ปรากฏการณ์ที่เป็นที่รู้จักมากที่สุดของนักบุญโจเซฟ แห่งคูเปอร์ติโน นั่นคือ การที่ร่างของเขาลอยขึ้นในอากาศขณะอยู่ในญาณแห่งความปิติยินดี ไม่ใช่แค่หนึ่งหรือสองนิ้ว แต่สูงจากพื้นดินสิบหรือยี่สิบฟุตขึ้นไป และมีผู้ได้เห็นหลายคนไม่เพียงแต่ผู้ศรัทธาเท่านั้น แต่ยังมีพระสงฆ์และพระสังฆราชรวมถึงพระสันตะปาปาด้วย (นั่นคือสาเหตุหนึ่งในการรับรองการแต่งตั้งให้เขาเป็นนักบุญ)
พวกเขาเรียกสิ่งเหล่านั้นว่า "อัศจรรย์การลอยในอากาศ": ยากที่จะเชื่อ แต่ในขณะที่จิตใจอยู่ในญาณแห่งการพินิจใคร่ครวญ,ร่างของนักบุญโจเซฟจะลอยขึ้นไปในอากาศ โดยมักจะลอยอยู่เหนือหรือใกล้กับพระรูปศักดิ์สิทธิ์ที่เขาเคารพ ส่วนใหญ่แล้วเขาจะลอยขึ้นจากพื้นระหว่างประกอบพิธีมิสซา
“ในวันที่ 4 ตุลาคม ค.ศ. 1630 พระเยซูเจ้าทรงเลือกเขาสำหรับภารกิจที่จะแสดงลักษณะเฉพาะของเขา” จากหนังสือเล่มเล็กเล่มหนึ่งที่เราหยิบยกขึ้นมา “ในคูเปอร์ติโน, ขบวนแห่เพื่อเป็นเกียรติแก่นักบุญฟรังซิส อัสซีซี ถูกจัดขึ้นโดยมีโจเซฟ ร่วมอยู่ในขบวนแห่ด้วย และอยู่ๆร่างของเขาก็ลอยขึ้นไปในอากาศและอยู่ในสภาวะญาณแห่งความปีติยินดีและไม่ขยับเขยื้อนต่อหน้าต่อตาฝูงชนที่ตกตะลึง เสียงภายในกำลังชักชวนเขาให้ละทิ้งทุกสิ่งเพื่อเห็นแก่พระคริสต์”
หนังสือนี้ยังเล่าว่า “เกิดอัศจรรย์การลอยตัวในระหว่างพิธีมิสซาเป็นประจำวัน. “แม้แต่ในเวลากลางวัน เมื่อใดที่จิตใจของเขาถูกเผาไหม้ด้วยความศรัทธา, เขาจะลอยขึ้นไปในอากาศและอยู่เหนือแท่นบูชา, ต้นไม้, หรือพระรูปศักดิ์สิทธิ์”
เขายังได้ทำการเยียวยารักษาโรคและฟังการสารภาพบาปของผู้คน เช่นเดียวกับนักบุญฟรังซิส อัสซีซี เขารักสัตว์ต่างๆแม้กระทั่งหนอนและแมลง และสามารถชักจูงให้นกป่ามาเกาะเขาได้
“เมื่อพายุลูกเห็บตกหนักทำให้ฝูงแกะฝูงหนึ่งตายในฟาร์มแห่งหนึ่งใกล้ๆ” หนังสือเล่าต่อ “โจเซฟอุ้มแกะตัวหนึ่งขึ้นมาและสั่งว่า 'จงลุกขึ้นในพระนามของพระเจ้า!' และเขาทำกับแกะตัวอื่นจนกระทั่งฝูงแกะทั้งหมด กลับคืนสู่ชีวิต”
มันเป็นไปได้หรือ?
มีเอกสารบันทึกไว้
โปรดจำไว้ว่า นี่เป็นเวลาหลายร้อยปีหลังจากนักบุญฟรังซิส มันไม่ใช่ยุคมืดเสียทีเดียว
เขาอ่านจิตใจได้, นักบุญโจเซฟแห่งคูเปอร์ติโนสามารถทำนายเหตุการณ์ในอนาคต และรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในระยะไกล รวมถึงการสิ้นพระชนม์ของพระสันตะปาปาด้วย
เขามีความผูกพันเป็นพิเศษกับรูปภาพที่เรียกว่า Virgin of Grotella (วาดโดย Cimabue)
ภาพข้างล่างนี้เขากำลังลอยขึ้นต่อหน้าพระสันตะปาปาเออร์บันที่ 8
เมื่อพระสงฆ์อื่นๆเข้านอน โจเซฟจะแอบเข้าไปในมหาวิหารที่อัสซีซีเพื่อสวดภาวนาหน้าหลุมศพของนักบุญฟรังซิสหรือพระรูปพระนางมารีย์ปฏิสนธินิรมล
แต่ในระหว่างพิธีมิสซา,เป็นเวลาที่ฤทธิ์อำนาจของพระเจ้าแสดงออกมาอย่างเต็มที่โดยอาศัยเขา
“ปรากฏการณ์ของญาณสัมพันธ์ของเขากับพระเยซูเจ้าเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งในและนอกพิธีมิสซาศักดิ์สิทธิ์” หนังสือเล่มนี้อธิบาย “และตลอดหลายปีที่ผ่านมา มันก็ยิ่งใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ โจเซฟไม่เคยใส่ใจกับสิ่งเหล่านี้,ที่ทำให้เขากลายเป็นความอยากรู้อยากเห็นของผู้อื่น บ่อยครั้งเขาจะแก้ตัวโดยบอกผู้มาเยี่ยมว่าเขารู้สึกไม่สบายหรือต้องการการนอนหลับพักผ่อน”
ในเมืองอัสซีซี เขาได้ส่งกลิ่นหอมแห่งความศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งบางครั้งอาจคงอยู่ในสถานที่นั้นเป็นเวลายี่สิบวันหรือมากกว่านั้น
ก่อนที่จะย้ายไปอัสซีซี, เขาเคยไปที่นั่นเพื่อแสวงบุญและไปยังสักการสถานแห่งโลเรโตด้วย (บ้านของพระแม่มารีย์ในนาซาเร็ธซึ่งถูกเก็บรักษาไว้ในห้องขนาดใหญ่ของมหาวิหาร)
ผู้รับใช้ของพระเจ้าผู้หนึ่งสอนนักบุญโจเซฟว่า “จงเข้าไปภายในตัวเราเอง สิ่งสำคัญคือการตกแต่งภายใน การตกแต่งภายในของเราคือสิ่งสำคัญ”
โจเซฟ เสียชีวิตในเดือนกันยายนปี 1663
“ขอสรรเสริญพระเจ้า!” เขาอุทานก่อนจะสิ้นใจ “ขอให้พระประสงค์ของพระเจ้าสำเร็จไป!
“ข้าพเจ้าจะร้องเพลงถวายพระเมตตาของพระเจ้าตลอดไป! ความมีใจเมตตากรุณา! ความบนนอบเชื่อฟัง,ความนบนอบเชื่อฟัง!”
************************
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น