คำแนะนำสู่ชีวิตศรัทธา
โดยนักบุญฟรังซิส เดอ ซาลส์
ตอนที่3,บทที่8
อ่อนโยนต่อผู้อื่นและระงับความโกรธของตน
น้ำมันคริสมาที่พระศาสนจักรใช้ตามธรรมประเพณีของอัครสาวกนั้นทำมาจากน้ำมันมะกอกผสมbalzan(ยางหอม) เป็นสัญลักษณ์ของคุณธรรมสองประการซึ่งเป็นที่พอพระทัยเป็นพิเศษขององค์พระเยซูเจ้าที่รักของเรา และพระองค์ทรงเชิญชวนเราเป็นพิเศษ เพราะคุณธรรมนั้นชักนำเราให้มาหาพระองค์และสอนให้เราเลียนแบบพระองค์: "จงรับแอกของเรา แล้วเรียนรู้จากเรา เพราะเรามีใจถ่อมตนและสุภาพ" ความอ่อนน้อมถ่อมตนทำให้ชีวิตของเราเป็นที่ยอมรับต่อพระเจ้า ความอ่อนน้อมถ่อมตนทำให้เราเป็นที่ยอมรับของมนุษย์ อย่างที่ข้าพเจ้าเคยพูดไปก่อนหน้านี้แล้วว่า ยางหอมซึ่งจมลงสู่เบื้องล่างของของเหลวนั้นเป็นรูปหมายถึงความอ่อนน้อมถ่อมตน และน้ำมันที่ลอยขึ้นสู่เบื้องบน เป็นสัญลักษณ์แห่งความอ่อนโยนและความร่าเริง,ซึ่งลอยอยู่เหนือทุกสิ่งและอยู่เหนือกว่าทุกสิ่ง ดอกไม้แห่งความรัก,ซึ่งนักบุญเบอร์นาร์ดกล่าวว่า,มาถึงความสมบูรณ์ครบครันได้,ไม่เฉพาะแต่เพียงใช้ความอดทนเท่านั้น แต่ยังต้องใช้ความอ่อนโยนและความร่าเริงด้วย ดังนั้น,จงระวังให้ดีเถิด,จงรักษาน้ำมันคริสมาแห่งความอ่อนโยนและความอ่อนน้อมถ่อมตนนี้ไว้ในใจของท่าน เพราะมันเป็นเครื่องมือที่ศัตรูโปรดปรานในการทำให้ผู้คนพอใจแต่เพียงรูปลักษณ์ภายนอกของพระหรรษทานเหล่านี้ โดยไม่ตรวจสอบจิตใจภายในของพวกเขา และพวกเขาจินตนาการไปเองว่าตนเองมีความอ่อนโยนและอ่อนน้อมถ่อมตน,ทั้งๆที่พวกเขายังอยู่ห่างไกลจากคุณธรรมเหล่านี้ และสิ่งนี้สามารถรับรู้ได้ง่าย เพราะแม้ว่าพวกเขาจะมีความสุภาพเรียบร้อยและอ่อนน้อมถ่อมตน พวกเขาก็ยังถูกประจญด้วยความเย่อหยิ่งและความโกรธเคืองจากความผิดพลาดหรือความขัดแย้งที่เล็กน้อยที่สุด
มีความเชื่อที่แพร่หลายว่าผู้ที่รับประทานยาแก้พิษที่เรียกกันทั่วไปว่า "ของขวัญของนักบุญเปาโล" (Saint Paul's gift)จะไม่ต้องทนทุกข์ทรมานจากการถูกงูพิษกัด โดยมีเงื่อนไขว่าการรักษาจะต้องบริสุทธิ์ นั่นหมายถึง,บุคคลผู้นั้นต้องรักษาความอ่อนโยนและความอ่อนน้อมถ่อมตนที่แท้จริง,ซึ่งจะช่วยยับยั้งความร้อนและอาการบวมได้ การกระทำในสิ่งตรงกันข้ามจะทำให้เกิดความตื่นเต้นในจิตใจ และถ้าหากมีใครใส่ร้ายหรือพูดไม่ดีใส่เรา จะทำให้เราเย่อหยิ่งและโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ เป็นเครื่องพิสูจน์ว่าความอ่อนโยนและความอ่อนน้อมถ่อมตนของเรานั้นไม่ใช่ของจริงและเป็นเพียงการแสดงเท่านั้น
เมื่อโจเซฟส่งพี่น้องของเขาออกจากอียิปต์กลับไปยังบ้านบิดาของเขา เขาให้คำแนะนำเพียงข้อเดียวแก่พี่น้องว่า "จงระวังให้ดี อย่าออกนอกเส้นทาง" ดังนั้น,ท่านที่รักทั้งหลาย,ข้าพเจ้าขอบอกท่านว่า ชีวิตที่น่าสังเวชนี้เป็นเพียงถนนที่นำเราไปสู่ชีวิตที่มีความสุข อย่าให้พวกเราออกนอกเส้นทางไปทางอื่น ให้เราเดินทางไปพร้อมกับพี่น้องของเราอย่างอ่อนโยน,สงบสันติ,และมีเมตตากรุณา ข้าพเจ้าขอเน้นย้ำว่า ถ้าเป็นไปได้ อย่าออกนอกเส้นทางไปกับคนอื่น,และอย่าหาข้ออ้างใดๆก็ตามที่ทำให้ใจของท่านต้องยอมรับความโกรธและความรุนแรง
นักบุญยากอบกล่าวอย่างชัดเจนและไม่สงวนท่าทีว่า "ความโกรธของมนุษย์ไม่ได้มีผลต่อความชอบธรรมของพระเจ้า" แน่นอนว่าเป็นหน้าที่ที่จะต้องต่อต้านความชั่วร้ายและปราบปรามความผิดของผู้ที่เรารับผิดชอบอย่างมั่นคงและหนักแน่น แต่จงกระทำด้วยความอ่อนโยนและจิตใจที่สงบ ไม่มีสิ่งใดที่จะทำให้ช้างที่กำลังโกรธนิ่งเงียบได้เท่ากับสายตาของลูกแกะ และไม่มีอะไรจะหยุดยั้งพลังของลูกปืนใหญ่ได้เท่ากับขนสัตว์ การแก้ไขเยียวยาความโกรธจะทำได้ด้วยอาศัยเหตุผล และจะได้ผลมากเมื่อให้เหตุผลโดยปราศจากความโกรธ จิตใจของผู้มีเหตุผลจะยอมรับฟังเหตุผลโดยธรรมชาติ มีเพียงเผด็จการเท่านั้นที่ยึดติดกับความรุนแรง ที่ใดก็ตามที่เหตุผลถูกนำพาโดยความรุนแรง,มันจะกลายเป็นสิ่งที่น่ารังเกียจและเป็นเพียงกฎเกณท์ที่น่าขยะแขยง
เมื่อพระมหากษัตริย์เสด็จพระราชดำเนินเยือนบ้านเมืองอย่างสงบสุข,ราษฎรต่างปลื้มปีติยินดีและสรรเสริญ แต่ถ้ากษัตริย์ต้องยกทัพผ่านดินแดน,แม้จะกระทำในนามของความสงบสุข,การเสด็จเยือนของพระองค์จะไม่เป็นที่ต้อนรับและเป็นอันตรายอย่างแน่นอน เพราะไม่ว่าจะมีการบังคับใช้วินัยทหารอย่างเข้มงวดเพียงใด,ก็จะเกิดเหตุร้ายขึ้นกับประชาชนได้เสมอ เมื่อเหตุผลมีชัยชนะและมีการว่ากล่าวตักเตือน,มีการแก้ไขและลงโทษด้วยจิตใจที่สงบ แม้จะดูเคร่งครัด,แต่ทุกคนก็เห็นชอบและพึงพอใจ แต่ถ้าเหตุผลถูกขัดขวางโดยความโกรธและความเดือดดาล (ซึ่งนักบุญออกัสตินเรียกมันว่าทหาร) ความกลัวจะมีมากกว่าความรัก และเหตุผลเองจะถูกดูหมิ่นและต่อต้าน นักบุญออกัสตินได้เขียนถึงโปรฟูตูรุส,กล่าวว่าเป็นการดีกว่าที่จะปฏิเสธการเข้าสู่ความโกรธแม้เพียงเล็กน้อย และนั่นเพราะว่าเมื่อเข้าไปแล้วก็ยากที่จะกำจัดมันออกไปได้ และสิ่งที่เป็นเศษผงธุลีเพียงเล็กน้อยก็จะกลายเป็นไฟขนาดใหญ่ในไม่ช้า เพราะถ้าความโกรธยังคงอยู่จนถึงกลางคืน และดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้าตามความโกรธของเรา (อันเป็นสิ่งที่อัครสาวกห้ามไว้อย่างชัดเจน) ก็จะไม่มีทางกำจัดมันได้อีกต่อไป มันหล่อเลี้ยงความเพ้อฝันที่ไม่สิ้นสุด; เพราะไม่มีใครที่โกรธ,ที่ไม่คิดว่าความโกรธของเขานั้นเป็นสิ่งที่ถูกต้อง
จะเป็นสิ่งที่ดีกว่าที่จะเรียนรู้วิธีที่จะมีชีวิตอยู่โดยไม่โกรธ ดีกว่าที่จะจินตนาการว่าคนๆหนึ่งสามารถบรรเทาและควบคุมความโกรธได้ และถ้าด้วยจิตใจอ่อนแอและเปราะบางทำให้คนหนึ่งถูกความโกรธครอบงำ,การกำจัดมันออกไปก็ดีกว่าการประนีประนอมกับมัน เพราะหากปล่อยให้มีความโกรธทีละนิดแล้ว,มันจะกลายเป็นเจ้านาย เหมือนงูที่เลื้อยไปอย่างง่ายดายด้วยร่างกายของมัน,ไม่ว่าหัวจะไปทางไหนก็ตาม ท่านถามถึงวิธีดับความโกรธหรือ?,ท่านทั้งหลาย,เมื่อท่านรู้สึกถึงการเคลื่อนไหวครั้งแรก,ให้รวบรวมสติของตัวเองอย่างอ่อนโยนและจริงจัง,ไม่เร่งรีบหรือหุนหันพลันแล่น บางครั้ง,ในศาล,เจ้าหน้าที่ซึ่งคอยควบคุมความเงียบจะส่งเสียงดังมากกว่าคนอื่น ดังนั้น,หากท่านใจร้อนในการควบคุมอารมณ์,ท่านจะพาให้ใจของท่านไปสู่ความสับสนที่เลวร้ายยิ่งกว่าเดิม และท่ามกลางความตื่นเต้น,ท่านจะสูญเสียการควบคุมตนเองทั้งหมด
เมื่อกระทำอย่างอ่อนโยนแล้ว,จงทำตามคำแนะนำที่นักบุญออกัสตินผู้สูงวัยที่บอกให้กับออกซิลิอุส(Auxilius),พระสงฆ์ที่อายุน้อยกว่ากระทำ เขาพูดว่า "จงทำในสิ่งที่มนุษย์ควรทำ" ผู้ประพันธ์เพลงสดุดีร้องว่า "นัยน์ตาของข้าพเจ้าเดือดดาลด้วยความโกรธยิ่งนัก" และกล่าวต่อไปว่า "ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงเมตตาข้าพระองค์ด้วยเทอญ" เพื่อพระเจ้าจะทรงเหยียดพระหัตถ์ขวาออกควบคุมความโกรธของท่าน ข้าพเจ้าหมายถึงว่าเมื่อเรารู้สึกโกรธเคือง,เราควรขอความช่วยเหลือจากพระเจ้า เช่นเดียวกับอัครสาวก,เมื่อพวกเขาถูกพัดพาไปด้วยลมและพายุ และแน่นอนว่าพระองค์จะตรัสว่า "จงสงบนิ่งเถิด" แต่ถึงกระนั้น,ข้าพเจ้าขอเตือนท่านอีกครั้งว่า คำอธิษฐานของท่านเพื่อต่อต้านความรู้สึกโกรธนั้น,ให้ท่านทำอย่างนุ่มนวล,สงบ,และไม่รุนแรง จงจำกฎข้อนี้ไว้ในการเยียวยาความโกรธใดๆก็ตาม ยิ่งไปกว่านั้น,ทันทีที่ท่านรับรู้ถึงการกระทำแห่งความโกรธ จงชดใช้ความผิดด้วยการกระทำที่อ่อนโยนอย่างรวดเร็วต่อบุคคลที่ทำให้ท่านโกรธ มันเป็นการเยียวยารักษาความผิดพลาดของท่านที่พูดเท็จเพื่อปกป้องตัวเองด้วยความเท็จของท่าน และเช่นเดียวกัน,การเยียวยาความโกรธที่ดีคือการเยียวยาทันทีด้วยการกระทำที่ตรงข้าม,นั่นคือด้วยความสุภาพอ่อนน้อม มีคำกล่าวโบราณว่า แผลสด,ในไม่ช้าก็จะปิดลง
ยิ่งไปกว่านั้น,เมื่อไม่มีอะไรมากำจัดความโกรธของท่านได้,จงรีบสะสมความอ่อนโยนและความกรุณาไว้ พูดและทำในเรื่องเล็กและเรื่องใหญ่ให้อ่อนโยนที่สุดเท่าที่จะทำได้ โปรดจำไว้ว่าเจ้าสาวในบทเพลงของโซโลมอน,ถูกบรรยายไว้ว่าไม่เป็นเพียงแต่หยดน้ำผึ้งและน้ำนมจากริมฝีปากของเธอเท่านั้น แต่ยังมีอยู่ที่ใต้ลิ้นของเธอด้วย กล่าวคืออยู่ในหัวใจของเธอ ดังนั้น,เราต้องไม่เพียงแค่พูดกับเพื่อนบ้านของเราอย่างอ่อนโยนเท่านั้น แต่เราต้องเติมเต็มหัวใจและวิญญาณของเราด้วยความอ่อนโยนด้วย และเราต้องไม่เพียงแค่มอบความหวานของน้ำผึ้งหอมอย่างเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ต่อคนแปลกหน้าเท่านั้น แต่ยังต้องแสวงหาความหวานของน้ำนมในครัวเรือนของเราเองและของเพื่อนบ้านด้วย ความหวานที่ขาดหายไปในบางคนที่เป็นเหมือนเทวดาเมื่ออยู่นอกบ้าน,แต่เป็นปีศาจเมื่ออยู่ที่บ้าน!
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น