วันศุกร์ที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2566

เอ็ดวิจ คาร์บอนีกับวิญญาณในไฟชำระ

 



บุญราศีเอ็ดวิจ คาร์บอนี(Edvige Carboni) เห็นภาพนิมิตของคนที่ตกนรก,วิญญาณที่อยู่ในไฟชำระและร้องขอความช่วยเหลือจากเธอ และเห็นวิญญาณที่เข้าสู่สวรรค์
 
วิตาเลีย เพื่อนของเธอกล่าวว่า “มีชายหนุ่มคนหนึ่งอาศัยอยู่ในอาคารของเอ็ดวิจ เขาไม่เคยฟังคำแนะนำของเธอที่ให้เขาสำนึกผิดกลับใจ เขาเป็นคนที่ไม่เชื่อในพระเจ้าและเสียชีวิตทันทีจากไฟฟ้าช็อตในที่ทำงานของเขา ผู้ที่มาช่วยเหลือมีเวลาพอที่จะพาเขาไปโรงพยาบาล แต่เมื่อเขาอยู่ที่นั่น เขาปฏิเสธพระสงฆ์และการรับศีลสุดท้ายสำหรับผู้ใกล้ตาย
 
วันหนึ่ง เอ็ดวิจ เห็นเขาล้อมรอบด้วยเปลวเพลิง,ถูกสาปแช่ง เขาพูดด่าทอเธอและประณามเธอที่ไม่สวดภาวนาเพื่อเขาให้มากกว่านี้ พระเยซูทรงปลอบใจเอ็ดวิจโดยบอกเธอว่าพระองค์ทรงเมตตาชายคนนี้โดยส่งพระสงฆ์มาให้เขา แต่เขาก็ปฏิเสธพระสงฆ์"
 
มีอีกกรณีหนึ่งเกี่ยวกับชายผู้ดำเนินชีวิตที่ซื่อตรงไม่คดโกงแต่ไม่เคยรับศีลมหาสนิทเลย พระเยซูทรงบอกให้เอ็ดวิจเขียนจดหมายถึงชายคนนี้และบอกเขาว่าหากเขาไม่เปลี่ยนวิถีชีวิต,เขาจะถูกลงโทษ ชายคนนั้นไม่ต้องการกลับใจและต่อมาพระเยซูทรงบอกให้เอ็ดวิจรู้ว่าเขาถูกสาปแช่งเช่นกัน
 
พระเยซูยังทรงบอกให้ เอ็ดวิจ รู้เรื่องเกี่ยวกับหมอฟันคนหนึ่งในซาร์ดิเนียซึ่งถูกสาปแช่งว่า: “ลูกสาวของเรา หมอฟันคนนั้นที่เสียชีวิตเมื่อไม่กี่เดือนก่อนไม่ต้องการรับเราเป็นบิดาของเขา และเราก็ไม่รับเขาเป็นลูกชายของเราเช่นกัน”
 
กรณีที่รู้จักกันดีคือเรื่องเกี่ยวกับพระสงฆ์ท่านหนึ่ง ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง,พระสงฆ์คนนี้จะจัดการประชุมที่มหาวิทยาลัยในกรุงโรมเพื่อปฏิเสธการปรากฏอยู่อย่างแท้จริงของพระเยซูเจ้าในศีลมหาสนิท หลังจากที่พระสงฆ์ท่านนี้เสียชีวิต,เขาปรากฏตัวต่อเอ็ดวิจซึ่งเคยสวดภาวนาเพื่อเขา
 
เขาบอกเธอว่าเขาถูกสาปแช่งเพราะหนังสือที่เขาเขียนต่อต้านความเชื่อและเพราะเรื่องอื้อฉาวที่เขาก่อขึ้น เพื่อพิสูจน์ให้เอ็ดวิจเห็นว่านี่ไม่ใช่จินตนาการของเธอ พระสงฆ์หยิบหนังสือในห้องของเธอและเมื่อเขาแตะหนังสือ,มันก็ถูกเผาอย่างสมบูรณ์
 
เกี่ยวกับไฟชำระ เอ็ดวิจ เขียนในไดอารี่ของเธอเมื่อเดือนตุลาคม 1943 ว่า "มีใครบางคนปรากฏตัวขึ้นและแตะข้อมือของฉันและมันแผดเผาฉัน ฉันไม่รู้จักเขา เขาแต่งตัวลักษณะเป็นเจ้าหน้าที่ทางการ เขาบอกฉันว่า 'ฉันเสียชีวิตระหว่างสงคราม ฉันต้องการมิสซาที่ประกอบอุทิศเพื่อฉันโดย มองซิเออร์ วิทาลี.(Mons. Vitali.) คุณและน้องสาวควรถวายการรับศีลมหาสนิทเพื่อฉัน'
 
หลังจากประกอบพิธีมิสซาและรับศีลมหาสนิทตามความประสงค์ของเขาแล้ว เขาก็ปรากฏตัวต่อเธออีกครั้งท่ามกลางแสงสว่างและพูดว่า ‘ฉันจะไปสวรรค์ที่ซึ่งฉันจะสวดภาวนาเพื่อเธอสองคน (เอ็ดวิจและเปาลินา) และโดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับมองซิเออร์ วิทาลี.. ฉันเป็นคนรัสเซีย ฉันชื่อเปาโล วิสชิน(Paolo Vischin) คุณแม่ให้การศึกษาแก่ฉันในความเชื่อ แต่เมื่อฉันโตขึ้น ฉันปล่อยให้ตัวเองถูกชักจูงโดยอิทธิพลที่ไม่ดี ในช่วงเวลาแห่งความตาย ฉันสำนึกผิดและนึกถึงสิ่งที่แม่สอนฉันเมื่อยังเป็นเด็ก’”
 
เอ็ดวิจ เขียนในไดอารี่ของเธอว่า: "ในขณะที่ฉันกำลังสวดภาวนาต่อหน้าไม้กางเขน ทันใดนั้นคนๆ หนึ่งก็ปรากฏตัวต่อฉันด้วยเปลวเพลิง ฉันได้ยินเสียงหนึ่งพูดว่า
 
'ผมคือเบนิโต มุสโสลินี' พระเจ้าทรงอนุญาตให้ผมมาหาเธอเพื่อขอความบรรเทาทุกข์ในไฟชำระ ผมขอวิงวอนต่อเธอในฐานะผู้มีจิตกุศล ขอให้เธออุทิศการสวดภาวนา,ความทุกข์ทรมาน,และการพลีกรรมทั้งหมดให้แก่ผมเป็นเวลาสองปีถ้าหากพระสงฆ์ผู้แนะนำฝ่ายวิญญาณของเธออนุญาต พระเมตตาของพระเจ้านั้นไม่มีที่สิ้นสุด แต่พระยุติธรรมของพระองค์ก็เช่นกัน เราไม่สามารถเข้าสู่สวรรค์ได้จนกว่าจะจ่ายหนี้เพนนีสุดท้ายที่เป็นหนี้ต่อพระยุติธรรมศักดิ์สิทธิ์ให้ครบ ไฟชำระเป็นสิ่งที่ร้ายแรงน่ากลัวเป็นอย่างยิ่งสำหรับผมเพราะผมรอจนถึงวินาทีสุดท้ายเพื่อสำนึกผิดกลับใจ’
 
ในวันฤดูใบไม้ผลิปี 1951 พระเยซูตรัสกับฉันหลังจากรับศีลมหาสนิทว่า ‘เช้านี้วิญญาณของเบนิโต มุสโสลินีได้เข้าสู่สวรรค์แล้ว’”
 
มุสโสลินีตายเมื่อวันที่ 28 เมษายน 1945
 
************************
 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น