วันเสาร์ที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2566

ผู้ใกล้ตายที่เหินห่างพระเจ้าไปนาน

 

ภาพวาด”นักบุญฟรังซิสแห่งบอร์เจียกำลังช่วยวิญญาณของคนใกล้ตาย”วาดโดย Francisco de Goya ปี 1788,ปัจจุบันอยู้ในอาสนวิหารแห่งวาเลนเซีย
 

ประสบการณ์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของคุณพ่อเซบาสเตียน วอลช์ในฐานะพระสงฆ์คือการไปเยี่ยมผู้ใกล้เสียชีวิตที่เตียงแห่งความตายของพวกเขาและโปรดศีลศักดิ์สิทธิ์แก่พวกเขา สำหรับบางคนที่ห่างเหินจากพระเจ้าและพระศาสนจักร,เรื่องราวจากประสบการณ์ของคุณพ่อเซบาสเตียนน่าสนใจและทำให้เกิดความหวังมาก
 
คุณพ่อได้กล่าวในปาฐกถาเรื่อง “พระหรรษทานแห่งการกลับใจในเวลาใกล้ตาย(The Grace of Deathbed Conversions)” ในรายการทีวี The Coming Home Network International.
 
คุณพ่อเซบาสเตียนพูดว่า “ผมมองโลกในแง่ดีในฐานะพระสงฆ์เมื่อพูดคุยกับคนที่เป็นพ่อแม่ที่ลูกของพวกเขาห่างหายไปจากความเชื่อและดูเหมือนจะไม่มีความหวังที่จะดึงให้กลับมา”
 
“ผมมองโลกในแง่ดีเพราะผมเห็นว่าเกิดอะไรขึ้น ผมไปที่เตียงของบางคนที่ใกล้เสียชีวิตและมักได้พบกับเรื่องราวที่เหมือนเดิม … ‘ฉัน/ผมไม่ได้ไปโบสถ์มา 40 ปีแล้ว … ฉันหยุดปฏิบัติศาสนกิจตั้งแต่ยังเป็นวัยรุ่น’ และมีเสียงเรียกร้องเล็กๆในใจของพวกเขา เมื่อพวกเขาเข้าใกล้ความตาย,พระหรรษทานแห่งการกลับใจนี้ก็มาถึง และหลายครั้ง,คนที่ดูเหมือนว่าไม่ได้คิดที่จะกลับใจเลย,แต่พวกเขาได้กลับใจ”
 
คุณพ่อเซบาสเตียน วอลช์แบ่งปันเรื่องราวของหญิงผู้หนึ่งชื่อซินเทีย(Cynthia),เธอเป็นเพื่อนสมัยเด็กของท่าน เธอได้กลับใจมาสู่ความเชื่อ ต้องขอบคุณมิตรภาพกับครอบครัวกริมม์,ซึ่งเป็นครอบครัวคาทอลิกครอบครัวใหญ่ แม่ของซินเทียเสียชีวิตแล้ว และพ่อของเธอก็ไม่มีใครได้พบเห็นอีก ยายของเธอจึงเป็นคนเลี้ยงดูเธอ ยายของเธอเป็นคนต่อต้านคาทอลิกมาก แต่เมื่อคุณยายอายุครบ 100 ปีและสุขภาพของเธอทรุดโทรม เธอฝันซ้ำๆว่าได้รับเชิญไปงานสังสรรค์แต่ไปไม่ได้
 
การล้างบาปให้คนอายุ 100 ปี
 
ซินเทียขอให้คุณพ่อวอลช์ไปเยี่ยมคุณยายของเธอ ยายของเธอได้เล่าถึงความฝันที่เกิดขึ้นซ้ำๆโดยบอกว่าเธออาจได้รับเชิญให้ไปสวรรค์ในฐานะคริสตชนคาทอลิก แต่เธอไม่สามารถทำอย่างนั้นได้ถ้ายังไม่ได้รับศีลล้างบาปเสียก่อน
 
“คุณอยากรับรับศีลล้างบาปไหม?” คุณพ่อเซบาสเตียนถามคุณยาย
 
“นั่นคงจะดีมาก” เธอตอบ และอีกสองสามวันต่อมา,พระสงฆ์จากวัดใกล้เคียงก็ได้มาประกอบพิธีล้างบาปให้แก่คุณยายและโปรดศีลกำลังให้แก่คุณยาย เธอได้ไปร่วมพิธีมิสซาและรับศีลมหาสนิทหนึ่งครั้งก่อนที่เธอจะเสียชีวิต
 
“ขณะที่รับศีลล้างบาป,คุณยายบอกว่าแม่ของเธอคงจะมีความสุขมาก” คุณพ่อวอลช์เล่า
 
“ทำไมคะ?” ซินเทียถามยายของเธอ “คุณยายเป็นคนที่ต่อต้านคาทอลิกมาโดยตลอด”
 
คุณยายของเธออธิบายว่า “ยายไม่เคยบอกหนูว่าแม่ของยายเป็นคาทอลิก แต่พ่อของยายเป็นผู้ไม่เชื่อในพระเจ้า และเขาห้ามไม่ให้เธอปฏิบัติตามความเชื่อและไม่ได้ถ่ายทอดความเชื่อนั้นให้กับเรา”
 
“ผู้หญิงคนนั้นซึ่งตายไปแล้วประมาณ 40 ปี(แม่ของคุณยายท่านนี้)” คุณพ่อวอลช์ตั้งข้อสังเกต “ลูกสาวของเธอเข้ามาสู่ความเชื่อเมื่ออายุ 100 ปี” ไม่เพียงแค่คุณยายของซินเทียเท่านั้นที่ได้กลับใจ แต่แม่ของซินเทียเองก็กลับใจและรับศีลล้างบาปในเวลาใกล้ตายด้วยเช่นกัน และหลังจากนั้นไม่นาน,เมื่อคุณพ่อวอลช์ไปเยี่ยมครอบครัวกริมส์,พวกเขาเพิ่งวางสายโทรศัพท์ของพี่ชายของซินเทีย,เขาอยู่ในโรงพยาบาลและเข้าจะรับการผ่าตัดในวันรุ่งขึ้น และอยากทราบว่าคุณพ่อวอลช์จะแวะมาหาเขาได้หรือไม่
 
“ผมมีชีวิตที่ไม่ดีนัก” พี่ชายของซินเทียบอกกับคุณพ่อวอลช์ “และผมต้องการรับศีลล้างบาป” เนื่องจากเขาต้องเข้ารับการผ่าตัดในวันรุ่งขึ้น,เขาจึงสามารถรับศีลล้างบาปและรับศีลกำลังได้ หลังจากนั้น,อาการของเขาก็ไม่ได้หายเป็นปกติ แต่เขาได้อ่านหนังสือคำสอนของพระศาสนจักรคาทอลิก ซึ่งคุณพ่อได้มอบให้เขาในช่วงเวลาที่เหลือของเขา ในที่สุดเขาก็ได้สิ้นใจในวันฉลองแม่พระมหาทุกข์
 
ผู้หญิงคนนั้นที่สามีไม่เชื่อในพระเจ้าได้มีสมาชิกในครอบครัวของเธอทุกคนซึ่งกลับมาเป็นคาทอลิกก่อนเสียชีวิต
 
“เป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจไม่ใช่หรือ?” คุณพ่อวอลช์ตั้งข้อสังเกต “ดังนั้น เมื่อผมได้ยินคำพูดจากบรรดาผู้เป็นแม่ทั้งหลายที่สิ้นหวัง,มีความกังวลและกระวนกระวายใจเกี่ยวกับลูกๆหลานๆของพวกเขาที่เหินห่างไปไกลจากความเชื่อ ผมบอกพวกเขาว่า ‘เฮ้ ดูสิ พ่อมีข้อมูลสำหรับพวกคุณนะ … คุณสวดภาวนา,คุณร้องไห้,คุณทำทุกอย่างที่คุณต้องทำ แล้วพระเจ้าจะฟังคุณ พระองค์จะทรงรับฟังคำอธิษฐานภาวนาของคุณ’”
 
อำนาจแห่งสายประคำ
 
การสวดภาวนาที่ทรงพลังที่สุดสำหรับการกลับใจคือการสวดสายประคำ ตามที่คุณพ่อวอลช์พูด เพราะเมื่อเราสวดสายประคำด้วยบทวันทามารีย์หลายๆครั้ง เราขอให้พระแม่มารีย์สวดภาวนาเพื่อเราในเวลานี้และในเวลาที่เราใกล้เสียชีวิต
 
“นั่นเป็นสองช่วงเวลาที่สำคัญในชีวิตของทุกคน” คุณพ่อวอลช์กล่าว “ปัจจุบันคือสิ่งที่คุณมี และช่วงเวลาที่คุณต้องการให้พระแม่มารีย์สวดภาวนาให้คุณเป็นพิเศษคือช่วงเวลาที่เราใกล้สิ้นชีวิต นั่นเป็นช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดและนั่นคือช่วงเวลาที่แม่พระทรงมาอยู่กับวิญญาณมากที่สุด ในช่วงเวลาห่งความตายของพวกเขา”
 
นักบุญโฟสตินาได้พูดถึงอัศจรรย์แห่งพระเมตตาที่เกิดขึ้นแม้ในกรณีที่ดูเหมือนว่าไม่มีความหวังก็ตาม คุณพ่อวอลช์กล่าว ท่านอธิบายว่าปีศาจจะโกรธเกรี้ยวด้วยความผิดหวังเมื่อมันไม่สามารถลากดึงวิญญาณไปจากสวรรค์ได้ในช่วงเวลาแห่งความตายของมนุษย์
 
“นั่นเป็นเหตุผลที่คุณควรสวดสายประคำและขอให้แม่พระสวดภาวนาเพื่อเราซ้ำแล้วซ้ำเล่าทั้งบัดนี้และเมื่อจะตาย และไม่มีทางที่แม่พระจะทำให้คุณผิดหวัง” คุณพ่อวอลช์กล่าว “แม่พระรักคุณมากกว่าแม่ที่เป็นมนุษย์ของคุณ เช่นเดียวกับที่พระเจ้ารักคุณมากกว่าพ่อที่เป็นมนุษย์ของคุณ สายประคำเป็นบทสวดที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่เราสามารถสวดเพื่อการกลับใจของตนเองและเพื่อผู้อื่น”
 
พระเมตตาในเวลาใกล้ตาย
 
มีแม่ชีที่ศักดิ์สิทธิ์ท่านหนึ่งชื่อซิสเตอร์แมรี พอตเตอร์ (Venerable Sister Mary Potter 1847-1913) ผู้ก่อตั้งคณะนักบวชที่สวดภาวนาอุทิศแก่ผู้ตาย “ไม่มีกิจการใดยิ่งใหญ่กว่า,ไม่มีอะไรเป็นประโยชน์มากไปกว่าการกอบกู้วิญญาณและช่วยผู้คนให้ไปอยู่ในสวรรค์” เธอเขียนไว้ในหนังสือ Devotion for the Dying: Mary's Call to her Loving Children(ความศรัทธาสำหรับผู้ใกล้ตาย:การเรียกของพระนางมารีย์ต่อบรรดาลูกทั้งหลายของพระนาง)
 
ซิสเตอร์พอตเตอร์แนะนำให้ถวายการพลีกรรมของเราและมอบคนบาปแด่ดวงหทัยนิรมลของพระมารดาของเรา สวดภาวนาต่อแม่พระและพระจิตเจ้าและวอนขอพระโลหิตศักดิ์สิทธิ์ของพระเยซูเจ้า ในสมัยของซิสเตอร์พอตเตอร์นั้นยังไม่มีบทภาวนาแห่งพระเมตตา(Chaplet of Divine Mercy) เนื่องจากนักบุญโฟสตินา(St. Faustina)ได้รับบทภาวนานี้จากพระเยซูเจ้าหลังจากที่ซิสเตอร์พอตเตอร์สียชีวิตแล้ว (นักบุญโฟสตินา1905-1938)
 
ในไดอารี่ของนักบุญโฟสตินา(Diary of St. Maria Faustina Kowalska) เราอ่านพบว่าพระเยซูทรงย้ำเตือนนักบุญโฟสตินาถึงความสำคัญของการสวดภาวนาเพื่อคนใกล้ตาย พระองค์ทรงสอนบทภาวนาแห่งพระเมตตาอันศักดิ์สิทธิ์แก่เธอและขอให้สวดภาวนาเพื่อคนบาปและคนที่กำลังจะตายเป็นการเฉพาะ โดยตรัสว่า “จงเขียนว่า เมื่อพวกเขาสวดบทภาวนานี้ต่อหน้าคนที่กำลังจะตาย เราจะยืนอยู่ระหว่างพระบิดาของเรากับคนที่กำลังจะตาย ไม่ใช่ในฐานะผู้พิพากษาแต่ในฐานะพระผู้ช่วยให้รอดผู้เปี่ยมด้วยพระเมตตา” (เลขที่ 1541)
 
ไม่ใช่แค่พ่อแม่ที่ต้องสวดภาวนาเพื่อลูกเท่านั้น บางครั้ง,ลูกๆก็สวดภาวนาเพื่อพ่อแม่ของพวกเขา ด้วย ดังที่มีเขียนไว้ในหนังสือ “ชัยชนะในเวลาใกล้ตาย: สามเรื่องราวที่พระหรรษทานมีชัยชนะต่อคนบาป แม้ในช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิต”
 
ในหนังสือชื่อ “Get to Heaven with the Help of Our Lady, St. Joseph and the Holy Eucharist” คุณพ่อ โจเซฟ ไอโตนา(Father Joseph Aytona) ได้เล่าถึงชัยชนะในเวลาใกล้ตาย ซึ่งเป็นเวลาที่เสียงของซาตานพยายามก่อกวน ท่านอธิบายว่าในการเตรียมตัวเพื่อความเป็นนิรันดร์ของเรา,การหันไปหาแม่พระ(ผู้ให้บังเกิดพระเยซูเจ้า)และนักบุญโยเซฟ(ผู้ช่วยชีวิตพระเยซูจากเฮโรด) มีอำนาจอันยิ่งใหญ่ที่สามารถช่วยเราได้เช่นกัน
 
คุณพ่อโจเซฟกล่าวด้วยว่าเส้นทางสู่สวรรค์ที่ง่ายที่สุดคือการอาศัยศีลมหาสนิท ด้วยความศรัทธานี้,พระศาสนจักรคาทอลิกในสหรัฐอเมริกาได้เริ่มให้มีการฟื้นฟูความศรัทธาต่อศีลมหาสนิทเป็นเวลาสามปีเริ่มตั้งแต่วันที่ 19 มิถุนายน 2022ซึ่งเป็นวันฉลองพระกายพระคริสตเจ้า พระเยซูทรงเชื้อเชิญเราให้มาสู่แหล่งที่มาและจุดสูงสุดของความเชื่อของเรา นั่นคือ การสถิตอยู่อย่างแท้จริงของพระองค์ในศีลมหาสนิท การเข้าใกล้พระเยซูมากขึ้นและการรับพระองค์ในศีลมหาสนิทเป็นการเยียวยาจิตวิญญาณของเราเอง และเราสวดภาวนาเพื่อวิญญาณของผู้อื่นด้วย เพื่อที่พวกเราจะได้พบกันในสวรรค์ในสักวันหนึ่ง
 
************************
 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น