วันเสาร์ที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2566

การประจักษ์ของพระหฤทัยสี่ครั้ง

 


พระเยซูเจ้าทรงปรารถนาให้ประชาชนมีความศรัทธาต่อดวงพระหฤทัยอันศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์และทรงเปิดเผยสิ่งนี้แก่นักบุญมาร์กาเร็ต มารีย์ อาลาก็อกในนิมิตหลายครั้งระหว่างปี ค.ศ. 1673-1675 
นักบุญมาร์กาเร็ต มารีย์ อาลาก๊อก(St. Margaret Mary Alacoque) เป็นแม่ชีชาวฝรั่งเศสในคณะเยี่ยมเยียนของแม่พระ(Order of the Visitation of Our Lady) พระเยซูทรงปรากฏแก่เธอสี่ครั้งในปาราล-เลอ-โมเนียล(Paral-le-Monial) ประเทศฝรั่งเศส ทรงเผยให้เห็นถึงความรักของพระองค์ที่ทรงมีต่อมวลมนุษยชาติผ่านทางพระหฤทัยอันศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ 
ด้านล่างนี้เป็นข้อความที่ตัดตอนมาจากการเปิดเผยสี่ครั้งในสมุดไดอารี่ของนักบุญมาร์กาเร็ต มารีย์ อลาก็อก
 
การประจักษ์ครั้งที่ 1 27 ธันวาคม 1673 
น.มาร์กาเร็ต มารีย์ อลาก็อก 
“วันหนึ่ง… ฉันกำลังสวดภาวนาต่อหน้าศีลมหาสนิทศักดิ์สิทธิ์ และฉันรู้สึกว่าตัวเองถูกแทรกซึมด้วยการสถิตอยู่ของพระเจ้า ในเวลานั้นฉันสูญเสียความคิดเกี่ยวกับตัวเองและสถานที่ที่ฉันอยู่ และฉันละทิ้งตัวเองในพระจิตศักดิ์สิทธิ์นี้,ฉันมอบหัวใจของฉันแก่พลังอำนาจแห่งความรักของพระองค์
 
“พระองค์ทรงให้ฉันพักพิงอยู่เป็นเวลานานบนพระอุระอันศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ ที่ซึ่งพระองค์ได้ทรงเปิดเผยความมหัศจรรย์แห่งความรักของพระองค์และความลับที่ไม่อาจอธิบายได้ของพระหฤทัยอันศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ ซึ่งพระองค์ทรงปกปิดฉันจนกระทั่งถึงเวลานี้ จากนั้น,เป็นครั้งแรกที่พระองค์ทรงเปิดเผยพระหฤทัยอันศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ให้แก่ฉัน” 
“ สำหรับฉันแล้วดูเหมือนว่านี่คือสิ่งที่เกิดขึ้น”:
 
พระเยซูเจ้าตรัสกับนักบุญมาร์กาเร็ต มารีย์ อาลาก็อก: 
“พระหฤทัยอันศักดิ์สิทธิ์ของเราลุกร้อนเป็นเปลวไฟด้วยความรักที่มีต่อมนุษย์ และสำหรับลูกเป็นการเฉพาะ เราไม่สามารถกักเก็บเปลวไฟแห่งความรักที่ลุกร้อนไว้ภายในตัวเราได้อีกต่อไป จำเป็นต้องแพร่กระจายความรักนี้ออกไปโดยผ่านทางลูก และเผยแสดงความรักนี้ต่อพวกเขา (มนุษยชาติ ) เพื่อเพิ่มพูนพวกเขาด้วยพระหรรษทานอันล้ำค่าในการทำให้พวกเขาศักดิ์สิทธิ์และได้รับความรอดที่จำเป็น,เพื่อดึงพวกเขาออกมาจากห้วงอเวจีแห่งความหายนะ เราได้เลือกลูกให้เป็นห้วงลึกแห่งความไร้ค่าและความไม่รู้เพื่อยังให้เกิดความสำเร็จแห่งแผนการณ์อันยิ่งใหญ่นี้และเพื่อที่ทุกอย่างจะถูกกระทำโดยเรา”
 
นักบุญมาร์กาเร็ต มารีย์ อาลาก็อก: 
“ต่อจากนั้น พระองค์ได้ทรงขอหัวใจของฉัน,ซึ่งฉันได้วอนขอพระองค์ให้ทรงนำเอาไป พระองค์ทรงทำเช่นนั้นและวางมันไว้ในดวงพระหฤทัยที่น่ารักของพระองค์ ที่ซึ่งพระองค์ทรงแสดงให้ฉันเห็นว่าเป็นอะตอมเล็กๆที่กำลังถูกเผาผลาญในเตาหลอมขนาดใหญ่ และจากนั้น,พระองค์ทรงนำมันออกมาดูราวกับเปลวไฟที่ลุกโชนในรูปของหัวใจ พระองค์ทรงนำมันกลับคืนยังที่เดิม,ที่ซึ่งพระองค์ทรงนำออกมา,พร้อมทั้งตรัสกับฉันว่า "
 
พระเยซูเจ้าตรัสกับนักบุญมาร์กาเร็ต มารีย์ อาลาก็อก: 
“สุดที่รักยิ่งของเรา,เราขอมอบสัญลักษณ์ล้ำค่าแห่งความรักของเราให้กับลูก โดยมีประกายไฟอันเร่าร้อนอยู่ที่สีข้างของลูก ซึ่งให้พลังแก่หัวใจของลูกและเผาผลาญลูกไปจนถึงข่วงเวลาสุดท้ายแห่งชีวิตของลูก ความเร่าร้อนของมันจะไม่มีวันดับลง และลูกจะสามารถพบความบรรเทาเล็กน้อยได้ด้วยการหลั่งเลือดเท่านั้น
 
“แม้แต่ในการบรรเทานี้ เราจะทำเครื่องหมายด้วยไม้กางเขนของเรา, เพื่อที่จะนำความลบหลู่มายังลูกมากยิ่งขึ้นและทำให้ลูกยินดีรับความทุกข์มากกว่าการบรรเทา เพราะฉะนั้น,เราจะทำตามสิ่งที่ลูกวอนขออย่างเรียบง่าย,นั่นคือให้ลูกสามารถปฏิบัติตามทุกอย่างที่เราสั่งและเราจะประทานความปลอบประโลมใจแก่ลูกในการหลั่งเลือดของลูกบนไม้กางเขนแห่งความอัปยศอดสูด้วย
 
“เพื่อเป็นข้อพิสูจน์ว่าความกรุณาอันใหญ่หลวงที่เรามีต่อลูกนั้นไม่ใช่เป็นเพียงจินตนาการของลูก,และยังเป็นรากฐานของทุกสิ่งที่เราตั้งใจจะมอบให้ลูกในภายภาคหน้า,ถึงแม้ว่าเราได้ปิดบาดแผลที่สีข้างของลูกแล้ว,แต่ความเจ็บปวดจะคงอยู่ตลอดไป . ถ้าก่อนหน้านี้,ลูกเรียกตัวเองด้วยชื่อทาสของเรา,ในเวลานี้,เราจะมอบชื่อให้แก่ลูกว่าศิษย์สุดที่รักแห่งดวงพระหฤทัยศักดิ์สิทธิ์ของเรา”
 
การประจักษ์ครั้งที่สอง: 2 กรกฎาคม 1674 – วันฉลองของการเสด็จเยี่ยมของแม่พระ 
นักบุญมาร์กาเร็ต มารีย์ อาลาก็อก: 
“พระหฤทัยศักดิ์สิทธิ์ถูกมอบให้ฉันในบัลลังก์แห่งเปลวเพลิง,สว่างไสวยิ่งกว่าดวงอาทิตย์,โปร่งใสราวกับแก้วผลึก, ด้วยรอยบาดแผลที่น่ารักนี้ และล้อมรอบด้วยมงกุฎหนาม,อันหมายถึงการถูกแทงที่เกิดจากบาปของพวกเรา,และกางเขนอยู่ด้านบนแสดงว่าสิ่งนี้เกิดขึ้นตั้งแต่วินาทีแรกของการลงมาบังเกิดของพระองค์…”
 
“องค์พระอาจารย์แห่งสวรรค์ของฉันเปิดเผยต่อฉันว่า เป็นความปรารถนาอันแรงกล้าของพระองค์ที่จะให้มนุษย์รับรู้,รัก,และให้เกียรติ และยังทรงปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะดึงพวกเขากลับออกมาจากหนทางสู่ความพินาศ, ซึ่งซาตานกำลังผลักดันพวกเขาจำนวนนับไม่ถ้วน เหตุนี้จึงทำให้พระองค์แสดงดวงพระหฤทัยของพระองค์แก่มนุษย์ด้วยขุมทรัพย์ทั้งหมดแห่งความรัก, ความเมตตา, พระหรรษทาน, การทำให้ศักดิ์สิทธิ์, และความรอดที่พระหฤทัยมีอยู่ทั้งหมด”
 
“พระหฤทัยของพระเจ้าดวงนี้จะต้องได้รับเกียรติภายใต้รูปของพระหฤทัยที่เป็นเนื้อหนังของพระองค์, ซึ่งเป็นภาพพระหฤทัยของพระองค์ที่ทรงประสงค์ให้เผยแพร่ออกไป, และจะต้องถูกสวมใส่บนตัวฉันและหัวใจของฉันด้วย
 
“พระองค์ทรงสัญญาว่าจะทรงหลั่งพระหรรษทานทั้งหมดลงบนหัวใจของทุกคนที่ให้เกียรติพระรูปพระหฤทัยของพระองค์นี้ และสำหรับทุกคนที่จะสวมใส่พระรูปนี้บนตัวของพวกเขา พระองค์สัญญาว่าจะจารึกความรักของพระองค์ไว้บนหัวใจของพวกเขาและทำลายความโน้มเอียงแห่งการไม่นบนอบเชื่อฟังทั้งหมด
 
“ทุกแห่งที่พระรูปศักดิ์สิทธิ์นี้ได้รับเกียรติ, พระองค์จะทรงหลั่งพระหรรษทานและพระพรออกมา พระพรนี้เป็นความพยายามครั้งสุดท้ายของความรักของพระองค์ พระองค์ประสงค์ที่จะประทานการไถ่กู้ด้วยความรักแก่มนุษย์ในช่วงศตวรรษสุดท้ายนี้ เพื่อช่วงชิงพวกเขาจากการควบคุมของซาตาน, ผู้ซึ่งพระองค์ตั้งใจจะทำลาย”
 
การประจักษ์ครั้งที่สาม: ความศรัทธาในการทำวันศุกร์ต้นเดือน, กรกฎาคม 1674 
“วันหนึ่ง ขณะที่ฉันคุกเข่าต่อหน้าศีลมหาสนิทที่อยู่บนพระแท่นบูชา…พระเยซูคริสต์, พระอาจารย์ผู้น่ารักของฉัน, ได้แสดงพระองค์ต่อฉัน,ในพระสิริรุ่งโรจน์ยิ่งใหญ่, ด้วยรอยบาดแผลทั้งห้าของพระองค์ที่ส่องประกายราวกับดวงอาทิตย์มากมายหลายดวง
 
“จากทุกส่วนของพระหฤทัยอันศักดิ์สิทธิ์,มีเปลวไฟออกมา แต่โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากพระอุระที่น่ารักของพระองค์, ซึ่งเหมือนกับเตาหลอม
 
“เมื่อทรงเปิดพระอุระ, พระองค์ทรงแสดงให้ฉันเห็นพระหฤทัยที่เปี่ยมด้วยความรักและน่าเคารพเทิดทูนของพระองค์,เหมือนแหล่งกำเนิดของเปลวไฟแห่งชีวิต แล้วนั้น,พระองค์ทรงเปิดเผยให้ฉันเห็นความมหัศจรรย์ที่ไม่อาจบรรยายได้ทั้งหมดของความรักอันบริสุทธิ์ของพระองค์, และความรักอันล้นเหลือที่พระองค์ทรงมีต่อมนุษย์,ที่ซึ่งพระองค์ไม่ได้รับสิ่งใดนอกจากความอกตัญญูและการดูหมิ่น
 
“‘สิ่งนี้นำความเศร้าสลดใจแก่เรา’ [พระเยซู] ตรัส ‘มากกว่าทุกสิ่งที่เราทนรับในพระมหาทรมานของเรา หากพวกเขาเพียงแต่มอบความรักตอบแทนให้แก่เราบ้าง เราจะไม่คำนึงถึงสิ่งทั้งหลายที่เราได้ทำเพื่อพวกเขา และเราจะทำทุกอย่างให้มากกว่านี้หากเป็นไปได้ แต่พวกเขามีแต่ความเย็นชาและเหยียดหยามต่อความพยายามทั้งหมดของเราที่จะทำความดีแก่พวกเขา ส่วนลูก,อย่างน้อยขอให้ลูกช่วยบรรเทาใจเราเพื่อเป็นการชดเชยความอกตัญญูของพวกเขาให้มากที่สุดเท่าที่ลูกจะทำได้”
 
“อันดับแรก,ลูกต้องรับเราในศีลมหาสนิทให้บ่อยเท่าที่ความนบนอบเชื่อฟังจะอนุญาต ไม่ว่าสิ่งนั้นจะนำมาซึ่งความอัปยศอดสูหรือการถูกดูหมิ่นก็ตาม ยิ่งไปกว่านั้น,ลูกต้องรับศีลมหาสนิทในวันศุกร์ต้นเดือนของแต่ละเดือน และทุกคืนระหว่างวันพฤหัสบดีถึงวันศุกร์,เราจะให้ลูกมีส่วนร่วมรับความโศกเศร้าจนแทบตายซึ่งเป็นความประสงค์ของเราที่จะทนทุกข์ในสวนมะกอกเทศ
 
“ความโศกเศร้านี้จะทำให้ลูกโศกเศร้าขมขื่น,ขมขื่นยิ่งกว่าความตาย,โดยที่ลูกไม่เข้าใจว่าเป็นไปได้อย่างไร, เพื่อร่วมกับเราในการสวดภาวนาอย่างถ่อมตน,ซึ่งเราได้ถวายต่อพระบิดาสวรรค์ของเราในความทุกข์ทรมาน,ลูกจะต้องลุกขึ้นระหว่างเวลาสิบเอ็ดถึงสิบสองนาฬิกา และอยู่กับเราด้วยการคุกเข่าเป็นเวลาหนึ่งชั่วโมง, ก้มหน้าลงกับพื้น,เพื่อระงับพระพิโรธของพระบิดานิรันดร์ของเรา และทูลขอต่อพระองค์ซึ่งการอภัยโทษต่อคนบาป
 
“ลูกจะมีส่วนร่วมกับเรา, ในการบรรเทาความโศกเศร้าอันขมขื่นที่เราต้องทนทุกข์ทรมานเมื่อสาวกของเราละทิ้งเรา และเราต้องอดทนต่อพวกเขาที่พวกเขาไม่สามารถเฝ้าอยู่กับเราแม้สักชั่วโมงเดียว ในช่วงเวลานั้น,ลูกจงทำในสิ่งที่เราจะสอนลูก”
 
การประจักษ์ครั้งที่สี่: พระเยซูเจ้าทรงสถาปนาการสมโภชพระหฤทัยศักดิ์สิทธิ์ในเดือนมิถุนายน 1675 
“วันหนึ่ง, ระหว่างช่วงวันที่แปดของการสมโภชพระวรกายและพระโลหิตพระคริสตเจ้า(Corpus Christi) เมื่ออยู่ต่อหน้าศีลมหาสนิท, ฉันได้รับหลักฐานพิเศษของความรักของพระองค์จากพระเจ้าของฉัน
 
“ขณะที่ฉันปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะได้รับความรัก [พระเยซู]ตรัสกับฉันว่า ‘ลูกไม่สามารถแสดงความรักต่อเรามากไปกว่าการปฏิบัติตามสิ่งที่เราได้บอกแก่ลูกหลายครั้งแล้ว’
 
“และ [ทรงเปิด] ให้ฉันเห็นพระหฤทัยศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์: ‘จงมองดูหัวใจดวงนี้ซึ่งรักมนุษย์มากมายจนไม่เหลือสิ่งใดไว้เลย แต่ยอมแตกสลายและตาย, เพื่อพิสูจน์ให้พวกเขาเห็นถึงความรักของพระหฤทัย และในการตอบแทน,เราได้รับอะไรจากมนุษย์ส่วนมากบ้าง,ไม่มีอะไรเลยนอกจากความอกตัญญู,การดูถูก,การไม่ให้เกียรติ,การดูหมิ่นและความเย็นชาที่พวกเขาปฏิบัติต่อเราในศีลแห่งความรักนี้
 
“แต่สิ่งที่ทำความเจ็บปวดยิ่งกว่าให้กับเราคือแม้แต่วิญญาณที่ถวายตนต่อเราก็ยังประพฤติตนในลักษณะนี้ เพราะฉะนั้น,เราขอให้ลูกทำวันศุกร์ต้นเดือนในช่วงวันที่แปดของการสมโภชพระวรกายและพระโลหิตพระคริสตเจ้า(Corpus Christi) ให้เป็นการฉลองเพื่อเป็นเกียรติแก่พระหฤทัยศักดิ์สิทธิ์ของเรา,และเพื่อเป็นการแก้ไขชดเชยและจงไปรับศีลมหาสนิทในวันนั้น, เพื่อชดเชยความชั่วร้ายที่เราได้รับในช่วงเวลาที่ศีลมหาสนิทถูกตั้งแสดงไว้บนพระแท่นบูชา
 
“‘เราสัญญากับลูกว่าพระหฤทัยของเราจะเปิดกว้างและหลั่งความรักอันศักดิ์สิทธิ์ออกมาอย่างล้นเหลือต่อทุกคนที่จะมอบและจัดหาซึ่งพระเกียรติแก่พระหฤทัยศักดิ์สิทธิ์นี้’”
 
พระหฤทัยศักดิ์สิทธิ์ของพระเยซูเจ้า,โปรดทรงเมตตาเราเทอญ
 
************************
 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น