ข้อพิจารณาไตร่ตรองจากพระคาร์ดินัล Antonio Cardinal Bacci
พระเยซูเจ้า,พระเจ้าผู้ทรงมาเกิดเป็นมนุษย์,เสด็จมาในตัวเราอย่างแท้จริง ถึงแม้ว่าเราจะเป็นเพียงสิ่งสร้างที่ต่ำต้อยน่าสงสารก็ตาม เราได้กลายเป็นพระวิหารที่มีชีวิตของพระตรีเอกภาพ พระเยซูเจ้าเสด็จมาหาเราทั้งพระกาย,พระวิญญาณ, และพระเทวภาพของพระองค์ พระองค์ยังกลายเป็นอาหารของเราด้วย อย่างไรก็ตาม,มีความแตกต่างอย่างมากระหว่างการบำรุงเลี้ยงด้วยอาหารทางวัตถุและการบำรุงเลี้ยงทางวิญญาณที่เราได้รับจากพระวรกาย,พระโลหิต,พระวิญญาณ และพระเทวภาพของพระเยซูคริสต์ เมื่อเรากินอาหารธรรมชาติ,เราทำให้มันกลายเป็นเลือดและเป็นเนื้อของเรา เมื่อเรารับศีลมหาสนิท ในทางกลับกัน,เป็นเราเองที่ต้องหลอมรวมและเปลี่ยนตัวเราให้เป็นพระเยซูคริสต์ ดังนั้น,เราแต่ละคนควรกลับกลายเป็นพระคริสต์อีกองค์หนึ่ง ในลักษณะที่นักบุญเปาโลกล่าวไว้ว่า “บัดนี้ข้าพเจ้าไม่ได้มีชีวิตอยู่อีกต่อไป แต่เป็นพระคริสต์ที่ทรงอยู่ในข้าพเจ้า” (กลา. 2:20)
อาหารทางวัตถุกลายเป็นมนุษย์และหลอมรวมเข้ากับตัวเรา อาหารศีลมหาสนิทของเราหลอมรวมเราเข้ากับศีลมหาสนิทเอง และในอีกแง่หนึ่ง,ทำให้เราสิ้นตัวตนไป นี่คือเหตุผลที่นักบุญยอห์น คริสซอสโตมเรียกศีลมหาสนิทนี้ว่า”ความลึกลับซึ่งนำเราไปสู่สวรรค์” อย่างไรก็ตาม,ก่อนที่สิ่งนี้จะเกิดขึ้นได้,จำเป็นที่เราจะต้องมารับศีลมหาสนิทด้วยท่าทีที่จำเป็น ซึ่งได้แก่:
(1) ดำเนินชีวิตด้วยความเชื่อที่มีชีวิตชีวา,ซึ่งจะทำให้เราสามารถรับรู้ว่าแผ่นศีลสีขาวนี้คือพระบุคคลของพระเยซูคริสต์เอง พระผู้ซึ่งเต็มไปด้วยความดี, ความเมตตา, และความรัก, ทรงกระตือรือร้นที่จะประทานสมบัติทั้งหมดแห่งดวงพระทัยของพระองค์มาให้กับเรา
(2) เราต้องมีความบริสุทธิ์และจิตใจอิสระ,ไม่เพียงแต่จากบาปหนักเท่านั้น แต่ยังรวมถึงไม่ติดใจผูกมัดกับบาปหนักด้วย
(3) มีความอ่อนน้อมถ่อมตน เพราะพระเยซูทรงรักผู้ที่ถ่อมตนและทรงทำให้ความเย่อหยิ่งอยู่ห่างจากพระองค์ พระองค์ทรงประสงค์ให้เราเป็นเหมือนพระองค์ กล่าวคือ มีใจอ่อนน้อมถ่อมตน จะต้องไม่มีความทะเยอทะยานทางโลก ดังนั้น,เราจึงต้องไม่มีใจรักในเกียรติยศ, ความร่ำรวย, หรือความยิ่งใหญ่ของมนุษย์ อย่าให้มีความรักเกินควรต่อสิ่งของหรือบุคคล,และมีเพียงความปรารถนาอันยิ่งใหญ่ที่จะทำให้พระเจ้าทรงพอพระทัยเท่านั้นและถวายชีวิตให้กับพระองค์ รวมทั้งความคิดและการกระทำทุกอย่าง
(4) ในที่สุด, มีความรักอันแรงกล้าต่อพระเยซูเจ้า, ซึ่งจะลบล้างความไม่สมบูรณ์ของเราทั้งหมด และรวมเราเข้ากับพระองค์อย่างแนบแน่นจนเราจะได้รับการเปลี่ยนแปลงโดยพระองค์ นักบุญเทเรซาแห่งพระกุมารเยซูกล่าวว่า “การรับศีลมหาสนิทอย่างดีและสมบูรณ์แบบเพียงครั้งเดียวก็เพียงพอแล้วที่จะสร้างนักบุญ” เมื่อเรารับศีลมหาสนิทอย่างถูกต้อง เราจะเปลี่ยนเป็นพระเยซู และด้วยเหตุนี้เราจึงกลายเป็นผู้บริสุทธิ์ เราไม่ได้ดำเนินชีวิตเหมือนเป็นตัวเองอีกต่อไป แต่เราดำเนินชีวิตในพระเยซู ไม่เพียงแต่เราได้รับการชำระให้บริสุทธิ์จากความไม่สมบูรณ์ทั้งหมดของเรา แต่เราว่างเปล่าเพื่อต้อนรับพระเยซูเข้ามาในตัวเรา พระเยซูกลายเป็นความคิดเพียงอย่างเดียวในจิตใจของเราและเป็นความปรารถนาหลักของใจเรา
เพราะฉะนั้น,การรับศีลมหาสนิทจึงควรเป็นอัศจรรย์เหนือธรรมชาติที่ทำให้เราได้ดำเนินชีวิตตามพระเยซูเจ้า นี่คือเหตุผลที่คริสตชนในยุคแรกรวมตัวกันที่โต๊ะศีลมหาสนิททุกวัน พวกเขารู้สึกว่าจำเป็นต้องบรรลุการเปลี่ยนแปลงจิตวิญญาณของพวกเขาเข้าสู่พระเยซูทุกวัน พวกเขาหิวโหยพระเยซู พวกเขาเร่าร้อนด้วยความรักที่มีต่อพระองค์ พวกเขาเป็นหนึ่งเดียวในหัวใจและจิตวิญญาณ ให้เราตรวจสอบมโนธรรมของตัวเองและดูว่าการมีส่วนร่วมของเรามีผลกระทบเช่นนี้กับเราหรือไม่ “ให้มนุษย์พิสูจน์ตัวเอง” นักบุญเปาโลกล่าว และให้เขากินขนมปังนั้นและดื่มจากถ้วยนั้น เพราะผู้ที่กินและดื่มอย่างไม่สมควร...ก็กินและดื่มการตัดสินลงโทษตนเอง” (1 คร. 11:28-29)
เราควรตรวจสอบมโนธรรมของตัวเองต่อหน้าศีลมหาสนิทและแสดงความเสียใจต่อบาปและความไม่สมบูรณ์ของเรา แล้วเราจะสามารถเข้าใกล้พระเยซูด้วยความรักและความมั่นใจ เราไม่ต้องกลัวเพราะพระองค์เป็นผู้เชื้อเชิญเรา พระองค์คือผู้ที่ปรารถนาที่จะรวมเป็นหนึ่งเดียวกับเราเพื่อให้เราเป็นเหมือนพระองค์ ให้เราไปหาพระองค์ด้วยการกลับใจ ด้วยความอ่อนน้อมถ่อมตน และด้วยความรัก แล้วพระองค์จะทรงทำให้เราบริสุทธิ์ "ขอให้ศีลศักดิ์สิทธิ์และศักดิ์สิทธิ์ที่สุดได้รับการสรรเสริญและขอบคุณตลอดเวลา"
************************
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น