วันจันทร์ที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566

รากและปีก

 

:
 
การไตร่ตรองสำหรับพระวาจาวันอาทิตย์ที่6,เทศกาลธรรมดา (บุตรสิรา15:15-20, 1 โครินทร์ 2:6-10 & มัทธิว 5:17-37)
 
นอกเหนือจากข่าวมรณกรรม,ความระลึกถึง,และบทความสร้างแรงบันดาลใจที่เขียนเกี่ยวกับพระสันตะปาปากิตติคุณเบเนดิกต์ที่ 16 หลังการสิ้นพระชนม์เมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2022แล้ว, ยังมีการรื้อฟื้นการอภิปรายในหัวข้อต่างๆ เช่น เกี่ยวกับพวกอนุรักษ์นิยม พวกหัวก้าวหน้า พวกเสรีนิยม . “การสิ้นพระชนม์ของพระสันตะปาปาเบเนดิกต์ขจัดปัญหาสำหรับชาวคาทอลิกที่มีแนวคิดเสรีนิยม แต่การต่อสู้เพื่ออนาคตของพระศาสนจักรยังดำเนินต่อไป” นี่เป็นพาดหัวข่าวของ The Economist (2 มกราคม 2023) การบังคับให้ติดป้ายคำว่า "เสรีนิยม" "อนุรักษ์นิยม" หรือแม้แต่ "สายกลาง" ให้แก่บุคคลบางกลุ่มในพระศาสนจักรเป็นการนำเสนอของสื่อที่เขียนข่าวพระศาสนจักรให้เป็นเพียงส่วนขยายของเรื่องเล่าทางการเมืองที่ส่วนใหญ่มาจากอเมริกาเหนือและยุโรปตะวันตก ผู้คนต่างๆ(พระสันตปาปาก็ไม่มีข้อยกเว้น)ถูกจัดให้อยู่ในหมวดหมู่เหล่านี้ และยังมีการ์ตูนล้อเลียนโดยไม่ได้คำนึงถึงความซับซ้อนของปัญหาหรือความคิดเห็น หรือมุมมอง และประสบการณ์ของผู้คนมากนัก
 

คำว่า”อนุรักษ์นิยม”ในภาษาละตินหมายถึง "เพื่อรักษา" ดังนั้นคำว่า 'อนุรักษ์นิยม' จึงใช้กับผู้ที่ไม่เชื่อและไม่ยอมรับในสิ่งใหม่! เห็นได้ชัดว่าพวกเขาคือผู้ที่ต่อต้านการเปลี่ยนแปลงใดๆ ชอบให้สิ่งต่างๆยังคงอยู่ตามที่เป็นอยู่ และตั้งใจที่จะรักษาอดีตเอาไว้ รักษาสภาพที่เป็นอยู่และระเบียบของวันเก่าๆ ในทางกลับกัน ป้ายกำกับของคำว่า 'เสรีนิยม' หรือ 'หัวก้าวหน้า' ใช้กับผู้ที่มักไม่เชื่อในสิ่งเก่าๆ! คนเหล่านี้อาจจะเป็นชาวคาทอลิกที่ต้องการให้ทุกอย่างเปลี่ยนแปลง ทำลายอดีตและระเบียบที่มีอยู่ และสร้างสิ่งที่แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง มีคนสรุปการอภิปรายนี้ด้วยภาพของ: พวกอนุรักษ์นิยมที่ดูเหมือนจะหมกมุ่นอยู่กับ 'รากเหง้า' แต่พวกเสรีนิยมมักหลงใหลใน 'ปีก'!
 

โยฮันน์ โวล์ฟกัง ฟอน เกอเธ่ ผู้เป็นนักกวี,นักวิทยาศาสตร์,และรัฐบุรุษชาวเยอรมัน กล่าวว่า "มีพินัยกรรมถาวรเพียงสองประการที่เราหวังจะมอบให้กับลูกหลานของเรา หนึ่งในนั้นคือราก อีกอย่างหนึ่งคือปีก" เราจะบรรลุความสมดุลระหว่าง 'ราก' และ 'ปีก' ในพระศาสนจักรของเราได้อย่างไร? บทอ่านในวันอาทิตย์นี้มีจุดเริ่มต้นที่น่าสนใจ: “อย่าคิดว่าเรามาเพื่อลบล้างธรรมบัญญัติหรือคำสอนของบรรดาประกาศก เรามิได้มาเพื่อจะลบล้างแต่มาเพื่อปรับปรุงให้สมบูรณ์” พระเยซูไม่ได้มาเพื่อยกเลิก ลบล้าง หรือกำจัด (คำเดิม καταλυσαι) ธรรมบัญญัติและคำสอนของบรรดาประกาศก,ลบล้างการเติบโต,ความก้าวหน้า,และนวัตกรรมสิ่งใหม่ๆ สำหรับพระเยซูแล้ว,ไม่ใช่การทำลายสิ่งเก่าหรือการปฏิเสธสิ่งใหม่ แม้ว่าสิ่งเก่าจะไม่ถูกทำลายด้วยสิ่งใหม่ แต่ก็พร้อมรับการเปลี่ยนแปลงและยกระดับขึ้นสู่ระดับใหม่
 
'พระบัญญัติ' ของพันธสัญญาเดิมไม่ได้เป็นเพียงหลักการทางศีลธรรมหรือหลักการในการดำรงชีวิตทางสังคมของชาวฮีบรูเท่านั้น พระบัญญัติได้ช่วยสร้างตัวตนของประชากรที่พระเจ้าทรงเลือกสรร ตามประเพณีของชาวฮีบรู,กฎหมายซีนาย (พระบัญญัติสิบประการที่มอบให้แก่โมเสสบนภูเขาซีนาย) ถือว่ามีความศักดิ์สิทธิ์มากกว่าอีกสองส่วนของกฏบัญญัติของชาวฮีบรู (ประกาศกและเลวีนิติ) การอ่านบทแรกของพระวาจาในวันนี้ระบุอย่างชัดเจนว่า “ถ้าท่านต้องการ ท่านก็ปฏิบัติตามบทบัญญัติได้ ท่านจะซื่อสัตย์ต่อพระองค์หรือไม่ขึ้นอยู่กับท่าน” เพลงจากบทสดุดีได้ยืนยันอีกครั้งว่า “ความสุขมีแก่ผู้ที่ปฏิบัติตามธรรมบัญญัติขององค์พระผู้เป็นเจ้า!” พระวรสารกล่าวอีกครั้งว่า “ตราบใดที่ฟ้าและดินยังไม่สูญสิ้นไป แม้แต่ตัวอักษรหรือจุดเดียวจะไม่ขาดหายไปจากธรรมบัญญัติ”
 

การมาของพันธสัญญาใหม่ในพระเยซูเจ้าไม่ได้ทำให้พันธสัญญาเดิมถูกยกเลิกหรือล้าสมัยไป แต่มันเปลี่ยนไปสู่สิ่งใหม่อย่างสิ้นเชิง! ในการจำแลงพระกายของพระเยซูเจ้าบนภูเขาทีบอร์ให้ภาพที่สวยงามของความจริงนี้แก่เรา: “เมื่อสิ้นเสียงนั้น พวกเขาพบว่าพระเยซูอยู่แต่เพียงผู้เดียว” (ลูกา 9:36) ในตอนท้ายของการจำแลงพระกายนั้น,โมเสสและเอลียาห์หายตัวไปและพบพระเยซูเพียงพระองค์เดียวที่นั่น สิ่งนี้หมายความว่าอย่างไร? โมเสสเป็นตัวแทนของพระบัญญัติเพราะเขาได้รับพระบัญญัติสิบประการและกฏเกณท์ต่างๆจากพระเจ้า ส่วนเอลียาห์เป็นตัวแทนของบรรดาประกาศกเพราะเขาเป็นผู้เผยพระวจนะที่ชาวอิสราแอลคาดว่าจะกลับมาในช่วงสิ้นสุดของเวลา (มาลาคี 3:1) ในพระเยซูเจ้า, พระบัญญัติและคำสอนของบรรดาประกาศกไม่ได้ถูกยกเลิก แต่ยกระดับขึ้นสู่ระดับใหม่ของการปรับปรุงให้สมบูรณ์ นั่นคือเหตุผลที่เรายังคงมีพันธสัญญาเดิมเป็นส่วนสำคัญของพระคัมภีร์ของเรา
  
ความแข็งแรงของต้นไม้ขึ้นอยู่กับความลึกของราก รากเหง้าของพระศาสนจักร อันได้แก่ ธรรมประเพณี,ประวัติศาสตร์ของพระศาสนจักร,และหลักคำสอนแห่งความเชื่อ ฯลฯ ทำให้เรามีพลังที่จะต้านทานการถูกทดสอบของกาลเวลา รากยังให้สารอาหารอีกด้วย เราต้องเชื่อมต่อกับรากเหง้าของเราอย่างต่อเนื่องเพื่อรับคำแนะนำและแรงบันดาลใจอย่างเหมาะสมในภารกิจของเราสำหรับอนาคต นอกจากรากจะมีความสำคัญแล้ว เราก็ต้องมีปีกเพื่อโบยบินด้วย รากเหง้าของเราไม่สามารถกักขังเราไว้ในอดีตได้ เราต้องโบยบินให้สูง สัมผัสประสบการณ์ใหม่ๆ เปิดโลกทัศน์ให้กว้างขึ้น ขยายวิสัยทัศน์ให้กว้างขึ้น รวมถึงผู้ทำงานต้องประสานงานร่วมกัน,รับรู้และยอมรับในความคิดเห็นของผู้อื่น
 
ปีกช่วยขยายวิสัยทัศน์ของเรา ยกระดับเรา และช่วยให้เราทะยานสูงขึ้น และต้องเป็นปีกแห่งความรักของพระเจ้าเท่านั้น ซึ่งเป็นบทบัญญัติใหม่ของพระเยซูเจ้าที่ประกาศอย่างชัดเจนต่อเราทุกคน “จงรักพระเจ้าสิ้นสุดจิตใจ สิ้นสุดสติปัญญา สิ้นสุดกำลังของท่าน และจงรักเพื่อนมนุษย์เหมือนรักตนเอง” พระบัญญัติกล่าวว่า“อย่าฆ่าคน” พระเยซูตรัสเพิ่มเติมว่า”อย่าแม้แต่จะโกรธเคืองผู้อื่น” พระบัญญัติกล่าวว่า“อย่าล่วงประเวณี” พระเยซูตรัสเพิ่มเติมว่า”อย่าแม้แต่จะมองดูหญิงด้วยความใคร่” ตัวอักษรของบทบัญญัติ(รากเหง้าของเรา)ถูกขยายให้กว้างขึ้นและลอยสูงขึ้น,โดยที่พระเยซูทรงมุ่งความสนใจไปที่จิตวิญญาณของบทบัญญัติ(ปีกของเรา) เมื่อเราทะยานสูงขึ้น,เราได้รับวิสัยทัศน์ที่กว้างขึ้นเกี่ยวกับชีวิตและพันธกิจของเราในฐานะสาวกและศิษย์ของพระเยซูเจ้า เราจำเป็นต้องต้อนรับประสบการณ์ใหม่ เปิดรับความคิดใหม่,วิธีการใหม่,ทำสิ่งใหม่ ฯลฯ ปีกช่วยขยายขอบเขต ท้องฟ้าไม่ได้ถูกกำหนดโดยกรอบของมนุษย์ ปีกของเราช่วยให้เราก้าวข้ามความแตกต่าง สร้างสะพาน และร่วมมือกับผู้อื่นในภารกิจร่วมกันของเรา และเป็นปีกแห่งความรักของพระเจ้าเท่านั้น ให้เราทูลขอพระพรทั้งสองประการนี้จากพระเจ้าเถิด นั่นคือ: รากและปีก! 
 
************************
 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น