สมโภชพระนางมารีย์เข้าสู่สวรรค์ทั้งกายและวิญญาณ
จากนิมิตของผู้ได้รับพรพิเศษ
เมื่อบรรดาอัครสาวกมาถึงคูหาฝังศพของพระนางมารีย์ที่เตรียมไว้, นักบุญเปโตรและนักบุญยอห์นได้ช่วยกันแบกแคร่พระศพเข้าไปในคูหาฝังศพด้วยความคารวะ คูหาเต็มไปด้วยดอกไม้ที่มีกลิ่นหอมและปิดด้วยหินก้อนใหญ่ ในขณะที่ทุกคนร้องไห้และสวดภาวนาด้วยความโศกเศร้าอย่างยิ่ง หลายคนสังเกตเห็นแสงพิเศษที่ส่องมารอบๆคูหา ผู้ไว้ทุกข์ส่วนใหญ่ค่อยๆกลับไปในเมือง แต่บรรดาอัครสาวกและสตรีบางคนยังคงเฝ้าอยู่และสวดภาวนาที่หน้าคูหา
ทันทีที่พระนางมารีย์ทรงสิ้นพระชนม์(บรรทมหลับ) พระเยซูเจ้าทรงนำพระมารดาผู้บริสุทธิ์ยิ่งของพระองค์ด้วยพระหัตถ์ขวาของพระองค์ และถวายพระนางเบื้องพระที่นั่งของพระเจ้า พระองค์ตรัสว่า “ข้าแต่พระบิดานิรันดร, สมควรแล้วที่พระมารดาจะทรงได้รับรางวัลตอบแทนในฐานะพระมารดาของลูก ตลอดชีวิตของพระนางและในกิจการทั้งปวงของพระนาง พระนางทรงกระทำเหมือนกับลูกเท่าที่สิ่งสร้างจะกระทำได้ ขอให้พระนางทรงได้รับเกียรติเช่นเดียวกับลูกในสง่าราศีและบนบัลลังก์ของเราเถิด” พระราชกฤษฎีกานี้ได้รับการอนุมัติจากพระบิดาและพระจิต และพระนางมารีย์ก็ถูกนำไปอยู่ทางพระหัตถ์ขวาของพระบุตรในทันที และทรงประทับข้างพระที่นั่งของพระตรีเอกภาพ
ทูตสวรรค์และนักบุญทั้งหลายพากันชื่นชมยินดี ถวายพระพรชัยแด่พระคริสตกษัตริย์พร้อมกับพระมารดานิรมลที่อยู่เคียงข้าง ขณะที่ดวงวิญญาณของบรรดานักบุญทั้งหลายในสวรรค์ต่างต้อนรับและสรรเสริญพระราชินีองค์ใหม่ของพวกเขาด้วยความยินดียิ่งใหญ่ และทั้งจักรวาลดูเหมือนจะโห่ร้องด้วยความยินดีว่า: "พระนางนั้นคือใครหนอ, ที่ขึ้นมาจากถิ่นทุรกันดาร, พรั่งพรูด้วยความปีติยินดี, ทรงพิงอยู่กับผู้เป็นที่รักของพระนาง?" ที่พระที่นั่งของพระตรีเอกภาพ พระบุคคลศักดิ์สิทธิ์ทั้งสามทรงต้อนรับพระนางมารีย์ไว้ในอ้อมกอดอันลึกลับแห่งความรักนิรันดร หลังจากที่พระนางได้โค้งคำนับเบื้องพระพักตร์องค์พระตรีเอกภาพด้วยความนอบน้อมและเคารพอย่างสุดซึ้ง พระนางทรงอาภรณ์ด้วยชุดคลุมแวววาวสวยงามและเป็นประกายระยิบระยับด้วยแสงสีรุ้งหลากสี
แล้วนั้น,พระบิดานิรันดรก็ทรงประกาศแก่ทุกมุมโลกและแก่บรรดาธรรมิกชนทั้งหลายว่า “มารีย์ลูกสาวของเราได้รับการเลือกสรรโดยความประสงค์ของเราจากบรรดาสิ่งสร้างทั้งหมดให้เป็นคนแรกในความโปรดปรานของเรา และเธออยู่ในฐานะลูกสาวที่แท้จริงของเราตลอดเวลา ดังนั้นเธอจึงมีสิทธิในพระอาณาจักรของเราซึ่งเธอจะต้องได้รับการยอมรับและได้รับสวมมงกุฎเป็นกษัตริย์และราชินีที่ถูกต้องตามบัญชาของเรา”
พระวจนาตถ์ผู้ทรงบังเกิดเป็นมนุษย์ทรงประกาศว่า: "พระมารดาที่แท้จริงตามธรรมชาติของเรา,จะเป็นมารดาของมนุษย์ทั้งหมดที่เราได้สร้างและไถ่มา และในฐานะที่เราเป็นกษัตริย์ของสิ่งสร้างทั้งมวล,พระนางก็จะทรงเป็นราชินีโดยชอบธรรมเช่นกัน"
และพระจิตตรัสว่า: "ในฐานะที่พระนางทรงเป็นเจ้าสาวที่เราได้เลือกสรร, ซึ่งพระนางได้ดำเนินชีวิตอย่างซื่อสัตย์, มงกุฎแห่งราชินีเป็นของพระนางตลอดไปเช่นกัน"
จากนั้นพระบุคคลศักดิ์สิทธิ์ทั้งสามทรงวางมงกุฎแห่งความรุ่งโรจน์อันวิจิตรงดงามไว้บนพระเศียรของพระนางมารีย์ ซึ่งงดงามเกินกว่ามงกุฎใดๆที่พระเจ้าเคยประทานมาก่อน ในเวลาเดียวกัน, เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นจากพระบัลลังก์โดยกล่าวว่า: "ผู้เป็นที่รักและถูกเลือกสรรของเราท่ามกลางมนุษย์ทั้งหลาย, อาณาจักรของเราเป็นของพระนาง,พระนางคือราชินีของเซราฟิม, ทูตสวรรค์ผู้ปรนนิบัติทั้งหมดของเรา และจักรวาลที่สร้างขึ้นทั้งหมด เรามอบอำนาจ, ความยิ่งใหญ่, และอำนาจเหนือสรรพสิ่งให้แก่พระนาง แม้ในขณะที่เต็มไปด้วยความสง่างามเหนือสิ่งอื่นใด,พระนางมารีย์ทรงถ่อมพระองค์ลงสู่จุดต่ำสุด บัดนี้,พระนางทรงได้รับพระเกียรติสูงสุดที่สมควรได้รับ และมีส่วนร่วมในพระราชอำนาจของพระเจ้า, เหนือสรรพสิ่งที่พระเจ้าได้ทรงสร้างขึ้นมา
Source: The Life of Mary as Seen by the Mystics
************************
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น