วันเสาร์ที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566

อัศจรรย์การเยียวยารักษาจากนักบุญอังเดร

 

โดย MARY BETH BRACY
 
ขณะสนทนากับญาติบางคนเมื่อสองสามวันก่อน ฉันบอกว่าพวกเราในอเมริกาเหนือตะวันออกเฉียงเหนือได้รับพระพรที่มีสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่อุทิศให้กับบรรดานักบุญจำนวนมาก สัปดาห์นี้เพียงสัปดาห์เดียว,เรามีวันฉลองนักบุญเอลิซาเบธ แอน ซีตัน, นักบุญยอห์น นอยมันน์ และนักบุญอันเดร เบสเซตติ (อัศจรรย์ที่เกิดโดยท่านทั้งสามมีรายละเอียดอยู่ในหนังสือ Nothing Short of a Miracle โดย Patricia Treece) ครอบครัวของฉันมีความศรัทธาต่อนักบุญอังเดรเป็นพิเศษ บราเดอร์อังเดรเคยสวดภาวนาเพื่อคุณย่าเบอร์ธา ฮาเมล เบ็นเน็ตต์,เมื่อตอนที่เธอยังเป็นเด็กหญิงตัวเล็กๆ และเธอก็หายจากโรคข้ออักเสบที่ทำให้พิการเดินไม่ได้
 
ความช่วยเหลือของนักบุญอังเดรเป็นที่รู้จักกันดีในสังฆมณฑลของฉัน (ออกเดนส์เบิร์ก นิวยอร์ก) ซึ่งท่านเคยมาเยี่ยมบ่อยๆ ผู้ศรัทธาในนักบุญอังเดรต่างเล่าขานเรื่องราวอัศจรรย์มากมาย รวมถึงซิสเตอร์แห่งนักบุญยอแซฟที่หายจากโรคไขข้ออักเสบ(rheumatoid arthritis),เมื่อเธอเดินทางจากโรเชสเตอร์ นิวยอร์กไปยังมอนทรีออล ควิเบก เพื่อไปหานักบุญอังเดร
 
สตีเฟน เฮเบิร์ต(Stephen Hebert) ชาวเมืองมอนทรีออล,เล่าประสบการณ์ใกล้ตายของเขา เฮเบิร์ตเป็นโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบชนิดCในเดือนกุมภาพันธ์1991. มีผู้ติดเชื้อชนิดนี้ 10 คน และเมื่ออายุ 24 ปี,เขาเป็นคนเดียวที่รอดชีวิต “แบคทีเรียนี้ทำให้ผมอยู่ในอาการโคม่า 10 วัน และสร้างภาวะแทรกซ้อนมากมาย” เขาเล่า “มันทำให้ถึงตายได้ เพื่อให้คุณเห็นภาพโดยทั่วไปเกี่ยวกับสถานะที่ผมเป็นอยู่ ผมมีอาการหัวใจหยุดเต้น 5 ครั้ง,ไตวาย,อาการบวมน้ำที่สมอง,น้ำท่วมปอดหนึ่งครั้ง,และความดันโลหิตของผมก็ต่ำมาก ผมสูญเสียการไหลเวียนเลือดไปที่เท้าขวา ”
 
เฮเบิร์ตต้องการไปที่ศูนย์นักบุญยอแซฟ(St. Joseph’s Oratory),โบสถ์น้อยที่นักบุญอังเดรสร้างขึ้น แต่เขาป่วยมากเกินไป อย่างไรก็ตาม,อาจพูดได้ว่านักบุญอังเดรมาหาเขา “ลุงของผมซึ่งเป็นพระสงฆ์ได้มาเยี่ยมผมที่ห้องผู้ป่วยหนักพร้อมกับผ้าผืนหนึ่งที่เป็นของบราเดอร์อันเดรและน้ำมันของนักบุญยอแซฟ คุณลุงรู้จักพระสงฆ์ชราคนหนึ่งที่ศูนย์นั้นและบอกเขาเกี่ยวกับผม ดังนั้นลุงของผมจึงได้ผ้ามา เขาพันเท้าของผมด้วยผ้าที่ทาด้วยน้ำมันของนักบุญยอแซฟ แพทย์สิ้นหวังในการรักษาแล้วและบอกให้ผมอดทน หลังจากนั้นประมาณ 1 สัปดาห์,เนื้อร้ายก็หายไปเหลือไว้นิดหน่อยที่ปลายนิ้วเท้าเท่านั้น แพทย์ได้ตัดมันออกไป,เหลือเพียงข้อต่อสุดท้ายของนิ้วเท้าแต่ละนิ้ว (ทั้งห้านิ้ว) มันดีกว่าการสูญเสียเท้าทั้งหมด ตอนนี้ผมสามารถเล่นกีฬาอะไรก็ได้และปีนอะไรก็ได้ ดังนั้นนี่จึงเป็นหนึ่งในอัศจรรย์มากมายที่ผมมี และความจริงที่ผมได้รับผ้าชิ้นนั้นซึ่งเป็นพระธาตุโดยไม่ได้บอกใคร”
 
เมื่อโครีน กัว จิโร(Corine Guay Giroux) เป็นคุณแม่ยังสาว,เธอสูญเสียความสามารถในการเดินหลังจากให้กำเนิดลูกคนแรก เธอไม่คิดว่าจะมีลูกอีกหลายคน แต่เหลนของเธอ,คุณพ่อโจเซฟ ดับเบิลยู. จิรูซ์ได้รู้มาว่า บราเดอร์อังเดรได้สวดภาวนาพร้อมกับเธอและเธอก็หายเป็นปกติ “ถ้าไม่ใช่เพราะบราเดอร์อังเดรแล้ว,ผมคงจะไม่ได้เกิดมา” คุณพ่อโจเซฟกล่าว
 
มารดาอีกคนหนึ่ง แคโรลีน เพียร์ซ(Carolyn Pierce) มีประสบการณ์การได้รับความช่วยเหลือจากนักบุญอันเดรในชีวิตครอบครัวของเธอ เมื่อพวกเขาอยู่ที่งานแสดงสินค้าในฟาร์ม เธอเล่าว่า “ไมเคิล ลูกชายคนเล็กของฉันประสบอุบัติเหตุร้ายแรงเกี่ยวกับอุปกรณ์บางอย่าง และได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะอย่างรุนแรง ฉันได้บอก (อาจจะตะโกน) กับครอบครัวของฉันให้ 'สวดภาวนาต่อนักบุญยอแซฟ สวดภาวนาต่อนักบุญอังเดร'”
 
“อัศจรรย์เริ่มขึ้นทันที” เธอกล่าวต่อ “มีเฮลิคอปเตอร์ช่วยชีวิตและลูกเรืออยู่ใกล้ๆ,ดังนั้นจึงพร้อมที่จะนำไมเคิลไปยังโรงพยาบาล Upstate Medical Children’s Hospital (ซีราคิวส์ นิวยอร์ก) ขณะที่ฉันขับรถตามไป ฉันโทรหาคนมากมายเพื่อขอให้สวดภาวนาเพื่อชีวิตของไมเคิล คนหนึ่งเป็นเพื่อนรักของฉันที่อยู่ที่อาสนวิหาร และฉันขอให้เธอแจ้งข่าวนี้แก่พระสงฆ์และชุมชนของโบสถ์และขอคำภาวนาเพื่อไมเคิล เมื่อมาถึง Upstate,มีทีมแพทย์ผ่าตัดอยู่ที่นั่นแล้ว นางพยาบาลพิเศษซึ่งกำลังจะออกเวร,ได้อยู่เพื่อช่วยผ่าตัด เธอมาอยู่เป็นเพื่อนพิเศษ,เป็นผู้สนับสนุน,และที่ปรึกษาของเราในระหว่างที่เราอยู่ที่นั่น ไมเคิลได้รับการผ่าตัดกะโหลกร้าวและสมองที่บาดเจ็บ และเราได้รับแจ้งว่าต้องใช้เวลาหลายวันกว่าเราจะรู้ว่าเขาจะรอดชีวิตหรือไม่”
 
“เราต้องอดทนกับช่วงขึ้นๆลงๆหลายครั้งในช่วงสองสามสัปดาห์/เดือนต่อมา ขณะที่เขาอยู่ในห้องไอซียู จากนั้นเขาก็นำไมเคิลไปที่หอผู้ป่วยเด็ก จากนั้นไปทำกายภาพบำบัด” นางเพียร์ซอธิบายเพิ่มเติม “ในตอนแรก เขาไม่สามารถหายใจ,กิน,และขยับตัวไม่ได้ พระสงฆ์ที่โรงพยาบาลมาโปรดศีลเจิมแก่เขาหลายครั้ง อย่างน่าอัศจรรย์(เพราะฉันเชื่อจริงๆว่าเป็นเช่นนั้น),เขาเริ่มก้าวหน้า แม้แต่พยาบาลและแพทย์ยังบอกเราในภายหลังว่าด้วยอาการบาดเจ็บของเขา พวกเขาไม่คาดคิดว่าเขาจะหายเป็นปกติโดยปราศจากความพิการร้ายแรง—การติดตามผลการผ่าตัดและการเยี่ยมแต่ละครั้งทำให้ได้รับรายงาน 'อัศจรรย์' มากขึ้น ตั้งแต่การรักษาปัญหาสายตา การได้ยินไม่เสียหาย การซ่อมแซมกะโหลกศีรษะของเขา การเดิน,พูด,และรับประทานอาหารได้อีกครั้ง”
 
ในปี 1935 เมื่อคุณพ่อ กิลเบิร์ต บี. เมนาร์ด(Fr. Gilbert B. Menard)อายุเจ็ดขวบ เขาล้มป่วยด้วยโรคปอดบวมเป็นเวลาหลายเดือน ดูเหมือนว่าจะไม่มีวันรักษาให้หายได้ พระสังฆราชท้องถิ่นมาและสวดภาวนาเพื่อเขา พระคุณเจ้าอวยพรแผลที่แพทย์ได้ระบายหนองจากปอดของเมนาร์ดระหว่างพักรักษาตัวในโรงพยาบาลอันยาวนาน และสัมผัสรอยแผลด้วยเหรียญนักบุญยอแซฟและการ์ดคำภาวนาของนักบุญอังเดร ภายในไม่กี่ชั่วโมง หนองที่เหลืออยู่ก็หมดลง และในไม่กี่เดือน เมนาร์ดก็กลับมาที่โรงเรียนอีกครั้ง
 
เมื่อคุณพ่อแจ๊ค แอล ดาวน์(Jack L. Downs)อายุเจ็ดขวบ เขาเป็นไข้รูมาติก เขาต้องอยู่แต่ในบ้านไม่ได้ไปโรงเรียนเป็นเวลาหนึ่งปี ข้อต่อทั้งหมดของเขาจะปวดเมื่อมีพายุฝน หมอบอกว่าพ่อแม่ของเขาควรย้ายไปแอริโซนาเพื่อให้ลูกชายบรรเทาอาการเจ็บลงบ้าง เขาไปห้าปีเพื่อรับการฉีดยาทุกสัปดาห์ที่สำนักงานของแพทย์ การออกกำลังกายเพียงอย่างเดียวที่เขาได้รับอนุญาตให้ทำคือเดินและเล่นสเก็ต เขาไปโรงเรียน,ร่วมพิธีมิสซาและไปโบสถ์ทุกวัน กล้ามเนื้อหัวใจของเขาหายดีแล้ว แต่ก็ยังมีอาการเจ็บปวดอยู่
 
ในปี 1941 เมื่อคุณพ่อดาวน์มีอายุได้สิบสองปีแล้ว พระสงฆ์ประจำโบสถ์ของเขานำคณะแสวงบุญไปยังศูนย์นักบุญยอแซฟ(St. Joseph's Oratory) คุณพ่อดาวน์รู้สึกตื่นเต้นที่จะได้ไปมอนทรีออลเป็นครั้งแรก พวกเขาไปเยี่ยมชมสถานที่ศักดิ์สิทธิ์หลายแห่ง ถวายมิสซาที่ศูนย์ และสวดภาวนาที่หลุมฝังศพของนักบุญอังเดร ผู้คนทั้งโบสถ์สวดภาวนาเพื่อเขาและมีผู้ไปแสวงบุญจำนวนมาก ท่ามกลางความตื่นเต้น คุณพ่อดาวน์ไม่ได้ตระหนักว่าแม้ฝนจะตกและวันที่ยาวนาน,เขาก็ไม่รู้สึกเจ็บปวดเมื่อกลับถึงบ้าน เขาไม่มีอาการเจ็บปวดเลยตั้งแต่นั้นมา “ผมไม่เคยพูดถึงอาการเจ็บหรือคิดเกี่ยวกับมันอีกเลยจนกระทั่งช่วงหลังของชีวิต” เมื่อเขาไปตรวจสุขภาพ,แพทย์กล่าวว่า: "คุณรับมือกับความเจ็บปวดในข้อต่อต่างๆของคุณตลอดหลายปีที่ผ่านมาได้อย่างไร" คุณพ่อดาวน์ตอบว่า “ผมไม่มีอาการเจ็บปวดเลยตั้งแต่ผมอายุสิบสองปี”
 
เคล็ดลับความศักดิ์สิทธิ์ของนักบุญอังเดรคือความอ่อนน้อมถ่อมตน นักบุญอังเดรไม่ได้แสดงอัศจรรย์ด้วยตนเองและท่านเรียกตัวเองว่า”สุนัขตัวน้อยของนักบุญยอแซฟ” ท่านเกิดที่เมืองแซงต์-เกรกัวร์ ดิเบอร์วิลล์ ควิเบก ประเทศแคนาดา เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 1845 และเติบโตในครอบครัวคาทอลิกฝรั่งเศสที่เคร่งศาสนา เมื่อนักบุญอังเดรอายุได้ 12 ปี บิดามารดาของท่านเสียชีวิต ท่านถูกส่งไปอาศัยและทำงานกับญาติ บิดาของนักบุญอังเดรเป็นช่างไม้เช่นเดียวกับนักบุญยอแซฟ และมารดาของท่านมีความศรัทธาต่อนักบุญยอแซฟอย่างมาก ซึ่งเธอได้ส่งต่อความศรัทธานี้ไปยังอังเดรน้อยซึ่งเป็นเด็กขี้โรค นักบุญอังเดร “มักจะนึกถึงนักบุญโยเซฟที่เฝ้ามองและดูแลพระกุมารเยซู และท่านตัดสินใจเลียนแบบคนงานผู้ศักดิ์สิทธิ์คนนี้ เพราะท่านจะต้องดูแลพระกุมารผู้ซึ่งท่านอุ้มอยู่ในดวงวิญญาณตลอดเวลาโดยอาศัยพระหรรษทานของพระเจ้าและพระองค์ผู้ที่ท่านได้รับด้วยความกตัญญูอย่างลึกซึ้งในการรับศีลมหาสนิท” (St. André: The Wonder Man of Mount Royal, H. P. Bergeron, CSC, 15)
 
นักบุญอังเดรเผชิญกับความท้าทายมากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อท่านพยายามที่จะเป็นบราเดอร์ในคณะกางเขนศักดิ์สิทธิ์ ท่านเติบโตในความศักดิ์สิทธิ์และได้รับพระพรสำหรับความเมตตาต่อผู้ป่วยและการเยียวยารักษาผ่านการวอนขอของนักบุญยอแซฟ บราเดอร์อังเดรต้องการสร้างอาสนวิหารอุทิศแด่นักบุญยอแซฟบนภูเขารอยัล ตรงข้ามวิทยาลัยที่ท่านทำงานเป็นคนเฝ้าประตู ในเมืองมอนทรีออล รัฐควิเบก ท่านเริ่มต้นงานนี้ด้วยสุขภาพที่ย่ำแย่,มีการศึกษาน้อย,และไม่มีเงินเลย แม้แต่พี่น้องของท่านเองก็บอกว่ามันเป็นไปไม่ได้ ถึงกระนั้น นักบุญอังเดรยังคงศรัทธาในพระเจ้าและความช่วยเหลือของนักบุญยอแซฟ เหรียญของนักบุญยอแซฟถูกฝังไว้ในดินตรงสถานที่ซึ่งนักบุญอังเดรประสงค์จะสร้างอาสนวิหาร และการสวดภาวนามากมายนับไม่ถ้วนได้วอนขอให้ประสบความสำเร็จ แล้วอัศจรรย์เกิดขึ้น,มีการสร้างโบสถ์เล็กๆขึ้นก่อน ต่อมาได้สร้างให้ใหญ่ขึ้น เมื่อกำแพงถูกตั้งขึ้นและไม่มีเงินสำหรับหลังคา นักบุญอังเดรก็วางรูปปั้นของนักบุญยอแซฟไว้ตรงกลางและกล่าวว่านักบุญจะจัดหาที่พักให้เอง ด้วยความช่วยเหลือจากนักบุญอังเดรและการทำงานหนักของท่าน บ้านของนักบุญยอแซฟเติบโตขึ้นเรื่อยๆ!
 
นักบุญอังเดรจะเป็นผู้นำในทุกสัปดาห์สำหรับการเดินรูปสิบสี่ภาคและการเฝ้าศีลมหาสนิทในโบสถ์น้อย ความรักของนักบุญอังเดรที่มีต่อศีลมหาสนิทนั้นยิ่งใหญ่มากจนท่านมักจะใช้เวลาทั้งคืนสวดภาวนาต่อพระเยซูเจ้า ห้องนอนของนักบุญอังเดร,ซึ่งท่านดูแลคนป่วยและคนใกล้ตายตลอดทั้งคืน, สามารถมองเห็นโหกบสถ์น้อยได้ นักบุญอังเดรได้เจาะหน้าต่างในห้องของท่านเพื่อท่านจะได้มองดูตู้ศีลและสวดภาวนาถึงพระองค์ทั้งกลางวันและกลางคืน
 
กล่าวกันว่าสุนัขเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของมนุษย์ นักบุญอังเดร,สุนัขตัวน้อยของนักบุญยอแซฟ,สมควรได้รับตำแหน่งเพื่อนที่ดีที่สุดของนักบุญยอแซฟอย่างแน่นอน บางครั้งก็เหมือนกับว่าท่านกำลังพูดกับนักบุญยอแซฟ,ผู้ที่เห็นเขากำลังสวดภาวนา นักบุญอังเดรให้คำแนะนำต่อผู้ที่ต้องการได้รับการรักษาอย่างเรียบง่ายว่า: “ถูตัวท่านด้วยเหรียญที่ได้รับการเสกแล้ว[ของนักบุญยอแซฟ]และด้วยน้ำมันของนักบุญยอแซฟ และทำนพวาร” (Bergeron, 67) นักบุญอังเดรแนะนำให้ทำนพวารแห่งศีลมหาสนิท,รับศีลอภัยบาป,และเดินรูปสิบสี่ภาค
 
นักบุญอังเดรเสียชีวิตในงานเลี้ยงวันพระคริสต์แสดงองค์(Epiphany)เมื่อวันที่ 6 มกราคม 1937 ขณะอายุได้ 91 ปี ผู้คนหลายล้านคนเดินทางไปเมืองมอนทรีออลท่ามกลางความหนาวเย็นและหิมะเพื่อคารวะนักบุญอังเดร เหนือสิ่งอื่นใด,นักบุญอังเดรปรารถนาให้ผู้คนใกล้ชิดพระเจ้ามากขึ้นและได้รับการเยียวยารักษา ท่านเต็มใจที่จะทำพลีกรรมเพื่อเปลี่ยนจิตใจของวิญญาณดวงหนึ่ง นักบุญอังเดรห่วงใยผู้เจ็บป่วย,คนยากจน,และความทุกข์ทรมานของโลก วันนี้,เมื่อไปที่ศูนย์นักบุญยอแซฟ,เป็นเรื่องน่าอัศจรรย์มากที่ได้เห็นไม้ค้ำยันและเหล็กดัดฟันนับพันที่ทิ้งไว้โดยผู้ที่หายจากโรค ผู้คนยังคงสวดวอนขอผ่านทางนักบุญยอแซฟและนักบุญอังเดร,สำหรับความต้องการมากมายของพวกเขา ในคำกล่าวของนักบุญอังเดรครั้งหนึ่งว่า: “น้อยครั้งนักที่ผมจะพบใครสักคนที่มาที่อาสนวิหารและจากไปโดยไม่ได้รับการปลอบโยน โดยไม่รู้สึกดีขึ้นเกี่ยวกับชีวิต” “จงวางตัวคุณไว้ในพระหัตถ์ของพระเจ้า พระองค์จะไม่ทอดทิ้งท่าน” ทุกๆ ปี,ผู้คนมากกว่าสองล้านคนไปเยี่ยมศูนย์นักบุญยอแซฟในมอนทรีออล ซึ่งเป็นอาสนวิหารที่ใหญ่ที่สุดในโลกสำหรับนักบุญยอแซฟ! ร่างของนักบุญอังเดรถูกฝังอยู่ที่นั่น
 
รูปภาพ- โบสถ์น้อยในมอนทรีออลที่สร้างโดยบราเดอร์อังเดร เบเซตติ
 
บราเดอร์อังเดร โปรดช่วยวิงวอนเพื่อเราด้วยเทอญ

************************
 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น