วันพฤหัสบดีที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566

เดินทางพร้อมกับนักบุญในช่วงเวลามหาพรต

 



โดย คุณพ่อ มารีโอ แอททาร์ด์ (Fr Mario Attard OFM Cap)
 
นักบุญสามารถช่วยสอนเราในช่วงเวลาแห่งมหาพรต ท่านจะช่วยเติมเต็มกระแสเรียกแห่งชีวิตที่แท้จริงของเราซึ่งก็คือการเป็นผู้มีความศักดิ์สิทธิ์ ดังนั้น นักบุญเป็นผู้ให้ความช่วยเหลือที่ดีแก่เราเพื่อนำเราไปสู่เป้าหมาย นั่นคือ การนำเราไปสู่ความศักดิ์สิทธิ์
 
ประการแรก ช่วงเวลามหาพรตสอนให้เราอดทนต่อทุกสิ่งเพื่อให้ได้มาซึ่งความใกล้ชิดกับพระเจ้า นักบุญคัทเธอรีนแห่งเซียนนากล่าวว่า: การกระทำในสิ่งที่ยิ่งใหญ่ไม่อาจประสบความสำเร็จได้หากปราศจากความอดทน
 
ประการที่สอง ช่วงเวลามหาพรตเตือนเราว่าไม้กางเขนคือบันไดทองคำสู่เยรูซาเล็มใหม่บนสวรรค์ นักบุญโรสแห่งลิมาสอนเราว่า นอกจากไม้กางเขนแล้ว ไม่มีบันไดอื่นใดที่เราจะไปถึงสวรรค์ได้
 
ประการที่สาม ช่วงเวลามหาพรตช่วยให้เรามุ่งความสนใจไปที่แหล่งของพลังแห่งความศักดิ์สิทธิ์ของเรา นั่นคือ,องค์พระเยซูผู้ถูกตรึงกางเขน นักบุญชาลส์ บอร์โรเมโอให้กำลังใจแก่เราว่า: ดูเถิด พระเยซูคริสต์ทรงถูกตรึงกางเขน พระองค์ทรงเป็นรากฐานเดียวแห่งความหวังของเรา พระองค์ทรงเป็นคนกลางระหว่างเรากับพระบิดาและทรงเป็นความรอดของเรา พระองค์ทรงยอมพลีชีพเพื่อชดเชยบาปของเรา พระองค์คือความดีและความอดทน น้ำตาของคนบาปทำให้พระเมตตาของพระองค์หลั่งไหล และพระองค์ไม่เคยปฏิเสธการให้อภัยและจะทรงประทานพระหรรษทานแก่ผู้ที่ทูลขอพระองค์ด้วยจิตใจที่สำนึกผิดและถ่อมตนอย่างแท้จริง
 
ประการที่สี่ ช่วงเวลามหาพรตทำให้เราตระหนักว่าชีวิตความเป็นอยู่ของเรานั้นจะมีความหมายเมื่อมีรากฐานมาจากพระคริสต์ นักบุญแคลร์แห่งอัสซีซีชี้ให้เห็นในประเด็นนี้เมื่อเธอกล่าวว่า: ถ้าท่านทนทุกข์กับพระองค์ ท่านจะได้ครอบครองร่วมกับพระองค์ ถ้าท่านร้องไห้กับพระองค์ ท่านจะมีความสุขร่วมกับพระองค์ ถ้าท่านตายร่วมกับพระองค์บนไม้กางเขน ท่านจะได้ครอบครองที่พำนักนิรันดร์ในความงดงามแห่งนักบุญทั้งหลาย และชื่อของท่านซึ่งเขียนไว้ในหนังสือแห่งชีวิตจะรุ่งโรจน์ในหมู่มวลมนุษย์
 
ประการที่ห้า ช่วงเวลามหาพรตเป็นสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมสำหรับการสวดภาวนา นักบุญโจเช่ มาเรีย เอสครีว่า กล่าวว่า: คุณไม่รู้จะสวดภาวนาอย่างไรหรือ? จงพาตัวเองไปอยู่เบื้องพระพักตร์พระเจ้าเถิด และทันทีที่คุณพูดว่า ‘พระเจ้าข้า ข้าพระองค์ไม่รู้จะสวดภาวนาอย่างไร!’ คุณก็มั่นใจได้ว่าคุณได้เริ่มต้นสวดภาวนาแล้ว
 
ประการที่หก ช่วงเวลามหาพรตสอนให้เราต่อสู้กับความเห็นแก่ตัวของเราเพื่อเปิดตัวเองให้ได้รับพระหรรษทานแห่งการไปสู่ความศักดิ์สิทธิ์ นักบุญคุณพ่อปีโอ ชี้ให้เราเห็นอย่างถูกต้องว่า: ชีวิตของคริสตชนไม่มีอะไรนอกจากเป็นการต่อสู้กับตัวเองตลอดเวลา ไม่มีการผลิบานของจิตวิญญาณไปสู่ความงามแห่งความสมบูรณ์ครบครัน เว้นแต่ในราคาของความเจ็บปวด
 
ประการที่เจ็ด ช่วงเวลามหาพรตคือการเชื้อเชิญด้วยความรักของพระเยซูเพื่อดับความกระหายของพระองค์ในผู้ที่ทนทุกข์ นักบุญเทเรซาแห่งกัลกัตตากล่าวว่า: ช่วงเวลามหาพรตเป็นช่วงเวลาแห่งความรักที่ยิ่งใหญ่ จงฟังความกระหายของพระเยซู...พระองค์ทรงทราบความอ่อนแอของคุณ พระองค์ประสงค์เพียงแต่ความรักของคุณ ประสงค์เพียงแต่โอกาสที่จะได้รักคุณ
 
ประการที่แปด ช่วงเวลามหาพรตเป็นเวลาพิเศษสำหรับการชำระจิตใจให้บริสุทธิ์ นักบุญออกัสตินแห่งฮิปโปอธิบายว่า: การถือศีลอดอาหารช่วยชำระจิตวิญญาณ ยกจิตใจให้สูงขึ้น ทำให้เนื้อหนังยอมจำนนต่อจิตวิญญาณ ทำให้จิตใจสำนึกผิดและอ่อนน้อมถ่อมตน ทำให้เมฆหมอกแห่งกิเลสตัณหากระจัดกระจายไป ดับไฟแห่งกิเลสตัณหา และจุดไฟที่แท้จริงของเมตตาจิต นำตัวเราเข้าสู่ภายในตัวเองอีกครั้ง
 
ประการที่เก้า ช่วงเวลามหาพรตเป็นเวลาของการสวดภาวนาและการพลีกรรม นักบุญเทเรซาแห่งลิซิเยอาร์ได้แนะนำสิ่งนี้แก่เรา: ความเข้มแข็งทั้งหมดของดิฉันอยู่ที่การสวดภาวนาและการพลีกรรม สองสิ่งนี้คือแขนที่ไม่มีใครสามารถเอาชนะได้ของดิฉัน สิ่งนี้สามารถกระตุ้นหัวใจได้ดีกว่าคำพูด
 
ประการที่สิบและสุดท้าย ช่วงเวลามหาพรตเป็นเวลาสำหรับการสวดภาวนา,การสำนึกผิด,และการทำกิจกุศล ในสาส์นวันมหาพรตปี 2004 พระสันตะปาปานักบุญยอห์นปอลที่ 2 ตรัสว่า: ขอให้เราออกเดินทางด้วยความไว้วางใจในการเดินทางช่วงเทศกาลถือศีลอดอาหารของเรา ค้ำจุนเราด้วยการสวดภาวนาอย่างจริงจัง,การสำนึกผิด,และความห่วงใยต่อผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง,ขอให้เทศกาลมหาพรตนี้เป็นช่วงเวลาแห่งความใส่ใจมากขึ้นต่อความต้องการของเด็กๆในครอบครัวของเราและเด็กๆในสังคมโดยรวม เพราะพวกเขาคืออนาคตของมนุษยชาติ
 
ขอบพระคุณพระเยซูเจ้าที่พระองค์ทรงส่องแสงแก่การเดินทางในช่วงเวลามหาพรตของเราด้วยการช่วยเหลือของบรรดานักบุญ อาแมน
 
************************
 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น