วันอาทิตย์ที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2566

การบรรยายของคุณพ่อลิวิโอ เกี่ยวกับแอนตี้ไครส์

 



คุณพ่อลิวิโอ(Padre Livio):
 
สวัสดีครับทุกท่าน. เรานำเสนอเรื่งราวจากหนังสือ "คำพยากรณ์เกี่ยวกับแอนตี้ไครส์" ซึ่งกำลังจะอ่านจบ และตอนนี้เรากำลังดูอีกสองสามเรื่อง เหนือสิ่งอื่นใด เราได้ดูคำพยากรณ์ที่ยิ่งใหญ่ของมงฟอร์ต [Louis-Marie Grignion de Montfort] ที่กล่าวถึงยุคเหล่านี้ ยุคของพระนางมารีย์ ยุคของแอนตี้ไครส์ สำหรับมงฟอร์ต ยุคของพระนางมารีย์และยุคของแอนตี้ไครส์คือสิ่งเดียวกัน พระนางมารีย์ทรงปรากฏในสนามรบในช่วงเวลาเหมาะเจาะเพื่อเอาชนะกองกำลังต่อต้านพระคริสต์ซึ่งเป็นกองกำลังแห่งความชั่วร้ายที่ดำเนินงานของมันมาตลอดประวัติศาสตร์และมันกำลังต่อต้านอัครสาวก อัครสาวกที่พระนางมารีย์ทรงเลือก - มงฟอร์ตเรียกอัครสาวกเหล่านี้ว่าอัครสาวกในยุคสุดท้าย จากนั้นเราก็ได้เห็นแอนตี้ไครส์ตามที่ [วลาดิมีร์] โซโลวีฟตั้งสมมติฐานไว้ แอนตี้ไครส์ของ Soloviev มีบุคลิกภาพแบบ polyhydric คือเป็นคนที่มีทั้งการเมืองและศาสนาและมีพ่อมดเป็นผู้ช่วยเหลือส่วนตัวของเขา แอนตี้ไครส์ของ Soloviev ส่งเสริมตัวเองว่าเป็นคนที่คล้ายกับพระคริสต์ในทุกสิ่งและสามารถทดแทนพระองค์ได้ แต่พระคริสต์เป็นพระบุตรของพระเจ้าในขณะที่แอนตี้ไครส์ยอมที่จะขายวิญญาณของเขาให้กับซาตาน จากนั้นเราก็เห็นแอนตี้ไครส์ของเบ็นสันปรากฎในนวนิยายเรื่อง The Lord of the World โรเบิร์ต [ฮิวจ์] เบ็นสันเป็นแองกลิกันที่เปลี่ยนมาเป็นคาทอลิกและกลายเป็นพระสงฆ์ และเขาได้บรรยายถึงวัฒนธรรมของแอนตี้ไครส์ในยุคของเรา อันได้แก่ ศาสนามนุษนิยม, วิกฤตศรัทธา, การละทิ้งความเชื่อครั้งใหญ่, การยกย่องตนเองของมนุษย์, การโจมตีศาสนาคริสต์ด้วยเจตนาที่จะทำลายศาสนาคริสต์ และเมื่อดูเหมือนว่าการกระทำชั่วจะสำเร็จ,พระคริสต์จะเสด็จมาในพระสิริรุ่งโรจน์ของพระองค์ อย่างไรก็ตาม สิ่งเหล่านี้คือนักเขียนที่เขียนขึ้นเมื่อกว่าศตวรรษก่อน ในขณะที่ผลงานที่ใกล้ตัวกว่าสำหรับเราคือผลงานของ Maria Valtorta
 
ผลงานของ Maria Valtorta เป็นงานที่นำเกียรติมาสู่อิตาลีอย่างแน่นอน Maria Valtorta เป็นคนธรรมดา เธอเป็นนักเขียน,ซึ่งในความคิดของผม,เป็นหนึ่งในนักเขียนชาวอิตาลีที่มีผู้นิยมอ่านหนังสือของเธอมากที่สุดในโลก ผลงานของเธอได้รับการแปลถึงสิบภาษา ในความคิดของผม Maria Valtorta เป็นตัวอย่างที่สมบูรณ์แบบของความเป็นเลิศของอิตาลีในโลก ถึงแม้ว่าเธอจะเขียนเกี่ยวกับเรื่องทางศาสนา
 
งานเขียนหลักของ Maria Valtorta มีอยู่ 2 งานนั่นคือ ชีวิตของพระเยซูเจ้า จำนวน 10 เล่ม [ฉบับภาษาอังกฤษมี 5 เล่ม] ที่มีชื่อว่า The Poem of the Man God ซึ่งต่อมาก็ออกมาอีกชื่อหนึ่งว่า The Gospel as it was Revealed to Me ในงานชิ้นนี้ มีการเล่าถึงพระชนม์ชีพทั้งหมดของพระเยซูและในสภาพแวดล้อมทางประวัติศาสตร์/ภูมิศาสตร์ซึ่งไม่ธรรมดาจริงๆ 
 _______________________________
 
การตระหนักรู้ในรายละเอียดเกี่ยวกับชีวิตของพระเยซูทำให้เกิดข้อสงวนบางอย่างจากเจ้าหน้าที่ของพระศาสนจักรที่ยังคงอนุญาตให้อ่านงานนี้ได้ การคัดค้านไม่ใช่อยู่ที่อาจมีข้อผิดพลาดตามหลักคำสอน แต่อยู่ที่อันตรายของการทำให้งานนี้อยู่ในระดับเดียวกับพระวรสารทั้งสี่เล่มที่ได้รับการเปิดเผย ซึ่งเป็นพระวาจาของพระผู้เป็นเจ้า งานของเธอไม่ว่าจะมีรายละเอียดมากเพียงใดก็ยังคงเป็นผลงานของมนุษย์ นั่นคือ,ไม่สามารถกล่าวได้ว่า Maria Valtorta ได้เติมเต็มหรือทำให้พระวรสารสมบูรณ์ขึ้นแต่อย่างใด พระวรสารเป็นพระวาจาของพระเจ้าอย่างสมบูรณ์แล้ว การเปิดเผยส่วนตัวเป็นเหมือนสิ่งที่ 'เพิ่มเติม' เช่นตัวช่วยในการทำความเข้าใจพระวรสาร Maria Valtorta ระบุว่าแรงบันดาลใจในการเขียนผลงานชิ้นนี้มาจากนิมิตและคำบอกของแหล่งกำเนิดเหนือธรรมชาติ ไม่ว่าในกรณีใด,พระศาสนจักรไม่ได้ให้คุณค่าแก่งานในลักษณะนี้ (ซึ่งเกิดขึ้นไม่บ่อยนักในช่วงหลายศตวรรษที่ผ่านมา) มากไปกว่าคุณค่าทางจิตวิญญาณที่จรรโลงใจผู้มีความเชื่อ 
ดังนั้น แม้ว่าจะมีการกล่าวกันว่าเรื่องราวได้รับแรงบันดาลใจจากนิมิตเหนือธรรมชาติหรือการประจักษ์ แต่สำหรับพระศาสนจักรแล้ว หนังสือเหล่านั้นเป็นงานของมนุษย์ พระศาสนจักรบอกว่าคุณสามารถอ่านได้ แต่ถ้าหากสิ่งนั้นไม่ดีหรือไม่เกิดผลดีแก่จิตใจ พระศาสนจักรก็จะบอกว่าอย่าอ่าน และแม้ว่าพระศาสนจักรจะบอกว่าให้อ่านเพราะมันดี พระศาสนจักรยังคงถือว่างานนั้นเป็นของผู้เขียน แม้แต่นักบุญแคทเธอรีนแห่งเซียนนาก็ยังกล่าวว่าหนังสือ Dialogue of Divine Providence ของเธอได้รับการบอกเล่าโดยพระบิดานิรันดร แต่พระศาสนจักรก็ยังคงถือว่านั่นเป็นผลงานของนักบุญแคทเธอรีนแห่งเซียนนา,ไม่ใช่ของพระบิดานิรันดร์ และแต่งตั้งเธอให้เป็นนักปราชญ์ของพระศาสนจักร
 
งานสำคัญอื่นๆของ Maria Valtorta [...] คือ Notebooks [Quaderni] ซึ่งเป็นงานเขียนที่เธอรวบรวมไว้ตั้งแต่ปี 1943 ถึง 1951 สิ่งเป็นหนังสือเล่มใหญ่และนำเสนอการบอกเล่าจากแหล่งเหนือธรรมชาติ ในหนังสือเหล่านี้,ผู้เขียนครอบคลุมหัวข้อต่างๆมากมาย ตั้งแต่ประเด็นเรื่องความเชื่อไปจนถึงเรื่องราวในพระคัมภีร์ไบเบิล โดยเน้นไปที่คำถามที่เกี่ยวข้องกับชีวิตฝ่ายวิญญาณโดยเฉพาะ และในงานชิ้นนี้ของ Maria Valtorta ที่เราพบการพิจารณาที่มีชื่อเสียงเกี่ยวกับแอนตี้ไครส์(ปรปักษ์พระคริสต์หรือผู้ต่อต้านพระคริสต์) เพื่อนที่รัก,ลองคิดดูว่าในช่วงเวลาระหว่างปี 1943 ถึง 1951(ซึ่งเป็นเวลาที่อยู่ในยุคสงครามโลกครั้งที่1/และหลังสงคราม) 
 Maria Valtorta เขียนประมาณ 15,000 หน้าในขณะที่เป็นอัมพาตและต้องนอนบนเตียง และไม่มีความเป็นไปได้ในการค้นหาหนังสืออ้างอิงเล่มอื่นๆ เว้นแต่พระคัมภีร์เท่านั้น ในช่วงเวลานี้ครอบคลุมปีแห่งสงครามโลกครั้งที่1ที่เลวร้าย,มีการทิ้งระเบิดทางอากาศ การอพยพ การขาดแคลนอาหารและยารักษาโรค Maria Valtorta เขียนอย่างรวดเร็วและไม่มีการเตรียมการ การแก้ไข การร่าง และบ่อยครั้งไม่ได้อ่านทบทวนสิ่งที่เธอเขียนด้วยซ้ำ 
ตามมาตรฐานของมนุษย์ นี่เป็นผลงานที่น่าทึ่งที่สุด งานวรรณกรรมนี้เป็นหนึ่งในหนังสือที่มีผู้อ่านมากที่สุด เป็นที่รักมากที่สุด และเป็นที่นิยมตลอดกาลทั่วโลก และนี่คือสิ่งที่ผมจะพูดเกี่ยวกับ Maria Valtorta ต้องขอบอกว่าไม่ว่าเราจะชอบผลงานของเธอหรือไม่ ไม่ว่าเราจะเชื่อหรือไม่ก็ตาม มันเป็นความจริงที่ว่าเธอได้สร้างอนุสาวรีย์ที่แท้จริง ซึ่งก็คือหนังสือ Man-God สิบเล่ม และงานเขียนอื่นๆของเธอรวมทั้งอัตชีวประวัติที่ยอดเยี่ยมของเธอด้วย - ทั้งหมดนี้ถูกเขียนขึ้นในเวลาเพียงไม่กี่ปีและภายใต้สถานการณ์อันยากลำบากอย่างเหลือเชื่อ และบทประพันธ์เรื่อง Man-God มีผลอย่างมากต่อการอธิบายชีวิตของพระคริสต์ การอธิบายถึงสภาพแวดล้อมด้านภูมิศาสตร์และสภาวะอากาศที่สมบูรณ์แบบ ขนบธรรมเนียมของเวลา ภูมิศาสตร์และประวัติศาสตร์ คำอธิบายราวกับว่าเธอเคยอยู่มาก่อน แต่เธอไม่เคยไปที่นั่นเลย เธอไม่เคยลุกจากเตียงเลย
 
ดังนั้น ผมกำลังพูดว่า สิ่งที่เราสนใจในนาทีนี้ เพื่อนรัก—ไม่ต้องสงสัยเลยว่าคือเรื่องของแอนตี้ไครส์ ซึ่งเราพบว่ากระจายไปทั่วงานเขียนของ Maria Valtorta—นั่นไม่ใช่ในงานหลักของเธอ แต่เป็นหนังสือ Poem of the Man-God ที่เป็นการเขียนตามคำบอกเล่าจากพระเยซูเอง ['Quaderni'] พระศาสนจักรไม่เคยคัดค้านหนังสือเหล่านี้ พระศาสนจักรไม่เคยพูดอะไรเกี่ยวกับหนังสือหรือออกประกาศใดๆเกี่ยวกับ 'Quaderni' ของ Maria Valtorta ซึ่งเป็นงานเขียนตั้งแต่ปี 1943 ถึง 1951 พระศาสนจักรเพียงแต่คัดค้านเกี่ยวกับรายละเอียดที่มีปริมาณมากเกี่ยวกับชีวิตของพระเยซู ข้อสงวนเหล่านี้ก็อย่างที่ผมได้พูดไปแล้ว,อาจทำให้ผู้มีความเชื่อบางคนที่จะพิจารณาหนังสือเหล่านี้ [Poem of the Man-God] เหมือนกับเป็นหนังสือพระวรสารเล่มที่ห้า ไม่,มีพระวรสารเพียงสี่เล่มเท่านั้นที่เป็นพระวาจาของพระเจ้า และพระศาสนจักรเน้นย้ำว่าแม้ว่างานเขียนจะมีต้นกำเนิดเหนือธรรมชาติ แต่ก็ยังเป็นงานเขียนของมนุษย์ 
___________________________________
 
ดังนั้น,ให้เรามาดูเรื่องของแอนตี้ไครส์(ผู้ต่อต้านพระคริสต์)ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าสนใจมากตามที่ Maria Valtorta ได้แสดงภาพให้เราเห็น ระยะเวลาของการปรากฏตัวของแอนตี้ไครส์คือช่วงเวลาที่เรากำลังมีชีวิตอยู่ ในความเป็นจริง เมื่อเธอเขียนในปี 1943 โดยพาดพิงถึงบุคคลที่มีชื่อเสียงบางคนในสมัยนั้น เช่น ฮิตเลอร์ (ขอบอกเพียงชื่อเดียว) [...] เธอเรียกคนเหล่านี้ว่าเป็นผู้มาล่วงหน้าและกรุยทางให้แอนตี้ไครส์ และเธอกล่าวว่าช่วงเวลาอันน่าสะพรึงกลัวของการปรากฏตัวของแอนตี้ไครส์นั้น,คนเหล่านั้น(ผู้มาล่วงหน้า)มีชีวิตอยู่แล้วในปี 1943 ตอนนั้นผมก็มีชีวิตอยู่เหมือนกัน [หัวเราะ] อย่างไรก็ตาม,ไม่ว่าในกรณีใด,ความคิดเริ่มแรกของ Maria Valtorta เป็นอีกอย่างหนึ่ง...เธอพัฒนาแนวคิดซึ่งผมขอจะบอกว่าสำคัญมาก นั่นคือแนวคิดเรื่องคำทำนายเท็จ คำทำนายเท็จซึ่งจะระบุลักษณะช่วงเวลาของแอนตี้ไครส์และยุคสุดท้าย 
ในเรื่องนั้น,เราได้เห็นสิ่งนี้แล้วเมื่อพระเยซูบรรยายภาพของโลกก่อนที่พระองค์จะเสด็จมาอย่างรุ่งโรจน์ และผมขอบอกว่าลักษณะเฉพาะของช่วงเวลานั้นคือการสูญเสียความเชื่อในแง่หนึ่งและความเชื่อที่ผิดหลงในอีกแง่หนึ่ง ซึ่งเกิดจากประกาศกเท็จเทียมที่มีอำนาจอันยิ่งใหญ่ของการล่อลวงและอำนาจดังกล่าวสามารถโน้มน้าวใจผู้คนว่าพวกเขาสามารถทำให้คนที่ซื่อสัตย์หันเหออกจากความจริง ทำให้พวกเขาละทิ้งความเชื่อ คำทำนายเท็จยังเป็นหัวข้อที่มีอยู่ในพันธสัญญาใหม่ทั้งหมด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในงานเขียนของนักบุญเปาโล ในคัมภีร์ของคริสตศาสนา แต่ผมจะบอกว่า นักบุญยอห์น,ในจดหมายของท่านซึ่งพูดถึงเรื่องนี้อย่างเปิดเผย โดยใช้คำว่า "แอนตี้ไครส์" ซึ่งกล่าวถึงพวกเขาว่า 'พวกเขามาจากหมู่พวกเราเอง นั่นคือผู้ต่อต้านพระคริสต์นั้นอยู่ในพระศาสนจักร [มาจากแก่นกลางของพระศาสนจักรเลยทีเดียว] และคนเหล่านี้คือผู้ที่ปฏิเสธว่าพระคริสต์ คือพระเจ้า
 
ดังนั้น...เราอาจพูดได้ว่า Maria Valtorta ไม่ได้นำเสนอแอนตี้ไครส์ทางการเมือง เธอไม่ได้นำเสนอแอนตี้ไครส์ที่อยู่ในการเมือง เธอไม่ได้มุ่งไปที่การเมือง นั่นคือ,แอนตี้ไครส์เป็นประกาศกเท็จเทียม และตามที่ Maria Valtorta บรรยายแอนตี้ไครส์เทียบได้กับ Judas Iscariot แอนตี้ไครส์จะเป็นหนึ่งในสมาชิกของ Apostolic college(พระสงฆ์ผู้ใหญ่),ผู้ซึ่งทรยศเหมือน Judas ที่ขายตัวเองให้กับซาตาน นี่เป็นนิมิตที่น่ากลัวอย่างแน่นอน แต่ในกรณีใดก็ตาม,มันสอดคล้องกับพระคัมภีร์อันศักดิ์สิทธิ์ ซาตานได้โน้มน้าวให้ยูดาสทรยศต่อพระเยซูเจ้า " แต่เมื่อยูดาสได้รับขนมปังชิ้นนี้แล้ว ซาตานก็เข้าสิงในตัวเขา"(ยอห์น 17:27) และเราเห็นในหัวข้อของนักบุญยอห์นเกี่ยวกับแอนตี้ไครส์ในหมู่พวกเรา เราเห็นในพระคัมภีร์วิวรณ์(Apocalypse),ซึ่งเป็นงานเขียนของนักบุญยอห์นเช่นกัน โดยกล่าวถึงสัตว์ร้ายซึ่งคล้ายกันคือมีหน้าเป็นแพะแต่เสียงเป็นมังกร และเป็นแก่นเรื่องที่ปรากฏในการพิจารณาของพระสันตะปาปาเปาโลที่ 6 เมื่อพระองค์ตรัสว่าในพระศาสนจักรมีวิธีคิดที่มีการถ่ายทอดซึ่งไม่ใช่วิธีคิดแบบคริสตชนอีกต่อไป 
 __________________________________
 
ดังนั้น นี่จึงเป็นบรรทัดฐานที่สำคัญมาก ซึ่งสอดคล้องกับแหล่งอื่นๆ ในแง่ที่ว่าแอนตี้ไครส์มีแง่มุมทางสังคมและการเมืองที่เป็นสากล แต่ในขณะเดียวกันเขาก็มีแง่มุมอื่นด้วย...นั่นคือ แอนตี้ไครส์คือการสังเคราะห์ของสัตว์ร้ายทั้งสอง สัตว์ร้ายแห่งพระคัมภีร์วิวรณ์(Apocalypse) ของนักบุญยอห์น มีสัตว์ชนิดหนึ่งคล้ายเสือดาว คือ สัตว์ร้ายที่ขึ้นมาจากทะเล เป็นสัตว์ร้ายที่มีอำนาจทางการเมือง เศรษฐกิจ และการทหาร ทั้งหมดนี้คืออำนาจของมนุษย์ สัตว์ร้ายอีกตัวก็คือสัตว์ร้ายแห่งการพูดคำพยากรณ์เท็จ เพื่อนรักทั้งหลาย ขอให้ร่วมกันตระหนักถึงการฉ้อฉลของแอนตี้ไครส์ นั่นคือการล่อลวงและการเบียดเบียนกดขี่ข่มเหง Maria Valtorta มุ่งเน้นไปที่แง่มุมของการพูดคำทำนายเท็จ
 
มาดูข้อความในหนังสือของเธอกัน -- ข้อความที่รู้จักกันดีเหล่านี้จาก Maria Valtorta -- ซึ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้โดยเฉพาะ เธอเขียนในลักษณะราวกับว่าเธอได้รับคำบอกเล่าจากพระเยซู ซึ่งมาจากปี 1943 โดยมีข้อความว่า:
 
"ไปกันต่อเถิด, คิดเสียว่าเวลาเหล่านี้มาถึงแล้ว---แต่ยังไม่ใช่ช่วงเวลานี้" 
(--นั่นคือ Maria Valtorta คิดว่ามีบรรดาผู้มาล่วงหน้าและกรุยทางของแอนตี้ไครส์อยู่แล้ว)
 
"มีผู้มาล่วงหน้าเขาและกรุยทางให้เขา และเราสามารถเรียกชื่อของเขาได้ว่า ... " 
(--ลองฟังชื่อของแอนตี้ไครส์--)
 
"...ผู้ต่อต้าน,การบังเกิดของความชั่วร้าย,ความสยดสยอง, ผู้ล่วงเกินสิ่งศักดิ์สิทธิ์,บุตรแห่งซาตาน,ความอาฆาตพยาบาท,การทำลายล้าง และเรายังสามารถให้ชื่อที่ชัดเจนและน่าหวาดกลัวแก่เขาได้อีกมาก แต่เขาจะยังไม่ปรากฏมา" 
(--ในปี 1943 แอนตี้ไครส์ยังไม่มีตัวตน--)
 
“เขาจะเป็นคนที่มีตำแหน่งสูงส่งมาก เขาจะเป็นเหมือนดวงดาวที่สว่างไสว ไม่เหมือนดวงดาวของมนุษย์ที่ส่องแสงอยู่บนท้องฟ้า แต่เป็นดวงดาวจากโลกเหนือธรรมชาติที่ยอมสยบให้กับคำเยินยอของศัตรู ... " 
(--ศัตรูนั่นคือซาตาน--)
 
“...เขาจะเย่อหยิ่งจองหองหลังจากที่เป็นคนถ่อมตัว เขาจะกลายเป็นผู้ไม่เชื่อในพระเจ้าหลังจากเคยมีความเชื่ออันยิ่งใหญ่ เขาจะกลายเป็นผู้มักมากในตัณหาหลังจากเป็นคนบริสุทธิ์ เขาจะหิวกระหายทองคำหลังจากเคยดำเนินชีวิตยากจนแห่งพระวรสาร เขาจะกระหายในชื่อเสียงหลังจากเคยใช้ชีวิตอย่างซ่อนเร้น” 
(--เห็นได้ชัดว่า แอนตี้ไครส์จะเดินเส้นทางเดียวกับยูดาส ผู้ซึ่งได้รับเลือกให้เป็นอัครสาวก แต่กลับกลายเป็นคนนิสัยเสียและยอมจำนนต่อการล่อลวงของซาตาน จากนั้น Valtorta เขียนต่อไป:)
 
"การเห็นดวงดาวร่วงหล่นจากท้องฟ้ายังน่าตระหนกตกใจน้อยกว่าที่จะเห็นบุคคลผู้นี้, ผู้ที่ถูกเลือกสรรไว้แล้ว, กระโดดเข้าไปในบ่วงของซาตาน – บุคคลผู้นี้จะลอกเลียนบาปบิดาของเขาที่เขาเป็นผู้เลือก , คือลูซิเฟอร์ , ผู้ซึ่งจากความหยิ่งจองหองของมันได้กลายเป็นผู้ถูกสาปแช่งและกลายเป็นเจ้าแห่งความมืด แอนตี้ไครส์ก็เช่นเดียวกันจากความหยิ่งจองหองในหนึ่งชั่วโมงของเขา, เขาจะกลายเป็นผู้ถูกสาปแช่งและเป็นเจ้าแห่งความมืด หลังจากที่เคยเป็นดวงดาวสุกใสในหมู่ผู้เลือกสรรของเรา "
 
“งานอันชั่วร้ายของแอนตี้ไครส์จะสร้างความเสียหายร้ายแรงยิ่งกว่าสิ่งอื่นใดทั้งสิ้นภายในพระศาสนจักร,ที่ซึ่งบรรดาสมาชิกของพระศาสนจักรจะสั่นคลอนในความเชื่อของพวกเขา,จะถูกปนเปื้อนด้วยความเชื่อที่ผิดหลง,ในขณะที่ลัทธิซาตานจะแพร่กระจายไปทั่วโลก เพื่อการลบล้างให้สิ้นซาก…” 
(--พระเยซูตรัสกับเธอ คำอธิบายนี้เป็นหนึ่งในความแข็งแกร่งที่ไม่ธรรมดา และยังมีแง่มุมในพระคัมภีร์ไบเบิลด้วย) 
_______________________
 
(-- Maria Valtorta, กล่าวถึงอัครสาวกผู้นี้,ซึ่งเป็นดาวที่ส่องแสงในบรรดาผู้เลือกสรรของพระเจ้า, ผู้ซึ่งไปหาศัตรู--)
 
"...เพื่อเป็นรางวัลสำหรับการเลือกที่ผิดพลาดของเขา ซึ่งจะทำให้สวรรค์สั่นสะเทือนด้วยความสยดสยอง และเสาหลักของพระศาสนจักรของเราจะสั่นสะเทือนจนน่าตกใจ เขาจะได้รับความช่วยเหลือทั้งหมดจากซาตาน,ผู้ซึ่งจะมอบกุญแจสู่บ่อน้ำแห่งห้วงอเวจีให้กับเขาในตอนนี้ เพื่อเขาจะเปิดมัน แต่มันจะถูกเปิดกว้างเพื่อให้เครื่องมือแห่งความสยดสยองทั้งหมดสามารถหลั่งไหลออกมา,เครื่องมือซึ่งซาตานได้ประดิษฐ์ขึ้นในช่วงเวลานับพันปี,เพื่อนำมนุษย์ไปสู่ความสิ้นหวัง – และในลักษณะที่มนุษย์ทั้งหลายจะวิงวอนซาตานให้เป็นกษัตริย์และวิ่งติดตามแอนตี้ไครส์,ซึ่งเป็นคนเดียวที่สามารถเปิดประตูนรกเพื่อปลดปล่อยกษัตริย์แห่งนรกได้ เช่นเดียวกับที่พระคริสต์เปิดประตูสวรรค์เพื่อปลดปล่อยพระหรรษทานและการให้อภัย” 
(--สิ่งที่น่าสะพรึงกลัว คือยูดาสคนใหม่ที่ได้รับอำนาจ ผู้ซึ่งขายตัวเองให้กับซาตานและเป็นผู้เปิดประตูนรกเพื่อปลดปล่อยซาตานเพื่อที่เขาจะได้เป็นกษัตริย์แห่งโลก เป็นไปได้ไหม [...?] เป็นไปได้ เป็นไปได้จริงๆ,เพื่อนรัก,แล้วทำไมล่ะ แน่นอนว่าในวาระสุดท้ายจะมีบางสิ่งที่คล้ายกันมาก ดังที่ได้อธิบายไว้ในคัมภีร์วิวรณ์--- แต่...สิ่งนี้จะเกิดขึ้นในสมัยของเราหรือ? อันนี้ผมไม่รู้ ,ผมมีอะไรจะบอก อย่างไรก็ตาม,นอกเหนือจากช่วงเวลาทางประวัติศาสตร์ [ซึ่งเขียนตามคำบอกนี้] ซึ่งในความเห็นของผมมีความเกี่ยวข้องมาก เพราะในยุคของเรานี้เอง เรากำลังพบเห็นปรากฏการณ์ของความเชื่อที่ผิดหลงซึ่งไม่ควรมองข้ามอย่างแน่นอน และมันจะทำให้ความเชื่อพังทลายไปด้วยกัน--)
 
"เสน่ห์อันน่าทึ่งของแอนตี้ไครส์จะล่อลวงผู้ที่เปราะบางในความเชื่อ แต่เขาจะดึงดูดผู้ที่เป็นศัตรูของพระคริสต์ด้วย - [จะมีแนวร่วมของกองกำลังแห่งความชั่วร้าย] ซึ่งจะรับรู้และยอมรับในความเป็นผู้นำของเขา ดังเช่นที่พระบิดาทรงประทานอำนาจทุกอย่างให้แก่เรา, ซาตานก็จะมอบอำนาจแห่งการล่อลวงทั้งหมดให้กับเขา,เพื่อดึงคนที่อ่อนแอเข้ามาหาเขา คนที่กระทำการทุจริต,ซึ่งถูกกัดกร่อนด้วยความทะเยอทะยานเหมือนผู้นำของพวกเขา แต่เป็นความทะเยอทะยานที่ไม่อาจควบคุมได้ของเขา .." 
(--ความเย่อหยิ่งจองหอง ความทะเยอทะยานนี้,เพื่อนรัก –สิ่งนี้ต้องการเป็นพระเจ้าเสียเอง,มันต้องการแทนที่พระเจ้า--)
 
"...แอนตี้ไครส์จะพบว่าความช่วยเหลือเหนือธรรมชาติของซาตานนั้นยังไม่เพียงพอ ดังนั้น เขาจะมองหาความช่วยเหลือเพิ่มเติมจากศัตรูของพระคริสต์ ซึ่งมีอาวุธร้ายแรงกว่า [...?] ซึ่งกระตุ้นมวลชนให้สิ้นหวังมากขึ้น และคนเหล่านั้นจะช่วยเขา." 
(--ดังนั้น แอนตี้ไครส์จึงล่อลวงภายในพระศาสนจักรด้วยความเข้มแข็งของซาตาน ด้วยอำนาจของซาตาน ด้วยความสามารถในการนำเสนอเรื่องโกหกราวกับว่าเป็นเรื่องจริง ซึ่งเป็นลักษณะของซาตาน และในขณะเดียวกันก็เข้าเป็นพันธมิตรกับศัตรูของพระศาสนจักร [นี่เป็นหนึ่งในการรณรงค์ของกลุ่มลัทธิซาตาน] 
 ... จนกว่าพระเจ้าจะทรงประกาศว่า "พอแล้ว" และพระองค์จะเผาพวกเขาทั้งหมดด้วยความเกรี้ยวกราดแห่งการปรากฏมาอย่างรุ่งโรจน์ของพระองค์ หลังจากการพ่ายแพ้ของแอนตี้ไครส์ช่วงเวลาแห่งสันติภาพจะเริ่มต้นขึ้นสำหรับโลก 
(สิ่งที่โดนใจผมที่สุดในคำอธิบายนี้ เพื่อนรัก,คือการโจมตีความเชื่อที่มาจากภายในพระศาสนจักรเองและดูเหมือนว่าจะเป็นไปได้ Maria Valtorta กล่าวถึงวิกฤตความเชื่อในพระสงฆ์ ลองดูเรื่องนี้สิ,เพราะมันทำให้หลายคนสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้มาก ในอีกข้อความหนึ่ง, Maria Valtorta ทำให้ภาพรวมสมบูรณ์โดยยืนยันว่าการบังเกิดมาของแอนตี้ไครส์จะเกิดขึ้นได้,ไม่เพียงแต่จากการทุจริตคอร์รัปชั่นของโลกเท่านั้น แต่ยังเกิดจากวิกฤตทางจิตวิญญาณและศีลธรรมของคนหลายคนในพระศาสนจักรด้วย เธอเขียนว่า:)
 
“เมื่อเวลามาถึง,ผู้ส่องแสงสว่างจำนวนมากจะถูก [ความมืด?] ของลูซิเฟอร์โจมตี ซึ่งการที่มันจะชนะได้นั้น,มันต้องทำให้แสงสว่างที่อยู่ในจิตวิญญาณของพวกเขาลดน้อยลง สิ่งนี้สามารถเกิดขึ้นได้เพราะไม่เฉพาะแต่ฆราวาสเท่านั้น,แต่รวมถึงบรรดาพระสงฆ์ชั้นต่างๆ,จะสูญเสีย,และสูญเสียเรื่อยๆ อันได้แก่ พื้นฐานแห่งความเชื่อ,ความเมตตากรุณา,ความเข้มแข็ง,ความบริสุทธิ์,แห่งการไม่ยึดติดกับสิ่งยั่วยวนในโลกนี้ ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อที่จะสามารถดำรงอยู่ในแสงสว่างของพระเจ้าได้ " 
(--ตรงนี้, Valtorta ดูเหมือนจะเคยเห็นวิกฤตของสังฆภาพที่ไม่อาจปฏิเสธได้ ซึ่งท่วมท้นพระศาสนจักรในช่วงสองสามทศวรรษที่ผ่านมานี้--)
 
พระเยซูตรัสว่า "จงเข้าใจเถิดว่า ใครคือดวงดาวเจิดจรัสสุกใสที่เราพูดถึง พวกเขาคือผู้รับใช้ของเราที่เราบอกว่าเป็นเกลือของโลกและเป็นแสงสว่างของโลก,คือบรรดาผู้อภิบาลทั้งหลายของเรา สื่งบ่งชี้บอกชัดเจนถึงความมุ่งร้ายของซาตาน นั่นคือ การกำจัดแสงสว่างเหล่านี้,ด้วยการเข้าครอบงำพวกเขา,ผู้ส่องสว่างเหล่านี้ที่เป็นแสงสะท้อนจากแสงสว่างของเรา [...] ถึงแม้แสงจำนวนมากที่พระศาสนจักรแห่งสังฆภาพส่องสว่างออกมา,จิตวิญญาณก็ยังคงตกลึกอยู่ในความมืด เราสามารถหยั่งรู้ถึงความมืดมิดที่จะบดขยี้มวลชนเมื่อดวงดาวมากมายบนฟ้าสวรรค์จะดับลง" 
(--ดังที่คุณเห็นตรงนี้, เมื่อ Maria Valtorta พูดถึงวิกฤตในหมู่พระสงฆ์,มากกว่าวิกฤตทางศีลธรรม,มันเป็นวิกฤตของความเชื่อ,ซึ่งร้ายแรงมาก และปูทางไปสู่การทรยศที่เลวร้ายยิ่งกว่า Maria Valtorta เขียนว่า:)
 
“...ซาตานรู้เรื่องนี้,จึงหว่านเมล็ดพันธ์เพื่อตระเตรียมความอ่อนแอของพระสงฆ์เพื่อครอบงำเขาอย่างง่ายดายด้วยบาป ทั้งด้วยทางประสาทสัมผัสมากเท่ากับบาปทางความคิด ในความวุ่นวายทางจิตใจ มันจะง่ายกว่าสำหรับซาตานที่จะยั่วยุให้เกิดความวุ่นวายทางจิตวิญญาณ ในความวุ่นวายทางจิตวิญญาณนี้,ผู้อ่อนแอจะเผชิญกับการเบียดเบียน [...] จะทำบาปแห่งความขี้ขลาดและปฏิเสธความเชื่อของพวกเขา" 
(--นี่คือคำอธิบายซึ่งในความคิดของผม,มันเป็นไปได้ – มันเป็นไปได้มาก,ผมนึกถึงบางสิ่งที่นักบุญเทเรซาแห่งลิซิเออร์กล่าวว่า "ดิฉันสวดภาวนาเพื่อผู้ที่จะมีชีวิตอยู่ในช่วงเวลาอันเลวร้าย เมื่อแอนตี้ไครส์ปรากฏตัว" นี่จึงเป็นการบังเกิดมาของความชั่วร้าย แต่พระศาสนจักรจะต่อต้านและเอาชนะ ไม่ว่าในกรณีใดพระดำรัสของพระเยซูจะไม่ล้มเหลว พระเยซูทรงสัญญาอย่างจริงจังว่าประตูนรกจะไม่มีวันชนะพระศาสนจักรได้ อันที่จริง Maria Valtorta เขียนว่า)
 
"พระศาสนจักรจะไม่ตายเพราะเรา [พระเยซู] จะอยู่กับเธอ แต่พระศาสนจักรจะรับรู้ถึงชั่วโมงแห่งความมืดมิดและความสยดสยองคล้ายกับที่เราประสบในช่วงเวลาแห่งพระมหาทรมานของเรา,มันเพิ่มพูนขึ้นตามกาลเวลา เพราะนั่นเป็นวิธีที่ควรจะเป็น ดังที่พระศาสนจักรเริ่มต้นจากการถูกเบียดเบียนข่มเหงและได้รับการหล่อเลี้ยงด้วยพลังเหนือธรรมชาติจากเบื้องบนในปีแห่งการเริ่มต้นและในบุตรธิดาที่ดีที่สุดของเธอ มันจะเป็นเช่นนี้สำหรับ [พระศาสนจักร] เมื่อวาระสุดท้ายมาถึง พระศาสนจักรจะดำรงอยู่,ดำรงอยู่และต่อต้านการหลั่งไหลมาของน้ำท่วมของซาตานและ [...] ของแอนตี้ไครส์ โดยอาศัยบุตรและธิดาที่ดีที่สุด [ของพระศาสนจักร] - เป็นการเลือกที่เจ็บปวดแต่จำเป็น" 
(--ถึงตรงนี้ Maria Valtorta สะท้อนถึงคำพูดของนักบุญมงฟอร์ตและยังสะท้อนถึงคำสอนของพระศาสตจักรคาทอลิกที่กล่าวว่าพระศาสนจักร,ในการต่อสู้ครั้งสุดท้ายจะต้องรับความทุกข์ทรมานเช่นเดียวกับพระคริสต์ จงระวังให้ดีเพื่อนรัก,เพราะ Maria Valtorta กล่าวว่าเวลาเหล่านี้ซึ่งเป็นเวลาของเรา,อยู่ในอำนาจของแอนตี้ไครส์,อำนาจแห่งความชั่วร้ายจะปรากฏตัว เวลาเหล่านี้ยังไม่ถึงจุดสิ้นสุดของโลก แต่ [มันคือ เวลาของ] ผู้ที่จะเห็นการปรากฎตัวของแอนตี้ไครส์ หลังจากนั้นจะตามมาด้วยเวลาแห่งสันติสุขอันศักดิ์สิทธิ์ในโลก,ก่อนการระเบิดออกมาครั้งสุดท้ายของความชั่วร้าย,และการเสด็จมาของบุตรแห่งมนุษย์ในพระสิริรุ่งโรจน์ ดังนั้น,สำหรับ Maria Valtorta,หลังจากการระเบิดออกมาของแอนตี้ไครส์, ในวันนี้ ,ในช่วงเวลาเหล่านี้,จะมีช่วงเวลาแห่งสันติภาพ และสิ่งนี้เชื่อมโยงกับฟาติมาและเมดจูกอเรจ์จนถึงการระเบิดออกมาของความชั่วร้าย [ครั้งสุดท้าย]
 
ช่วงเวลาเหล่านี้,ช่วงเวลาของเรา เพื่อนรัก, ซึ่ง Maria Valtorta อธิบายว่ามีลักษณะความสงสัยไม่เชื่อและความไร้พระเจ้าซึ่งแผ่กระจายไปทั่ว,ช่วงเวลานี้จะถูกร่อนผ่านตะแกรงอย่างดีของพระศาสนจักร และในบริบทของความมืดทางวิญญาณที่ยิ่งใหญ่นี้เอง,ที่การปกครองของความชั่วร้ายสามารถเปิดเผยยืนยันตัวมันเองได้ "มันเป็นตรรกะ" เธอเขียน)
 
"ในโลกที่ดวงดาวแห่งความเชื่อที่ส่องสว่างทางจิตวิญญาณจำนวนมากจะตายไป การครอบครองอันสั้นแต่ยิ่งใหญ่ของแอนตี้ไครส์จะถูกสถาปนาขึ้นมา สถาปนาขึ้นโดยซาตาน มันเลียนแบบวิธีที่พระเยซูถูกสร้างขึ้นโดยพระบิดา,พระคริสต์,พระบุตรหนึ่งเดียวของพระบิดา,ทรงบังเกิดจากความรักอันศักดิ์สิทธิ์บริสุทธิ์ แอนตี้ไครส์ผู้เป็นบุตรของซาตาน,เกิดจากความเกลียดชัง,ความไม่บริสุทธิ์สามเศียร" คือ มีราคะตัณหาสามประการ(โลภ,โกรธ,หลง-ผู้แปล)
 
ดังนั้น เพื่อนที่รัก,เรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องที่พิเศษ มีการต่อสู้อันยิ่งใหญ่ระหว่างความดีและความชั่วในพระศาสนจักร ซึ่งซาตานดำเนินการด้วยอำนาจแห่งการล่อลวงอันละเอียดอ่อนซึ่งมันได้แสดงให้เห็นในการล่อลวงยูดาส และเรารู้ดีว่าในประวัติศาสตร์มันได้ล่อลวงคนจำนวนมากอย่างไร และมันประสบความสำเร็จในการล่อลวงกี่ครั้งในช่วงสองสามทศวรรษที่ผ่านมาเมื่อมันทำลายสังฆภาพ เพื่อนที่รัก [... ] สูตรสำเร็จของแอนตี้ไครส์นี้มีกลิ่นอายของพระคัมภีร์ไบเบิล และคำพยากรณ์ควรได้รับการยอมรับในขอบเขตที่จะช่วยให้คุณเข้าใจช่วงเวลาทางประวัติศาสตร์นี้จากมุมมองเหนือธรรมชาติ สำหรับส่วนที่เหลือทั้งหมด เมื่อไร ที่ไหน อย่างไร เป็นใคร ไม่ควรให้ความสนใจมากเกินไป ที่สำคัญอย่าทำตัวเหมือนกบตัวเล็กที่กระโดดเข้าปากงู
 
************************
 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น