วันอังคารที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2566

นิมิตของพระสันตะปาปาเลโอที่ 13

 

 
พระสันตะปาปาเลโอที่ 13 (1878-1903) ซึ่งดำรงตำแหน่งพระสันตะปาปาเป็นเวลา 25 ปีและสิ้นพระชนม์เมื่ออายุได้ 93 ปีในปี 1903 ทรงมีประสบการณ์ที่แปลกประหลาดที่สุดเกี่ยวกับปีศาจ ในช่วงที่ดำรงตำแหน่ง,พระองค์ได้รับรู้ถึงการแทรกซึมของลัทธิอเทวนิยม,ลัทธิไสยเวทย์,และการแทรกซึมของสังคมที่ชั่วร้ายทุกรูปแบบ พระองค์รู้สึกหนักใจเป็นพิเศษจากอิทธิพลของกลุ่มเมซัน(Masons) ซึ่งมีเป้าหมายคือการทำลายพระศาสนจักรคาทอลิก พระสันตปาปาทรงออกสมณสาส์นชื่อ Humanum Genus ( เกี่ยวกับลัทธิฟรีเมซัน Freemasonry ) ซึ่งเปิดโปงกลุ่มเมซัน,พิธีกรรมของพวกมัน,และความโน้มเอียงของพวกมันไปสู่วัตถุนิยม,ไสยเวทย์,และมนุษยนิยม
 
กล่าวกันว่าประสบการณ์ของพระสันตะปาปาเกี่ยวกับปีศาจเกิดขึ้นในลักษณะดังต่อไปนี้: ขณะปรึกษากับพระคาร์ดินัลจำนวนหนึ่งในโบสถ์น้อยส่วนพระองค์ที่วาติกันเมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 1884 พระองค์บังเอิญเดินผ่านหน้าแท่นบูชา แล้วพระองค์ก็หยุดกะทันหันและดูเหมือนจะเสียการรับรู้สิ่งที่อยู่รอบตัว ใบหน้าเรียวของพระองค์ซีดลง ดวงตาจ้องมองด้วยความสยดสยอง และพระองค์ยืนนิ่งอยู่หลายนาทีจนคนรอบข้างคิดว่าพระองค์กำลังจะตาย แพทย์ส่วนพระองค์รีบวิ่งไปที่ด้านข้างของพระองค์ แต่ในช่วงเวลาหนึ่งหรือสองวินาทีต่อมา,พระสันตะปาปาก็รู้สึกพระองค์และร้องอุทานอย่างปวดร้าวว่า "โอ้ เราได้ยินคำพูดที่น่าสะพรึงกลัวอะไรเช่นนี้" ว่ากันว่าหลังจากที่พระองค์หายดีแล้ว พระองค์ก็กลับไปทำงานและได้แต่งบทภาวนาของอัครเทวดามีคาแอลไว้ดังนี้:
 
ข้าแต่อัครเทวดามีคาแอล โปรดป้องกันข้าพเจ้าในการรบ โปรดพิทักษ์ข้าพเจ้าในยุทธการกับความชั่วและกลอุบายของปิศาจ ข้าพเจ้าวิงวอนขอพระเป็นเจ้าทรงบังคับมันไว้ ข้าแต่จอมทัพสวรรค์ จงอาศัยฤทธิ์ของพระเป็นเจ้า กักกันปิศาจและจิตชั่วร้ายอื่นๆที่กำลังสัญจรเที่ยวรังควาญวิญญาณในโลกนี้ โปรดขังมันไว้ในขุมนรกเถิด อาแมน
 
หลังจากนั้นไม่นาน พระสันตะปาปาลีโอที่ 13 ก็ทรงเล่าถึงสิ่งที่พระองค์ได้ยิน: ตามรายงานเกี่ยวกับนิมิตของพระองค์, ปีศาจได้พูดโอ้อวดต่อพระเจ้าว่ามันสามารถทำลายพระศาสนจักรได้หากได้รับเวลาและพลังอำนาจมากกว่านี้ จากนั้น,มันได้ขอระยะเวลาต่อพระเจ้าเป็นเวลา 75 ปี,แล้วก็เป็น 100 ปี คำขอของมันได้รับการอนุมัติจากพระเจ้า  โดยที่มันรับรู้ว่าจะมีการลงโทษเมื่อมันล้มเหลว พระสันตะปาปาทรงเป็นกังวลอย่างมากหลังจากประสบการณ์นี้ พระองค์ทรงสั่งให้สวดบทภาวนาที่พระองค์แต่งนั้นหลังจากจบพิธีมิสซาและกระทำทั่วโลก บทภาวนาได้รับการสวดโดยนำหน้าด้วยบทวันทามารีย์สามครั้ง แต่การสวดภาวนาหลังจากพิธีมิสซานี้ได้ถูกยกเลิกไปเป็นส่วนใหญ่หลังจากมีสังคายนาวาติกันครั้งที่ 2 เมื่อพิธีมิสซาแบบละตินดั้งเดิมถูกแทนที่ด้วยพิธีมิสซาแบบปัจจุบันในปี 1970 อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 3 ตุลาคม 1984 --- 100 ปีลบ 10 วันหลังจากพระสันตะปาปาลีโอที่ 13 ได้ยินเสียงปีศาจขอระยะเวลา 100 ปีที่จะโจมตีพระศาสนจักร --- พระสันตะปาปายอห์น ปอลที่ 2 ทรงออกสาส์น "อนุญาติให้พระสงฆ์และสัตบุรุษ... สามารถประกอบพิธีมิสซาโดยใช้มิสซาโรมันตามฉบับปี 1962"(พิธีมิสซาละติน และสวดบทภาวนาวันทามารีย์ 3 ครั้ง ตามด้วยบทภาวนาต่ออัครเทวดามีคาแอล) 
 
Source: Angels and Devils
 
---------------
 
ที่เมดจูกอเรจ์,แม่พระทรงเล่าเหตุการณ์เดียวกันนี้ให้แก่มีรยานาดังนี้
 
- ขอโทษสำหรับสิ่งนี้ แต่ลูกต้องรู้ว่าซาตานมีอยู่จริง; วันหนึ่งมันได้ไปอยู่เบื้องหน้าพระบัลลังก์ของพระเจ้าและขออนุญาตให้มันทดสอบพระศาสนจักรในช่วงเวลาหนึ่ง พระเจ้าทรงอนุญาตให้มันทดสอบเป็นเวลาหนึ่งศตวรรษ ศตวรรษนี้อยู่ภายใต้อำนาจของปีศาจ แต่เมื่อความลับที่แม่ได้มอบให้แก่ลูกสำเร็จสมบูรณ์แล้ว อำนาจของมันจะถูกทำลาย ตอนนี้มันก็เริ่มสูญเสียอำนาจแล้วและมันแสดงความก้าวร้าวมากขึ้น: มันทำลายการแต่งงาน, ทำให้เกิดความไม่ลงรอยกันระหว่างพระสงฆ์, สร้างความลุ่มหลง, การฆาตกรรม ลูกต้องปกป้องตัวเองด้วยการสวดภาวนาและการอดอาหาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งจงสวดภาวนาเป็นหมู่คณะในชุมชน นำศาสนภัณฑ์ติดตัวไว้เสมอ ตั้งไว้ในบ้านของลูก นำน้ำเสกกลับมาใช้ใหม่”
 
25 ธันวาคม 1982
 
************************
 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น