วันพุธที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2565

นักบุญผู้ถูกพ่อแม่ทอดทิ้งตั้งแต่เด็ก

 

พระสันตะปาปาฟรังซิสได้สถาปนา มาร์กาเร็ตแห่งคาสเตลโล(Margaret of Castello)ขึ้นเป็นนักบุญของพระศาสนจักรสากล
 
พระสันตะปาปาฟรังซิสทรงทราบถึงความศักดิ์สิทธิ์ของหญิงพิการตาบอด,ผู้ที่ถูกบิดามารดาปฏิเสธและละทิ้งตั้งแต่เด็ก เธอคือนักบุญมาร์กาเร็ตแห่งคาสเตลโล พระสันตะปาปาทรงสถาปนาเธอขึ้นเป็นนักบุญในพระศาสนจักรสากล (วันฉลอง 13 เมษายน) นี่เป็นการรับรู้ถึงความศักดิ์สิทธิ์ของมาร์กาเร็ตผ่านกระบวนการที่เรียกว่า equivalent (หรือ equipollent) canonization
 
เรื่องราวของมาร์กาเร็ตเป็นเรื่องที่สะเทือนหัวใจของทุกคน บิดามารดาของเธอปฏิเสธเธอเพราะความพิการของเธอ พวกเขาซ่อนเธอไว้หลายปีแล้ว,ขังเธอไว้ในห้องขังที่สร้างขึ้นข้างๆโบสถ์น้อย และสุดท้ายพวกเขาก็ทอดทิ้งเธอในเมืองที่เธอไม่รู้จักใครเลย
 
เธออาศัยในเมืองนั้นในฐานะขอทานตาบอด, มาร์กาเร็ตฝึกฝนชีวิตแห่งการสวดภาวนาและกลายเป็นที่รู้จักในด้านความศักดิ์สิทธิ์ มาร์กาเร็ต (1287-1320) ได้เข้าเป็นโดมินิกันชั้นที่สาม
 
กระบวนการEquivalent canonization
 
พระสันตะปาปาฟรังซิสทรงรับรองนักบุญจำนวนหนึ่งด้วยกระบวนการEquivalent canonization อันได้แก่ ปีเตอร์ เฟเบอร์, มารีแห่งการเสด็จมาบังเกิด(Marie of the Incarnation), และแองเจลาแห่งโฟลิกโน
 
พระสันตะปาปาเบเนดิกต์ที่16 เคยใช้วิธีนี้ในการสถาปนานักบุญนักบุญฮิลเดการ์ดแห่งบิงเงน,ซึ่งเป็นที่รู้จักในฐานะนักปราชญ์ของพระศาสนจักรด้วย
 
พระสันตะปาปาเบเนดิกต์ที่14 ทรงเป็นผู้ให้กำเนิดกระบวนการนี้อย่างเป็นทางการในปี 1700 พระสันตะปาปาเชิญพระศาสนจักรสากลให้จัดงานฉลองของนักบุญด้วยพิธีมิสซาและการแสดงความเคารพ
 
ขบวนการเพื่อชีวิต(The pro-life movement)
 
เนื่องจากความพิการทางร่างกายของมาร์กาเร็ตและความจริงที่ว่าพ่อแม่ของมาร์กาเร็ตคิดว่าเธอไม่ควรเกิดมา นักบุญมาร์กาเร็ตจึงได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้อุปถัมภ์เด็กที่ไม่มีใครต้องการ ด้วยเหตุนี้เธอจึงเป็นผู้วิงวอนที่ทรงพลังสำหรับขบวนการเพื่อชีวิต
 
-------------------
 
ประวัติของมาร์กาเร็ตแห่งคาสเตลโล
 
มาร์กาเร็ตแห่งคาสเตลโล(1287-1320)สร้างความอับอายให้กับพ่อแม่ผู้เป็นขุนนางสูงศักดิ์ของเธอ บิดามารดาของมาร์กาเร็ต คิดว่าเธอไม่ควรเกิดมา นั่นคือสิ่งที่พ่อแม่ผู้สูงศักดิ์ของเธอคิดเมื่อมองดูทารกพิการเป็นครั้งแรก
 
เมื่อเธอโตขึ้น,เรื่องก็แย่ลงอีก, เธอมีรูปร่างแคระ,ตาบอด,ขาพิการ,หลังค่อม และบิดามารดาของเธอก็ตกตะลึง เมื่อคิดว่าสามีภรรยาที่ร่ำรวยและสวยงามอย่างพวกเขาไม่ควรมีลูกที่มีรูปร่างไม่พึงปรารถนาเช่นนี้! ด้วยความอับอาย,พวกเขาซ่อนมาร์กาเร็ตให้พ้นจากสายตาของพวกเขา
 
ในช่วงหกปีแรกในชีวิตของเธอ, พวกเขาเก็บเธอไว้ใต้บันได, ซ่อนเธอไว้ท่ามกลางคนรับใช้มากมายในปราสาทของพวกเขา เพื่อที่พวกเขาจะได้ไม่ต้องยอมรับว่าเธอเป็นลูกของพวกเขา
 
เมื่อมาร์กาเร็ตอายุได้หกขวบ การได้รับการดูแลเช่นนี้ก็นับว่ามากเกินไปแล้วสำหรับพ่อแม่ที่เอาแต่ใจของเธอ พวกเขาซ่อนมาร์กาเร็ตไว้ที่ห้องพักสำหรับนักพรต,เป็นห้องเล็กๆที่มีกำแพงกั้นที่สร้างขึ้นข้างโบสถ์น้อย พ่อแม่ของเธอตั้งใจให้เธออยู่ที่นั่นจนตาย ชาวบ้านที่น่าสงสารเมื่อได้ยินว่าเธอถูกทอดทิ้งและถูกล่วงละเมิด,รู้สึกขุ่นเคืองกับพฤติกรรมของพ่อแม่ แต่พวกเขาคิดแบบเดียวกันว่า จะดีกว่าถ้าเด็กไม่ได้เกิดมา
 
แต่มาร์กาเร็ตไม่เห็นด้วย ในช่วงที่เธออยู่กับคนรับใช้,เธอมีความยินดีมาก เห็นได้ชัดว่าเธอไม่รู้ว่าเธอแตกต่างจากเด็กคนอื่นๆ แม้ว่าพ่อแม่ของเธอจะทำร้ายเธอและขังเธอไว้ในคุกเล็กๆ มาร์กาเร็ตรู้สึกขอบคุณที่ได้อยู่ใกล้ศีลมหาสนิทศักดิ์สิทธิ์และไม่รู้สึกหวั่นไหวกับคำพูดที่โหดร้ายของพวกเขา มาร์กาเร็ตอยู่ในห้องขังเป็นเวลาเก้าปี ชีวิตภายในของเธอก็เติบโตขึ้นและลึกซึ้งขึ้นในขณะที่ความอาฆาตพยาบาทของพ่อแม่ของเธอยังคงไม่มีผลกับเธอ
 
หลังจากเก้าปีแห่งชีวิตครุ่นคิดฝ่ายจิต,พระสงฆ์ผู้ใจดีได้มาเยี่ยมเยียนเด็กหญิงผู้เฉลียวฉลาดอย่างน่าทึ่งในด้านเทววิทยาและจิตวิญญาณ แต่ต่อมาชีวิตของมาร์กาเร็ตกลับแย่ลงไปอีก, ด้วยความกังวลว่าเธอจะถูกค้นพบและทำให้ภาพลักษณ์ที่สวยงามสมบูรณ์แบบของพวกเขาต้องสลายไป พ่อแม่ของเธอจึงย้ายเธอไปที่ห้องขัง ห้องนี้อยู่ไกลจากโบสถ์และไม่สามารถเข้าถึงศีลมหาสนิทได้ การกีดกันนี้เป็นสิ่งที่ยากลำบากมากสำหรับมาร์กาเร็ตยิ่งกว่าการได้รับปันส่วนอาหารเพียงเล็กน้อยและการรักษาความเงียบ
 
ในที่สุดก็มีหวัง พ่อแม่ของมาร์กาเร็ตเคยได้ยินว่ามีอัศจรรย์เกิดขึ้นที่อาสนวิหารซึ่งอยู่ห่างออกไปไม่กี่ชั่วโมง,พวกเขาจึงตัดสินใจพาเธอไปที่นั่น พวกเขาหวังว่ามาร์กาเร็ตจะได้รับการรักษาให้หายขาด แต่ทั้งสองคนนี้ไม่มีความเชื่อที่แท้จริงในฤทธิ์อำนาจแห่งการรักษาของพระเจ้า พวกเขาพามาร์กาเร็ตเดินทางที่ยากลำบากซึ่งถูกปิดบังไว้อย่างแน่นหนา และนำเธอไปคุกเข่าในอาสนวิหารแห่งนั้น ที่นั่นพวกเขาทิ้งเธอไว้ให้สวดภาวนาเพียงลำพัง
 
มาร์กาเร็ตสวดภาวนาขอการเยียวยารักษา หากแต่ถ้าเป็นพระประสงค์ของพระเจ้าเท่านั้น หลายชั่วโมงต่อมา,พ่อแม่ของเธอเห็นว่าหลังของลูกสาวยังคดอยู่, รูปร่างของเธอยังคงผิดรูป พวกเขาจึงละทิ้งเธอไว้ตามชะตากรรม พวกเขาละทิ้งบุตรตาบอดที่ไม่เคยไปในที่สาธารณะมาก่อน โดยไม่บอกเธอว่าพวกเขากำลังจะจากไป
 
มาร์กาเร็ตสวดภาวนาจนประตูโบสถ์ถูกปิด, แล้วเธอต้องนอนที่ประตู เช้าวันรุ่งขึ้น, เจ้าหน้าที่เมืองบอกเธอว่าพ่อแม่ของเธอจากไปแล้ว พวกเขาช่างน่ากลัวยิ่งนัก,มาร์กาเร็ตรักพวกเขาและปฏิเสธที่จะตำหนิพวกเขาที่ทิ้งเธอไป,เพื่อไม่ให้เธอเป็นภาระที่พวกเขาไม่ต้องการ แม้ว่าเธอจะรู้สึกเสียใจอย่างที่สุด, แต่เธอก็ให้อภัยพวกเขา เธอไม่ปกปิดความขมขื่น, และดำเนินชีวิตที่เหนือกว่าทุกสิ่งที่พ่อแม่ของเธอเคยโอ้อวด
 
เมื่อเธอถูกทอดทิ้งครั้งแรก,มาร์กาเร็ตกลายเป็นขอทาน เธอได้รับการดูแลโดยชุมชนไร้บ้านในเมืองคาสเตลโล(Citta di Castello) เธอนอนหลับอยู่ข้างนอกเหมือนพวกเขา ถึงกระนั้นเธอก็เป็นเครื่องหมายแห่งความสุขสำหรับทุกคนที่ได้พบเธอ เธอยกย่องในความดีของพระเจ้าขณะที่ผู้คนส่วนใหญ่เห็นแต่เพียงความล้มเหลว ความสุขและความเมตตาของเธอสร้างความประทับใจให้ชาวเมืองจนในที่สุดข่าวลือเรื่องความศักดิ์สิทธิ์ของเธอก็ได้มาถึงคณะซิสเตอร์แห่งหนึ่งที่เชิญเธอให้เข้าร่วม น่าเสียดายที่พวกเขารู้สึกว่าความศักดิ์สิทธิ์ของมาร์กาเร็ตเป็นเหมือนการตำหนิชีวิตที่หละหลวมของพวกเขาและเยาะเย้ยเธอว่าแย่พอๆกับพ่อแม่ของเธอ ในที่สุด,พวกเขาก็ไล่เธอออกไปและเผยแพร่ข่าวลือในทางที่ไม่ดีเกี่ยวกับเธอไปยังชาวเมือง
 
หลังจากนั้นไม่นาน, มาร์กาเร็ตได้เข้าร่วมเป็นโดมินิกันชั้นที่สาม โดยอาศัยอยู่ในบ้านของเพื่อนบ้านที่ใจดี(ซึ่งพวกเขารู้สึกว่าช่างมีโชคดีที่ได้ต้อนรับเธอให้มาอยู่ด้วย) ตลอดชีวิตที่เหลือของเธอ,มาร์กาเร็ตดำเนินชีวิตในการพิจารณาฝ่ายจิตอย่างกระตือรือร้น เธอรับใช้ผู้ป่วยและผู้ที่กำลังจะตาย, เยี่ยมผู้ต้องขัง, ทำการอัศจรรย์มากมาย และบ่อยครั้งที่ร่างของเธอจะลอยขึ้นในอากาศเวลาที่สวดภาวนา
 
เมื่อมาร์กาเร็ตเสียชีวิต, ผู้คนหลายพันมาที่งานศพของเธอเพื่อยกย่องความดีและความรักของเธอ และเหนือสิ่งอื่นใดคือการที่เธอปฏิเสธยอมรับความขมขื่นเมื่อเผชิญกับความทุกข์ยากแสนสาหัส เด็กที่ไม่พึงปรารถนาซึ่ง “ไม่ควรเกิดมา” ผู้นี้ได้กลายเป็นนักบุญที่ยิ่งใหญ่ของพระเจ้า นำการปลอบโยนมาสู่จิตใจของผู้ที่อ่อนล้าและนำสง่าราศีมาสู่พระนามของพระเจ้า
 
ในวันที่ 13 เมษายน,เป็นวันฉลองของนักบุญมาร์กาเร็ตแห่งคาสเตลโล ขอให้เรามาร่วมกันสวดภาวนาเพื่อความเคารพต่อคุณค่าของทุกชีวิต โดยเฉพาะชีวิตของคนพิการ, ให้เราสวดภาวนาเพื่อการกลับใจของพ่อแม่ที่กระทำทารุณกรรมต่อลูกของตนและขอให้มีการดูแลรักษาเด็กที่ไม่มีใครต้องการ
 
นักบุญมาร์กาเร็ตแห่งคาสเตลโล โปรดภาวนาเพื่อพวกเราด้วยเทอญ!
 
************************
 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น