม่มารีย์กำลังส่งเสียงสะท้อนมาจากฟาติมาในลักษณะเดียวกัน เบอร์นาร์โดถามชื่อของพระนาง
 
“พระนางตอบผมด้วยเสียงที่ไพเราะที่สุดที่ผมเคยได้ยินในผู้หญิงคนไหน,แม้แต่คนที่พูดอย่างอ่อนโยนที่สุด พระนางทรงตอบผมโดยตรัสว่าชื่อของพระนางคือมารีย์... พระนางทรงบอกผมด้วยเสียงที่อ่อนโยนว่า:
 
"แม่มาจากสวรรค์,แม่เป็นมารดาของพระเยซู"
 
เขาถามว่าพระนางทรงประสงค์อะไร และเช่นเดียวกับที่ฟาติมา พระนางทรงบอกเขาว่า:
 
แม่ต้องการให้มีการสวดสายประคำทุกวัน...แม่ต้องการให้มีการสวดอย่างถาวร,ภายในครอบครัว...รวมทั้งบรรดาลูกๆที่โตพอจะเข้าใจ...ขอให้สวดสายประคำตามเวลาที่กำหนดเมื่อไม่มีปัญหากับการงานในบ้าน
 
เบอร์นาร์โดอธิบายในเวลาต่อมาว่า “พระนางทรงบอกผมว่าพระเจ้าไม่พอพระทัยการสวดภาวนาแบบที่เราทำด้วยความเร่งรีบหรือเหมือนจักรกล ด้วยเหตุนี้พระนางจึงทรงแนะนำให้เราสวดสายประคำพร้อมด้วยการอ่านบทสดุดีของพระคัมภีร์และให้เรานำพระวาจาพระเจ้านั้นมาปฏิบัติ” เขาถามว่าบทสดุดีนั้นอยู่ที่ไหน? “พระนางทรงบอกให้ผมค้นหาหนังสือในพระคัมภีร์” (หมายเหตุ - สายประคำ150 เม็ดเท่ากับบทสดุดี150 บท)
 
แม่พระกล่าวต่อไปว่า
 
จงรักซึ่งกันและกัน ปฏิบัติตามภาระผูกพันที่ลูกมี จงสร้างสันติ. อย่าวอนขอสันติภาพจากพระเจ้า, เพราะถ้าลูกไม่สร้างสันติภาพ,ก็จะไม่มีสันติภาพ
 
จำไว้ว่า,ระหว่างที่แม่พระประจักษ์ที่ฟาติมาครั้งแรกในวันที่ 13 พฤษภาคม แม่พระบอกเด็กๆว่า จงสวดสายประคำทุกวัน เพื่อนำสันติภาพมาสู่โลกและยุติสงคราม ในเดือนกรกฎาคม แม่พระบอกเด็กๆแห่งฟาติมาว่า จงสวดสายประคำทุกวันเพื่อเป็นเกียรติแก่แม่พระแห่งสายประคำ เพื่อให้ได้มาซึ่งความสงบสุขของโลกและการสิ้นสุดของสงคราม เพราะมีเพียงแม่พระเท่านั้นที่จะทำให้ได้รับสิ่งนี้ได้ แม่พระยังทรงกล่าวในเดือนกรกฎาคมว่า ถ้าลูกทำตามสิ่งที่แม่บอกลูก วิญญาณจำนวนมากจะรอด และจะมีสันติภาพ
 
แล้วภาระผูกพันหมายถึงอะไร? มันอาจจะเป็นหน้าที่ประจำวันของเราใช่ไหม?
 
ในคัวปามีการเชื่อมโยงกับฟาติมาอีกครั้ง พระมารดาของเราทรงบอกกับเบอร์นาร์โดว่า
 
จงทำวันเสาร์ต้นเดือนห้าครั้ง ลูกจะได้รับพระหรรษทานมากมายเมื่อทุกคนทำเช่นนี้
 
เบอร์นาร์โดยอมรับว่า ก่อนหน้านี้ผู้คนเคยไปสารภาพบาปและรับศีลมหาสนิททุกวันเสาร์ต้นเดือนแต่ตอนนี้พวกเขาไม่ได้ทำเช่นนั้นอีกต่อไปแล้ว
 
แล้วแม่พระตรัสว่า
 
นิคารากัวได้รับความเดือดร้อนมากมายตั้งแต่เกิดแผ่นดินไหว นิคารากัวถูกคุกคามด้วยความทุกข์ทรมานมากยิ่งขึ้น นิคารากัวจะต้องทนทุกข์ต่อไปถ้าลูกไม่เปลี่ยนแปลงชีวิต
 
จงสวดภาวนา,สวดภาวนา,ลูกของแม่ สวดสายประคำสำหรับโลกทั้งโลก จงไปบอกแก่ผู้ที่เชื่อและผู้ไม่เชื่อว่าโลกกำลังถูกคุกคามจากอันตรายร้ายแรง แม่ได้วอนขอต่อพระเจ้าให้ทรงระงับพระยุติธรรมของพระองค์ แต่หากลูกไม่เปลี่ยนเปลี่ยนแปลงชีวิต พระองค์จะเร่งการมาถึงของสงครามโลกครั้งที่สาม!!
 
อย่าลืมว่าที่ฟาติมาระหว่างการประจักษ์ในเดือนกรกฎาคม พระแม่มารีย์ทรงเตือนว่า:
 
สงครามนี้ [หมายถึงสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง] จะยุติลง แต่ถ้ามนุษย์ไม่หยุดทำเคืองพระทัยพระเจ้า สงครามที่เลวร้ายยิ่งกว่าอีกจะเริ่มต้นขึ้นในรัชสมัยของพระสันตะปาปาปิอุสที่ 11 เมื่อลูกเห็นค่ำคืนที่สว่างไสวด้วยแสงที่แปลกปประหลาดและไม่รู้จัก จงรู้ไว้เถิดว่ามันเป็นสัญญาณที่พระเจ้าประทานให้ลูกว่าพระองค์กำลังจะลงโทษโลกด้วยสงคราม [สงครามโลกครั้งที่สอง] และด้วยความหิวโหยและการเบียดเบียนพระศาสนจักรและพระสันตะปาปาผู้ศักดิ์สิทธิ์
 
การประจักษ์ครั้งต่อไป
 
เมื่อวันที่ 8 มิถุนายน พระมารดาประทานสาส์นแก่เบอร์นาร์โด “เป็นสาส์นเดียวกันกับที่พระนางเคยประทานในครั้งแรก” เขาเขียน จากนั้นเขาได้ส่งคำวอนขอที่ประชาชนมากมายที่วอนขอต่อพระนาง “แม่พระทรงตอบโดยตรัสว่า: บางคนจะได้รับ, และบางคนจะไม่ได้ คำวอนขอเหล่านี้และคำตอบของแม่พระสะท้อนถึงสิ่งที่ลูซีอาและแม่พระแห่งฟาติมาทรงกระทำ
 
และเช่นเดียวกับที่เด็กๆแห่งฟาติมาได้เห็นนิมิตของแม่พระและครอบครัวศักดิ์สิทธิ์ในเดือนตุลาคมบนท้องฟ้า พระแม่มารีได้สั่งเบอร์นาร์โดว่า “จงมองดูท้องฟ้า”
 
เขาทำตาม,และแม่พระ “ได้แสดงบางสิ่งที่เหมือนกับภาพยนตร์” ในระหว่างนั้นเขารู้สึกว่า “ตัวเขาถูกเคลื่อนย้าย” และได้เห็นคนกลุ่มต่างๆรวมทั้งกลุ่มคนจากชุมชนคริสตชนยุคแรก,ซึ่งเวลานี้อยู่ในความปิติสุขของสวรรค์,ได้เห็นประชาชนกลุ่มแรกที่ได้รับสายประคำจากแม่พระ,ได้เห็นว่าในปัจจุบันมีฝูงชนจำนวนนับไม่ถ้วนถือสายประคำ
 
เบอร์นาร์โดได้เห็นประวัติศาสตร์ของสายประคำปรากฏต่อหน้าเขา เขาเห็นขบวนของนักบุญ ซึ่งภายหลังเขาเชื่อว่าเป็นชาวโดมินิกัน แต่งกายด้วยชุดขาวและสวดสายประคำขณะรำพึงใคร่ครวญพระวาจาในพระคัมภีร์
 
แม่พระตรัสว่า:
 
แม่ได้แสดงให้ลูกเห็นถึงความรุ่งโรจน์ของพระเจ้าแล้ว และประชาชนทั้งหลายจะได้รับสิ่งนี้หากลูกเชื่อฟังพระเจ้า,เชื่อฟังและปฏิบัติตามพระวาจาของพระองค์ ถ้าหากลูกบากบั่นในการสวดสายประคำศักดิ์สิทธิ์และนำพระวาจาขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาปฏิบัติ
 
วันที่ 8 กรกฎาคม แม่พระประจักษ์มาในความฝัน,เบอร์นาร์โดเขียนว่าแม่พระทรงบอกให้เขา “สวดภาวนาเพื่อนิคารากัวและคนทั้งโลกเพราะอันตรายร้ายแรงกำลังคุกคามโลกอยู่” อีกครั้งที่สิ่งนี้เป็นดังเสียงสะท้อนของฟาติมา,เพราะโลกขาดสันติภาพเมื่อโลกเพิกเฉยต่อคำแนะนำของแม่พระ
 
วันที่ 8 ก.ย. ณ.ที่สถานที่ประจักษ์ แม่พระทรงขอให้แบร์นาร์โด ฟื้นฟูวิหารศักดิ์สิทธิ์ขององค์พระผู้เป็นเจ้า [หมายถึงตัวเรา] ในตัวลูกคือความพอพระทัยสำหรับพระเจ้า แม่พระตรัสว่า: จงรักกันและกัน,รักกันและกันเถิด. ให้อภัยซึ่งกันและกัน จงสร้างสันติ. อย่าวอนขอก่อน จงสร้างสันติภาพ!
 
“สันติภาพ” ถูกกล่าวถึงมากกว่าหนึ่งครั้งที่ฟาติมาเช่นกัน
 
เบอร์นาร์โดบอกแม่พระว่าชาวเมืองต้องการสร้างโบสถ์เพื่อถวายเกียรติแด่พระนาง แต่แม่พระตรัสว่า "พระเจ้าไม่ได้ต้องการโบสถ์ที่เป็นวัตถุ พระองค์ต้องการพระวิหารที่มีชีวิต ซึ่งก็คือตัวของลูกเอง"
 
ก่อนที่จะทรงจากไป,พระแม่บอกเบอร์นาร์โดว่า พระนางกำลังจะกลับไป ในวันที่ 13 ต.ค. เป็นอีกครั้งที่เชื่อมโยงกับฟาติมา วันที่ 13 ต.ค. เป็นวันที่แม่พระประจักษ์ครั้งสุดท้ายในเมืองคัวปาเช่นเดียวกับที่ฟาติมา
 
การประจักษ์วันที่ 13 ตุลาคม
 
ขณะที่เบอร์นาร์โดร่วมกับคนอื่นๆกำลังสวดภาวนาอยู่ที่สถานที่ประจักษ์ แม่พระก็ทรงประจักษ์มาและทรง “กางพระหัตถ์ออกและรังสีแห่งแสงส่องมาถึงพวกเราทุกคน”
 
เขากล่าวต่อ “พระนางทรงยกพระหัตถ์ที่ระดับทรวงอกในตำแหน่งที่คล้ายกับรูปปั้นของแม่พระมหาทุกข์...พระพักตร์ซีด,เสื้อคลุมของพระนางเปลี่ยนเป็นสีเทา,พระพักตร์โศกเศร้า,และพระนางก็ร้องไห้ และผมก็ร้องไห้เหมือนกัน ผมตัวสั่นเมื่อเห็นพระนางทรงเป็นเช่นนั้น”
 
จำได้ไหมวันที่ 13 ต.ค. ที่ฟาติมา พระแม่มารีย์ทรงปรากฏพระองค์เป็นแม่พระแห่งสายประคำ,แม่พระแห่งภูเขาคาร์เมล,และแม่พระมหาทุกข์ด้วย
 
เมื่อเบอร์นาร์โดถามว่าทำไมพระนางจึงทรงร้องไห้ พระนางตอบว่า
 
"แม่รู้สึกเศร้าใจที่ได้เห็นความแข็งกระด้างในจิตใจของคนเหล่านั้น แต่ลูกจะต้องสวดภาวนาเพื่อพวกเขา,เพื่อที่พวกเขาจะได้เปลี่ยนแปลง"
 
ที่ฟาติมาเมื่อวันที่ 13 ต.ค. แม่พระบอกกับเด็กๆ ว่า:
 
ผู้คนต้องแก้ไขชีวิตของพวกเขาและวอนขอการอภัยบาปของพวกเขา พวกเขาจะต้องไม่ทำเคืองพระทัยพระเจ้าอีกต่อไป เพราะพระองค์ทรงได้รับการล่วงเกินมากเกินไปแล้ว!
 
ก่อนหน้านี้ที่ฟาติมา เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม พระแม่มารีย์ทรงแนะนำในทำนองเดียวกันว่า:
 
จงทำพลีกรรมเพื่อให้คนบาปกลับใจ,สวดภาวนาบ่อยๆโดยเฉพาะอย่างยิ่งสวดในเวลาที่ทำพลีกรรมว่า: พระเยซูเจ้าข้า,การพลีกรรมนี้เพื่อความรักต่อพระองค์ เพื่อการกลับใจของคนบาป และเพื่อชดเชยต่อการกระทำผิดล่วงเกินต่อดวงหทัยนิรมลของพระแม่มารีย์
 
ในเดือนสิงหาคม แม่พระตรัสกับเด็กๆแห่งฟาติมา ว่า:
 
สวดภาวนาบ่อยๆ,สวดภาวนามากๆ,ทำพลีกรรมเพื่อให้คนบาปกลับใจ, วิญญาณจำนวนมากตกนรกเพราะไม่มีใครเต็มใจช่วยพวกเขาด้วยการสวดภาวนาและทำพลีกรรมเพื่อพวกเขา
 
กลับมายังคัวปาในวันที่ 13 ต.ค. พระแม่มารีย์ยังคงประจักษ์ต่อไป โดยทรงตรัสย้ำในวิธีที่ต่างไปจากที่ทรงเคยตรัสไว้ก่อนหน้านี้ และยังเป็นเสียงสะท้อนของฟาติมาด้วยว่า:
 
• สวดสายประคำ, รำพึงถึงรหัสธรรมลึกลับ 
• ฟังพระวาจาของพระเจ้าที่ตรัสไว้ในนั้น 
• จงรักกันและกัน. รักกันและกันเสมอ. 
• จงให้อภัยซึ่งกันและกัน สร้างสันติ. อย่าวอนขอสันติภาพโดยไม่ได้สร้างสันติภาพ เพราะถ้าไม่สร้างสันติภาพก็ไม่มีประโยชน์ที่จะวอนขอ 
• จงปฏิบัติตามภาระผูกพันของลูก (ลูซีอาแห่งฟาติมาเปิดเผยว่าสิ่งนี้หมายถึงการทำหน้าที่ประจำวันของเราโดยถือเป็นการทำพลีกรรมอย่างหนึ่ง) 
• นำพระวาจาของพระเจ้าไปปฏิบัติ 
• แสวงหาวิธีที่จะทำให้พระเจ้าพอพระทัย 
• รับใช้เพื่อนบ้านของเราในแบบที่จะทำให้เขาพอใจ
 
หลังจากที่แม่พระตรัสเช่นนี้,เพื่อเป็นการตอบคำวอนขอของผู้คนที่เบอร์นาโดนำมาส่งให้แม่พระ แม่พระตรัสว่า:
 
"จงวอนขอความเชื่อเพื่อให้มีความเข้มแข็ง เพื่อแต่ละคนจะได้แบกกางเขนของตน ความทุกข์ของโลกนี้ไม่สามารถขจัดออกไปได้ ความทุกข์ยากเป็นไม้กางเขนที่ลูกต้องแบก นั่นคือวิถีทางของชีวิต ถ้าหากมีปัญหากับสามี กับภรรยา กับลูก กับพี่น้อง จงพูดคุย,สนทนากัน,เพื่อปัญหาจะได้รับการแก้ไขอย่างสันติ อย่าหันไปใช้ความรุนแรง ไม่ให้ใช้ความรุนแรงอย่างเด็ดขาด จงสวดภาวนาวอนขอความเชื่อเพื่อที่ลูกจะได้มีความอดทน"
 
ก่อนที่แม่พระจะทรงจากไป พระนางทรงย้ำอีกครั้งในลักษณะที่เป็นเสียงสะท้อนสาส์นแห่งฟาติมา:
 
"อย่าโศกเศร้าไปเลย แม่อยู่กับพวกลูกทุกคนแม้ว่าลูกจะไม่เห็นแม่
 
แม่,เป็นแม่ของพวกลูกทุกคน,ทั้งคนบาปด้วย จงรักกันและกัน. ให้อภัยซึ่งกันและกัน จงสร้างสันติภาพ เพราะถ้าลูกไม่ทำ มันก็จะไม่มีสันติภาพ
 
อย่าหันไปใช้ความรุนแรง ไม่ให้ใช้ความรุนแรงอย่างเด็ดขาด
 
นิการากัวได้รับความเดือดร้อนอย่างมากตั้งแต่เกิดแผ่นดินไหวและจะดำเนินต่อไปหากลูกไม่เปลี่ยนแปลงชีวิต
 
ถ้าลูกไม่เปลี่ยนแปลง ลูกจะเร่งให้สงครามโลกครั้งที่สามมาถึงเร็วขึ้น!! จงสวดภาวนา,สวดภาวนา,ลูกเอ๋ย เพื่อโลกทั้งโลก
 
แม่ไม่เคยลืมลูกๆของตนฉันใด แม่ก็ไม่ลืมสิ่งที่ลูกต้องทนทุกข์ทรมาน แม่เป็นแม่ของพวกลูกทุกคน รวมทั้งคนบาปด้วย"
 
เกี่ยวกับเรื่องนี้ พระแม่มารีย์ทรงขอให้เราสวดภาวนาวิงวอนต่อพระนางด้วยคำภาวนานี้: ข้าแต่พระแม่มารีย์พรหมจารีย์,พระแม่ทรงเป็นแม่ของลูก,ทรงเป็นแม่ของลูกทุกคนผู้เป็นคนบาป...
 
แม่พระยังประทานบทภาวนานี้แก่เบอร์นาร์โดด้วย:
 
ข้าแต่พระแม่มารีย์แห่งชัยชนะ ธิดาสุดที่รักของพระเจ้า,พระบิดา โปรดประทานความเชื่อของพระแม่แก่ลูกด้วย ข้าแต่พระมารดาของพระเจ้า,องค์พระบุตร โปรดประทานความหวังแก่ลูก ข้าแต่เจ้าสาวอันศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้า,องค์พระจิตเจ้า โปรดประทานความรักของพระแม่แก่ลูกและโปรดปกคลุมพวกเราด้วยเสื้อคลุมของพระแม่ด้วยเทอญ
 
พระนามแม่พระแห่งชัยชนะ เดิมเป็นชื่อของวันฉลองที่พระสันตะปาปาปีอุสที่ 5 ทรงประกาศให้จัดขึ้นหลังจากชัยชนะที่เลปันโต และในไม่ช้าก็เปลี่ยนเป็นวันฉลองแม่พระแห่งสายประคำ ซึ่งเป็นฐานะที่พระแม่มารีย์ทรงระบุที่ฟาติมา
 
การรับรองการประจักษ์
 
ในปี 1982 ผู้ช่วยพระสังฆราช Bosco M. Vivas Robelo แห่งอัครสังฆมณฑลแห่งมานากัว อนุญาตให้จัดพิมพ์คำบรรยายการประจักษ์ของพระแม่มารีย์ในเมือง Cuapa พระสังฆราชปาโบล อันโตนิโอ เวกา มานตียาแห่งจุยกาลปา (สังฆมณฑลแห่งการประจักษ์) กำลังศึกษาความถูกต้องของเหตุการณ์ “เพื่อที่จะสามารถช่วยในการเล็งเห็นคุณค่าที่แท้จริงของสาส์น” ในปี 1994 พระสังฆราชโรเบโลซึ่งเป็นผู้นำ สังฆมณฑลเลออนกล่าวว่า “ข้าพเจ้าได้อนุญาตให้ตีพิมพ์เรื่องราวของการประจักษ์ของพระนางมารีอาในคัวปาและสาส์นที่ส่งถึงเบอร์นาร์โด มาร์ติเนซ ... ขอให้เอกสารฉบับนี้ช่วยผู้ที่อ่านให้ได้พบกับพระเยซู พระคริสต์ในพระศาสนจักรโดยอาศัยการรำพึงถึงพระมารดาของพระเจ้าของเรา” 
 
ต่อมาเบอร์นาร์โด มาร์ติเนซ ได้บวชเป็นพระสงฆ์
 
เสียงสะท้อนของฟาติมาดังขึ้นอีกครั้งหนึ่ง
 
************************
 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น