จุดประสงค์ของการศึกษาคาทอลิกคือเพื่อหล่อหลอมจิตวิญญาณให้รู้จักรักและรับใช้พระเจ้า ตามคำสอนของพระศาสนจักรที่บอกเราว่า “การศึกษาที่ฉลาดรอบคอบจะสอนคุณงามความดี” (ค.ศ. 1784)
ตัวอย่างที่ดีของเรื่องนี้คงได้แก่ “บุรุษมหัศจรรย์แห่งมอนทรีออล” ผู้ซึ่งความศักดิ์สิทธิ์และศรัทธาอันแรงกล้าได้เปลี่ยนชีวิตผู้คนนับล้าน
คนเฝ้าประตูผู้ต่ำต้อยมีชื่อเสียงในความเชื่อและการรับใช้ผู้คนด้วยการทำอัศจรรย์ บราเดอร์อังเดรได้ทำอัศจรรย์รักษาผู้คนกว่า 10,000 คนในช่วงชีวิตของเขา และโบสถ์ที่บราเดอร์อังเดรช่วยสร้างได้กลายเป็นสถานที่แสวงบุญยอดนิยม เมื่อบราเดอร์เสียชีวิต ผู้คนมากกว่าหนึ่งล้านคนมาคารวะที่โลงศพของบราเดอร์
ชีวิตของนักบุญอันเดรดูเหมือนจะแสดงให้เห็นสิ่งนี้: “พระเจ้าทรงเลือกสรรคนโง่เขลาในสายตาของโลกเพื่อทำให้คนฉลาดต้องอับอาย พระเจ้าทรงเลือกสรรคนที่โลกถือว่าอ่อนแอเพื่อทำให้ผู้แข็งแรงต้องอับอาย” (1 โครินธ์ 1:27)
ด้วยเหตุนี้เอง ชีวิตของนักบุญอังเดรจึงย้ำเตือนเราว่าจุดประสงค์ที่แท้จริงของการศึกษาคืออะไร บุคลิกภาพของบราเดอร์อังเดรคือความดี,ความเมตตา,และการรับใช้ด้วยความรัก เป็นสิ่งที่นักการศึกษาคาทอลิกควรพยายาเลียนแบบให้สำเร็จ ความอ่อนน้อมถ่อมตนของบราเดอร์อังเดรแสดงให้เราเห็นถึงขั้นตอนแรกที่จำเป็นในการไปสู่ความศักดิ์สิทธิ์:
ความอ่อนน้อมถ่อมตนเป็นรากฐานของการปลูกฝังทางจิตวิญญาณ … ความอ่อนน้อมถ่อมตนเป็นคุณธรรมแรกในการขจัดอุปสรรคต่อความเชื่อ … มันขจัดความเย่อหยิ่งและทำให้มนุษย์เหมาะสมที่จะได้รับพระหรรษทานของพระเจ้าดังคำพูดของนักบุญยากอบ : “พระเจ้าทรงต่อต้านคนเย่อหยิ่ง แต่ประทานพระหรรษทานแก่ผู้ถ่อมตน” (ยากอบ 4:6)
บราเดอร์ไม่รู้วิธีการอ่าน แต่บราเดอร์รู้ในบางสิ่งที่ลึกซึ้งและสำคัญกว่ามาก บราเดอร์รู้วิธีสวดภาวนา,รู้วิธีรับใช้,และรู้วิธีที่จะรัก สิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่บรรดาครูอาจารย์ต้องการสำหรับสอนนักเรียนของพวกเขาไม่ใช่หรือ?
สำหรับครูอาจารย์,ขอให้นักบุญอังเดรเตือนเราว่า จุดประสงค์ที่แท้จริงของการศึกษาคืออะไร นักบุญผู้อ่อนโยนและอ่อนน้อมถ่อมตนคนนี้,ขอให้ท่านเป็นแรงบันดาลใจให้แก่เราทั้งหลาย
-------------------
บทเรียน 3 ข้อจากนักบุญอังเดร เบเซตติ
เราเรียนรู้อะไรได้บ้างจาก "บุรุษมหัศจรรย์แห่งมอนทรีออล" ที่อ่อนโยนและอ่อนน้อมถ่อมตน
นักบุญอังเดร เบเซตติเป็นหนึ่งในนักบุญองค์ล่าสุด ในขณะที่ท่านมีชีวิตอยู่ในศตวรรษที่ 20 และได้รับการสถาปนาให้เป็นนักบุญในปี 2010 โดยพระสันตะปาปาเบเนดิกต์ที่16 แต่ปัจจุบันท่านยังไม่ค่อยเป็นที่รู้จัก แต่นั่นไม่ใช่กรณีที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ แม้ว่าท่านจะเป็นคนไม่มีการศึกษาและใช้ชีวิตอย่างสมถะมาก แต่บราเดอร์อังเดรก็เป็นผู้ทำอัศจรรย์และมีผู้คนมากกว่าหนึ่งล้านคนมาร่วมงานศพของท่าน
ใครคือ "บุรุษมหัศจรรย์แห่งมอนทรีออล"? ชีวิตในวัยเด็กของเขานั้นยากลำบากมาก ชื่อแรกเกิดคือ อัลเฟรด เบเซตติ(Alfred Bessette) หนึ่งในลูก 12 คนของช่างไม้คาทอลิกและภรรยาของเขา (Isaac และ Clothilde Bessette) เมื่อเขาเกิด,อัลเฟรดน้อยมีสุขภาพไม่ดีจนดูเหมือนว่าเขาน่าจะเสียชีวิตตั้งแต่ยังเป็นทารก,เช่นเดียวกับพี่น้องสี่คนของเขา พ่อแม่ของเขาตัดสินใจให้เขารับศีลล้างบาปเป็นกรณีฉุกเฉิน
เด็กน้อยที่ป่วยรอดชีวิตมาได้ แต่เขาจะต้องเผชิญกับความยากลำบากอีกมากมายตั้งแต่ยังเด็ก พ่อของเขาเสียชีวิตในอุบัติเหตุในที่ทำงานอย่างน่าเศร้าเมื่ออัลเฟรดอายุได้ 9 ขวบ ทำให้ครอบครัวเบสเซตติยากจนข้นแค้นยิ่งกว่าที่เคยเป็นมา จากนั้นแม่ของเขาก็เสียชีวิตเมื่อเขาอายุได้ 12 ปี
อัลเฟรดต้องอาศัยอยู่กับครอบครัวอุปถัมภ์ในอีกหลายปีข้างหน้าและทดลองทำงานประเภทต่างๆ แต่สุขภาพในวัยเด็กของเขายังคงรบกวนเขาอยู่ ร่างกายของเขาอ่อนแอเกินไปที่จะทำงาน
แม้ว่าร่างกายของเขาจะอ่อนแอ แต่อัลเฟรดผู้อ่อนโยนกลับมีความแข็งแกร่งทางจิตวิญญาณเหนือมนุษย์ ผู้คนเริ่มสังเกตเห็นความทุ่มเทและความเอื้ออาทรอันน่าทึ่งของเขา ในบรรดาผู้ที่สังเกตเห็นคือพระสงฆ์ประจำโบสถ์ของตำบลของเขา
คุณพ่ออังเดร โปรเวนคอล(Rev. André Provençal),พระสงฆ์ประจำโบสถ์มีความคิดที่จะส่งหนุ่มอัลเฟรดไปที่คณะไม้กางเขนศักดิ์สิทธิ์ซึ่งอยู่ในเมืองมอนทรีออล และท่านได้เขียนจดหมายถึงคุณพ่ออธิการของคณะว่า: "ผมขอส่งนักบุญคนหนึ่งมาให้ท่าน"
คณะไม้กางเขนศักดิ์สิทธิ์ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรกับผู้มาสมัครใหม่ในตอนแรก เพราะเขาไม่เคยได้รับการศึกษา,หมายความว่าเขาไม่สามารถทำงานสอนซึ่งเป็นหน้าที่หลักของพวกเขาได้ และความอ่อนแอทางร่างกายก็ทำให้เขาไม่เหมาะกับการใช้แรงงาน,ซึ่งเป็นตัวเลือกถัดไปที่ชัดเจน
ดังนั้น,ในตอนแรก,ทางคณะจึงปฏิเสธเขา จนกระทั่งอาร์คบิชอปแห่งมอนทรีออลได้เข้ามาแทรกแซงช่วยเหลือเขา ในที่สุดเขาก็ได้รับการยอมรับและเข้าสู่การเป็นโนวิสของคณะ เขาได้รับชื่อศาสนานามว่าบราเดอร์อันเดร และด้วยชื่อนี้ทำให้เขาเป็นที่รู้จักไปตลอดชีวิต
เมื่อเวลาผ่านไป เขาค่อยๆมีชื่อเสียงในมอนทรีออลและบริเวณโดยรอบสำหรับความศรัทธาที่ไม่ธรรมดาและการรับใช้ผู้คนด้วยการอัศจรรย์ ดูเหมือนว่าพระเจ้าจะประทานทุกสิ่งที่บราเดอร์อังเดรวอนขอโดยผ่านทางนักบุญโยเซฟ!
ในวันนี้,เราเรียนรู้อะไรจากชีวิตของบราเดอร์บ้าง? นักบุญอันเดรเป็นพยานถึงพระคริสต์ในหลายๆทาง เราสามารถเรียนรู้จากคุณธรรมอันกล้าหาญของท่านอันได้แก่
1. ความอ่อนน้อมถ่อมตน
หลังจากพยายามหางานที่เหมาะสมให้เขา,ทางคณะก็ตัดสินใจให้บราเดอร์อังเดรทำหน้าที่เป็นคนเฝ้าประตู (เขายังทำงานเป็นคนดูแลห้องซาคริสตี, คนซักผ้า และคนส่งสารด้วย) เขามีทัศนคติที่ดีอย่างน่าอัศจรรย์เกี่ยวกับการปฏิเสธครั้งแรกของเขา เขาพูดติดตลกว่า “เมื่อผมเข้าสู่คณะนี้ ท่านอธิการคณะพาผมไปที่ประตู และผมก็อยู่ที่นั่นถึง 40 ปี”
อารมณ์ขันที่อ่อนโยนและความอ่อนน้อมถ่อมตนนี้เป็นลักษณะเฉพาะของบราเดอร์ ในโลกที่บอกให้เราต้องสะสมความมั่งคั่งและรางวัลเกียรติยศ นักบุญอันเดรแสดงให้เราเห็นว่าไม่สำคัญเลย สิ่งสำคัญคือเราได้รักและรับใช้พระเจ้าและผู้อื่นได้ดีเพียงใด สิ่งที่ทำให้บราเดอร์เป็นนักบุญคือความศรัทธาของท่าน,ความเอื้ออาทร,และเมตตาจิต,ในความรักต่อพระเจ้าและต่อเพื่อนมนุษย์
2 ปรีชาญาณ
เป็นเรื่องน่าขันเล็กน้อยที่คณะนักบวชที่เป็นที่รู้จักในพันธกิจด้านการศึกษามีนักบุญที่ได้รับการสถาปนาเป็นคนแรกของคณะ (และคนเดียวจนถึงขณะนี้) ซึ่งเป็นนักบุญที่ไร้การศึกษา แต่ก็มีบางอย่างที่ลึกซึ้งเกี่ยวกับเรื่องนี้ นักบุญหลายคนดูเหมือนจะเป็น “อัจฉริยะผู้ศักดิ์สิทธิ์” แต่ในทางกลับกัน นักบุญอันเดรเตือนเราว่า ความศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้แปรผันโดยตรงกับสติปัญญาหรือความสามารถ พระเจ้าไม่ได้ “ประทานพระหรรษทานแก่คนฉลาดเท่านั้น”
สิ่งที่นักบุญอันเดรมีอย่างล้นเหลือคือปรีชาญาณ ปรีชาญาณที่แท้จริงมาจากพระเจ้าเท่านั้น: “ความยำเกรงพระยาห์เวห์เป็นจุดเริ่มต้นของปรีชาญาณ การรู้จักพระผู้ศักดิ์สิทธิ์คือความเข้าใจ” (สุภาษิต 9:10) "ความเข้าใจ" แบบนี้เป็นการ "ตระหนักถึงความรักที่พระเจ้าทรงมีต่อเราและความยิ่งใหญ่แห่งความดีของพระองค์" นักบุญอันเดรเป็นตัวอย่างที่ทำให้เรารู้ว่าปรีชาญาณอันศักดิ์สิทธิ์ประเภทนี้เป็นเช่นไร
3 ความเชื่อเหมือนเด็ก
มีเรื่องราวมากมายเกี่ยวกับอัศจรรย์ที่นักบุญอันเดรกระทำโดยอาศัยความเชื่ออันแรงกล้าของท่าน ความไว้วางใจที่เรียบง่ายของท่านในพระเจ้าเป็นความไว้วางใจที่เรียบง่ายไม่ซับซ้อน
ชีวิตของนักบุญอันเดรดูเหมือนจะแสดงให้เห็นข้อนี้: “พระเจ้าทรงเลือกสรรคนโง่เขลาในสายตาของโลกเพื่อทำให้คนฉลาดต้องอับอาย พระเจ้าทรงเลือกสรรคนที่โลกถือว่าอ่อนแอเพื่อทำให้ผู้แข็งแรงต้องอับอาย” (1 โครินธ์ 1:27) ความอ่อนแอทางร่างกายของบราเดอร์ไม่สามารถขัดขวางความแข็งแกร่งและปรีชาญาณของจิตวิญญาณของท่านได้ และการอัศจรรย์มากมายของบราเดอร์ได้ฉายให้เห็นความจริงอันเรียบง่ายนั่นคือ: “ไม่มีสิ่งใดที่พระเจ้าจะทรงกระทำไม่ได้” (ลูกา 1:37)
************************
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น