วันพุธที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2566

ความจำเป็นที่จะต้องเอาชนะตนเอง

 


เราไม่สามารถได้รับความรอดถ้าหากเราไม่ได้เป็นคริสตชน หรือไม่ได้รับความรอดถ้าการเป็นคริสตชนของเราปราศจากการเอาชนะประสาทสัมผัสของเราหรือมีความรักตัวเองมากเกินไป การรับศีลล้างบาป,ตามคำกล่าวของนักบุญเปาโล,หมายถึงการสิ้นพระชนม์และการถูกฝังของพระคริสต์ เป็นสิ่งผูกมัดเราตั้งแต่เวลาที่รับศีลล้างบาปให้เราตายต่อตนเองและต่อบาป และมีชีวิตอยู่เพื่อพระคริสต์ ดังนั้นศีลแห่งชีวิตนี้จึงเป็นศีลแห่งความตาย เป็นเสมือนแหล่งกำเนิดและหลุมฝังศพของเราในทันที (รม. 6) จงดำเนินชีวิตแห่งพระหรรษทานเถิด ต่อจากนี้ไป,เราถูกเรียกให้ตายต่อความเคลื่อนไหวของชีวิตแห่งประสาทสัมผัสและธรรมชาติที่เสื่อมทราม พิธีกรรมแห่งศีลล้างบาปมีความหมายว่าอย่างไร? และการประกาศอย่างเป็นทางการในนามของเราต่อหน้าคนทั้งหลายและเรายืนยันว่าเราโตพอที่จะเข้าใจภาระผูกพันที่เกิดขึ้นนี้? ท่านไม่ได้ผูกมัดตัวเองกับชีวิตที่ต้องเอาชนะตนเองตลอดไปหรอกหรือ? ท่านผูกมัดตัวเองไว้ที่ฐานพระแท่นบูชาต่อหน้าสวรรค์และโลก ที่จะละทิ้งโลกและความฟุ้งเฟ้อของโลก,ละทิ้งเนื้อหนังและความสนุกสนานของมัน,ละทิ้งปีศาจและกิจการของมันมิใช่หรือ? มันเป็นพิธีที่ว่างเปล่าซึ่งไม่มีข้อผูกมัดใดๆเลยกระนั้นหรือ? แต่มันเป็นคำสัญญาต่อเบื้องพระพักตร์พระเจ้าซึ่งผูกพันเรายิ่งกว่าคำปฏิญาณอื่นใดทั้งสิ้น
 
เรายอมจำนนอย่างเต็มใจต่อความน่ารำคาญและความน่าสมเพชของสิ่งซึ่งเราสนใจและหลงใหล และตอบสนองกับสิ่งเหล่านั้นด้วยราคาที่ดูเหมือนจะสูงเกินไป แต่จะมีสักกี่คนที่ยอมจำนนต่อการปฏิเสธตนเอง,ซึ่งในฐานะคริสตชน,พวกเขาจำเป็นต้องปฏิบัติ! แม้แต่ในบรรดานักบวช,มีสักกี่คนที่ตั้งใจปฏิบัติเพื่อกำจัดบาปที่ครอบงำตนเองให้หมดสิ้น! และสิ่งนี้เพียงอย่างเดียวที่เรียกว่าความศรัทธาที่แท้จริง เพราะสิ่งนี้เป็นภาระหน้าที่ที่สำคัญของคริสตศาสนา ความศรัทธาทั้งหมดที่ไม่เป็นไปตามนี้เป็นเพียงมายาภาพ
 
“เอาชนะตนเอง,แล้วท่านจะชนะทั้งโลก”
 
– นักบุญออกัสติน
 
ช่วงเวลามหาพรตนี้ เป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมในการที่เราจะเริ่มต้นเปลี่ยนแปลงตนเองด้วยการเอาชนะตนเอง โดยเริ่มจากการทำสิ่งเล็กๆน้อยๆก่อน เช่นกัน จำศีลอดอาหาร การทำทาน สวดภาวนาให้มากขึ้น รักษาความบริสุทธิ์ทั้งร่างกาย จิตใจ การพูด ความคิด ฯลฯ
 
************************
 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น