วันเสาร์ที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2566

ความทุกข์ทรมานในนรก

 


โดย - โทมัส เคมปิส(Thomas Kempis)
 
เบื้องหน้าสายตาแห่งวิญญาณของท่าน,คือความวุ่นวายโกลาหลอันน่าสยดสยองหรือมันอาจเป็นถ้ำที่ปราศจากแสงสว่าง,ซึ่งพ่นควันพิษอันน่ากลัวอันไม่อาจบรรยายได้ทุกชนิดออกมา มันยังเต็มไปด้วยภาพที่น่ากลัวของเหวลึกซึ่งไร้ก้นบึ้งที่กำลังเผาไหม้,เต็มไปด้วยความร้อนแผดเผา มันคือไฟที่ฉุนเฉียวและไม่รู้ดับ
 
อีกทางหนึ่ง,ท่านอาจจินตนาการถึงเมืองใหญ่ที่ซึ่งประชากรทั้งหมดประกอบด้วยผู้ถูกสาปแช่งและปีศาจ เป็นสถานที่มีบรรยากาศเต็มไปด้วยไฟสีดำที่มองไม่เห็น ไฟที่มองไม่เห็นแต่แผ่กระจายไปทั่วนี้เผาไหม้รุนแรงยิ่งนักแต่มันไม่เปล่งแสงหรือส่องแสงใดๆออกมา และเหนือขึ้นไปของมหานครแห่งนรกแห่งนี้—ซึ่งเป็นเมืองหลวงของนรก—มีความมืดทึบที่ไม่อาจหยั่งถึงได้ โดยที่ประสาทสัมผัสและวิญญาณจะสับสนและเสื่อมถอยสู่สภาวะแห่งความทุกข์ทรมานตลอดไปชั่วนิจนิรันดร์
 
บรรยากาศที่นั่นเต็มไปด้วยเสียงสะท้อนอันน่าสยดสยองไม่จบสิ้นของเสียงครวญคราง, คร่ำครวญ, เสียงร้องไห้,และเสียงสะอื้นของผู้อาศัย เพราะวิญญาณที่ถูกสาปแช่งทั้งหมดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดและสิ้นหวังต่อการทรมานและความทุกข์ยากต่างๆที่พวกเขาต้องทนรับ ในขณะที่ปีศาจ (ซึ่งมีหน้าที่ทรมานผู้ที่ถูกสาปแช่ง) ส่งเสียงเยาะเย้ยอย่างโหดร้าย, เป็นการเย้ยหยันที่แข็งกระด้าง,เป็นเสียงหัวเราะที่เหี้ยมโหด
 
ความทรมานและความทุกข์ยากแต่ละอย่างที่ผู้อาศัยในนรกได้รับมีลักษณะเฉพาะเจาะจงสำหรับแต่ละบุคคล ด้วยเหตุผลนี้,วิญญาณที่สูญเสียไปแต่ละดวง (แม้จะมีวิญญาณดังกล่าวจำนวนมากมายนับไม่ถ้วนในเมืองนี้) ต่างก็อยู่ในสภาพโดดเดี่ยวอย่างที่สุด ปราศจากมิตรภาพและการปลอบประโลมใจใดๆทั้งสิ้น
 
ถึงกระนั้น, ในทางกลับกัน, ความทรมานและความเจ็บปวดที่มากมายหลากหลายเหล่านี้ล้วนเป็นหนึ่งเดียวกัน—มีส่วนร่วมในความเจ็บปวดทั่วไปและไม่สามารถบรรยายได้ มันเป็นการสาปแช่งชั่วนิจนิรันดร์ ซึ่งหาใช่สิ่งใดอื่นนอกจากเป็นการพลัดพรากชั่วนิรันดร์,พลัดพรากจากองค์ความดีสูงสุด,องค์แห่งความรัก,และศักดิ์ศรีอันสูงส่งของพระเจ้า
 
ขอให้พิจารณาต่อไปถึงความขมขื่นและความเจ็บปวดยิ่งยวดที่วิญญาณเหล่านั้นต้องทนทุกข์ทรมานที่นั่น,ความทุกข์ทรมานเหล่านี้มากเกินกว่าความเจ็บปวดใดๆที่ร่างกายหรือหัวใจของเราสามารถประสบได้ในชีวิตบนโลกนี้ เพราะไฟที่ลุกโชนไม่หยุดหย่อนนั้นร้อนยิ่งกว่าเปลวเพลิงใดๆในโลกอย่างหาที่เปรียบมิได้ แท้จริงแล้ว,กล่าวกันว่าไฟแห่งนรกนั้นร้อนมากกว่าความร้อนของไฟบนโลก หรืออาจเปรียบได้กับไฟบนโลกนั้นร้อนกว่าไฟที่อยู่ในภาพวาด
 
ต่อไป,ขอให้พิจารณาความหนาวเย็นที่อยู่ในนรก ท่านอาจสงสัยว่าเป็นไปได้อย่างไรที่มีความเยือกเย็น เมื่อพิจารณาจากเปลวเพลิงที่มีอยู่ทั่วไปทุกหนทุกแห่ง แต่ความรู้สึกที่เย็นยะเยือกของนรกกลับเป็นความขัดแย้งในเวลาเดียวกันกับไฟที่แผดเผาของมัน เป็นความจริงที่ความเจ็บปวดและความรู้สึกไม่สบายเกิดจากการรวมกันของความเลวร้ายและโหดร้ายแห่งความร้อนที่แผดเผาและความหนาวเย็นอันขมขื่น สิ่งนี้ไม่สามารถจินตนาการได้ด้วยจิตใจของมนุษย์
 
บางทีสิ่งใกล้เคียงที่สุดที่จะพบได้ในดินแดนโลกของเราคือความรู้สึกอันน่าสยดสยองของผู้ที่ป่วยด้วยโรคไข้พิษอย่างรุนแรง, ซึ่งประสบกับความร้อนจัดและความหนาวเย็นยะเยือกในเวลาเดียวกัน ดังนั้นพวกเขาจึงมีเหงื่อออกมากพร้อมๆกับตัวสั่นด้วยความหนาวอย่างรุนแรง
 
ถึงกระนั้นแต่ละคนก็สามารถสัมผัสได้ถึงความเลวร้ายสุดขีดของสภาพนี้จากเสียงที่ดังก้องอยู่ในบรรยากาศของนรก,สถานที่ถูกสาปแช่ง เพราะมีแต่เสียงขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน,การขบกรามไม่ขาดระยะ,การคร่ำครวญและร้องไห้,เสียงครวญครางและเสียงคำราม,เสียงร้องไห้และเสียงสาปแช่ง 
 
เพราะในความสิ้นหวังของพวกเขา,วิญญาณที่ถูกทรมานยังคงกล่าวคำดูหมิ่นและกล่าวร้ายต่อพระเจ้าอย่างน่าสะอิดสะเอียนที่สุดอย่างต่อเนื่อง—พระเจ้า,ซึ่งความชั่วร้ายของพวกเขาได้แยกพวกเขาออกจากพระองค์ตลอดกาล
 
และในลมหายใจของพวกเขา,พวกเขากล่าวคำสาปแช่งด้วยคำพูดที่ร้ายกาจที่สุดไปทั่วทั้งจักรวาล ในสถานะอันน่าสมเพชของพวกเขา, และในตัวของพวกเขาเองด้วยเช่นกัน
 
************************
 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น